ตอนที่ 32 จริงๆ นะ เธอทำแต่เรื่องไร้ สาระทั้งนั้น
หลินเชื่อรีบบอก “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่แผลเล็กๆ เท่านั้นเอง” จิ้งเจ๋อหน้าบึง “เธอเกือบจะตายนะ นั่นไม่ใช่แผลเล็กๆ
หลินเชื่อยังคงไม่ใส่ใจ “ฉันเกือบตายเพราะว่ามันไปตัด โดนเส้นเลือดใหญ่ยังไงละคะ มันก็แค่เฉียดตายตอนช่วงนั้น นั่นแหละ ตอนนี้ก็ทำแผลแล้ว ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีแล้วนี่คะ ไม่ได้บาดเจ็บโดนอวัยวะสำคัญอะไรตรงต้นขาสักหน่อย
จิ้งเจ๋อจ้องหน้าเธออยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ ค่อยสบอารมณ์นักว่า “อยากทำอะไรก็ตามใจแล้วกัน ยังไงมัน ก็ร่างกายเธอนี่”
เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวและเดินออกจากห้องไป
หลินเชื่อกะพริบตา เชื่อว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิด เธอจึง ทอดตัวลงนอนดูโทรทัศน์ต่อด้วยความสบายใจ
วันต่อมา หลินเชื่อก็ออกจากโรงพยาบาลและกลับมาอยู่ที่
บ้าน
หญิงสาวนั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์ซึ่งเธอคิดว่าเป็นสิ่งที่น่า สนใจทีเดียว เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้นั่งบนอุปกรณ์ชนิดนี้ ที่จริงจิ้งเจือจะต้องเป็นคนอุ้มเธอขึ้นรถ แต่ หญิงสาวกลับร้องห้ามเป็นพัลวันเมื่อเขาตั้งท่าจะลงมือ “เฮ้ อย่าเพิ่งขยับค่ะ อย่าเพิ่ง ขอฉันถ่ายรูปก่อน
ขณะที่พูด เธอก็ยกมือยกไม้จัดท่าทางให้เหมาะและถ่าย รูปรถวีลแชร์ของตัวเองในชุดคนไข้
จิ้งเจ๋อยืนงงอยู่ตรงหน้า “จะถ่ายรูปทำไม
หลินเชื่อเงยหน้าขึ้นมองแล้วส่ายหัว “คุณไม่เข้าใจ ในเมื่อ ฉันเข้าโรงพยาบาลอย่างนี้ ฉันก็ต้องทำตัวให้น่าสงสารเพื่อ เรียกร้องความเห็นใจสักหน่อยสิคะ”
กู้จิ้งเจ๋อก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ดีว่ามันช่างแปลกเสียจริง ใคร จะมาเห็นอกเห็นใจอะไรด้วยเรื่องแบบนี้
หลินเชื่อยังคงถ่ายรูปต่อ แต่คราวนี้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
มีบางอย่างที่ยังไม่ถูกต้อง หลังจากนั่งคิดไปชั่วครู่ เธอก็ขอให้ พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างหน้าช่วยขยับหลบไป
“รถของคุณน่ะเป็นพร็อพชั้นยอดเลย ทำไมฉันถึงไม่ใช้มันนะ”
นัยน์ตาของจิ้งเจ๋อเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง เขาเฝ้ามอง เธอเปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ ด้วยความประหลาดใจ เธอถ่ายรูปล แชร์ของตัวเองซึ่งมีรถปอร์เช่ของเขาเป็นฉากหลัง โดยใช้ แอปพลิเคชัน ในโทรศัพท์พลางอธิบายว่า “ถ้าฉันถ่ายรูปแบบนี้ มันจะได้ดูเหมือนไม่จงใจที่จะอวดเกินไปนัก แต่ยังไงคนดูรูปก็ยังเห็นได้อยู่ดีไงล่ะคะ เฮ้ จิ้งเจ๋อ คุณอาจจะไม่เข้าใจ นี่อาจ จะเหมือนว่าฉันพยายามจะเรียกคะแนนสงสาร แต่ความจริงฉัน กำลังอวดให้ทุกคนเห็นว่าฉันมีรถปอร์เช่ต่างหาก คุณเข้าใจ เปล่า
กู้จิ้งเจ๋อยืนใบ้พูดอะไรไม่ออกขณะที่เฝ้ามองผู้หญิงไร้สาระ ตรงหน้า
เธอใส่ฟิลเตอร์ให้กับรูปที่ถ่ายเสร็จแล้ว ทำให้รูปนั้นยิ่ง ชัดเจนขึ้นไปอีกราวกับถ่ายด้วยฟิล์ม จากนั้นเจ้าตัวก็รีบโพสต์ ลงในเวยป๋อ ท่าทางกระดี้กระดาอย่างที่สุด
เขาแอบเห็นเธอพิมพ์ลงไปในเวยป๋อว่า ได้กลับบ้านซะที สองสามวันที่ต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นอะไรที่ทรมานมากจริงๆ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ช่วยเหลือเป็นอย่างดีนะคะ
ตามด้วยรูปของเธอที่กำลังนั่งอยู่บนวีลแชร์และมีรถ
ปอร์เช่เด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหลัง
จิ้งเจ๋อส่ายหน้า นี่เจ้าหล่อนไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ทำแล้ว หรือยังไง…
“แล้วเธอโพสต์อะไรแบบนี้ไปทำไม เขาถาม
หลินเชื่อเงยหน้าขึ้น “ก็จะได้อวดคนในเวยป้อน่ะสิคะ ฉันแชร์ลงในโมเมนต์ของวีแชทด้วยดีกว่า
หลังจากแชร์ภาพดังกล่าวกับเพื่อนเสร็จสรรพแล้วนั่น แหละ เธอถึงยอมให้กู้จิ้งเจ๋ออุ้มขึ้นรถได้
หญิงสาวยังคงก้มหน้าก้มตาดูเวยป๋อและโมเมนต์ในวีแช ทไม่เลิกแม้ว่ารถจะเริ่มสตาร์ตเครื่องแล้ว
ไม่ช้าก็เริ่มมีคอมเมนต์เด้งขึ้นมาในโมเมนต์ที่เธอโพสต์
เอาไว้
ทําไมถึงนั่งรถเข็นละคะ บาดเจ็บระหว่างการถ่ายทำ
คะ]
(น่าสงสารจัง หายไวๆ นะคะ
หลินเชื่อบอกกับจิ้งเจ๋อว่า “คนพวกนี้โง่จริงเลย ทำไมถึง มองไม่เห็นรถฉันนะ มัวแต่มองคนอยู่ได้ โอ๊ะ มีคนเห็นแล้ว
มีคอมเมนต์หนึ่งโผล่ขึ้นมาด้านล่างว่า ( นี่มีเสี่ยเลี้ยง ไงเนี่ย นั่นปอร์เซไม่ใช่เหรอ
หลินเชื่อหัวเราะเสียงดังลั่น รู้สึกภาคภูมิสุดขีด “คุณเป็น
มั้ยล่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อหน้าเครียด
หลินเซ่อพูดขึ้นอย่างเพิ่งนึกได้ว่า “ไอ้หยา คุณว่าหลังจาก พวกเขาได้เห็นฉันอวดรถแบบนี้ พวกเขาจะคิดว่าฉันเป็นแฟน เก็บเสียแก่ๆ ที่ไหนรึเปล่าคะ
กู้จิ้งเจ๋อยิ่งหน้าเครียดหนักขึ้นไปอีก
เขายังไม่แก่ขนาดนั้น
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะคางแล้วบ่นมอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าครอบครัวของฉันจะไม่ เห็นนี่นา ถึงยังไงหลินลี่ก็อยู่ในรายชื่อเพื่อนของฉัน
แน่นอนทีเดียว ไม่ช้าหลินลี่ก็มาทิ้งคอมเมนต์เอาไว้ว่า
(นั่นปอร์เซ่ไม่ใช่เรอะ หลินเซ่อ นี่เธอไปทำอะไรมา
หลินเชื่อพ่นลมพรืดแล้วทำเฉยใส่ เธอเชิดหน้าพูดอย่าง ภูมิใจเป็นที่สุดว่า “ไม่รู้ว่าเธอจะรู้รึเปล่านะคะว่านี่เป็นปอร์เช่ ราคาสิบกว่าล้าน ถ้าเทียบกับบีเอ็มถูกๆ ของเธอแล้วละก็ มัน ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
หลินเชื่อกลับไปไถดูในเวยป๋ออีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครมา คอมเมนต์อะไรเพิ่มอีก
กู้จิ้งเจ๋อถามขึ้น “นี่เธอชอบทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ
หลินเชื่อตอบ “แน่นอนสิคะ เมื่อก่อนน่ะฉันได้แค่คอยมอง คนอื่นโพสต์กัน แต่ตอนนี้ฉันสามารถทำแบบเดียวกันได้แล้ว
กู้จิ้งเจ๋อยังคงแคลงใจ “ทำไมเธอถึงไม่เคยทำล่ะ เท่าที่ฉัน รู้ ตระกูลหลินเองก็ไม่ได้ยากจนอะไรสักหน่อย เธอน่าจะมี โอกาสได้มีข้าวของเครื่องใช้ดีๆ กับเขาเหมือนกันนี่
หลินเชื่อตอบ “มันไม่ใช่ของฉันน่ะสิคะ พ่อฉันน่ะเกลียด ฉันจะตาย เมื่อก่อนน่ะท่านจะส่งหลินไปโรงเรียนด้วยรถเบนซ์ คันโตตลอด ส่วนฉันต้องซ้อนรถสกู๊ตเตอร์ของแม่บ้านไป
จิ้งเจ๋อนิ่วหน้าและหันไปมองอีกฝ่ายที่ยังจดจ่ออยู่กับการไถดูเวยป๋อไม่หยุด
“มีคนเข้ามาดูเยอะงั้น เขาถาม
หลินเซ๊อส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ ฉันอาจจะเป็นนักแสดง จริง แต่ฉันไม่ได้โด่งดังอะไร มีแฟนๆ ติดตามอยู่แค่สองพันคน เท่านั้นเอง แต่รอสักวันหนึ่งเถอะ ฉันจะต้องมีคนคนติดตาม เป็นล้านคน สองล้านคน หรือสิบล้านคนให้ได้ ฉันอยากได้ คอมเมนต์ทีละเป็นหมื่นๆ เวลาฉันโพสต์อะไรลงในเวยป๋อเห มือนเสียหรานบ้าง
เมื่อได้เห็นเธอพูดด้วยความหวังอันยิ่งใหญ่ จิ้งเจ๋อก็ได้ แต่ส่ายหน้า “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันก็จะขอแสดงความยินดี กับความสำเร็จของเธอล่วงหน้าเลยก็แล้วกันนะ
“ฉันจะต้องทำสำเร็จแน่ค่ะ!” คนพูดชูกำปั้นประกอบอย่าง
จิ้งเจ๋อเห็นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาส่ายหัวแล้วหัน
หน้ากลับไป
ขึงขัง
พอกลับมาถึงบ้าน หลินเชื่อรู้สึกสบายอกสบายใจขึ้นกว่า เดิมมาก ตอนที่อยู่โรงพยาบาลนั้น การได้เห็นอุปกรณ์การ แพทย์มากมายเต็มห้องไปหมดทำให้อารมณ์ของเธอหดหู โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละวันสำหรับห้องพัก ระดับวีไอพีแบบนั้น หญิงสาวก็ยิ่งอึดอัดใจ
เมื่อได้เห็นว่าหลินเชื่อสบายอกสบายใจดีแล้ว ชายหนุ่มก็ หันกลับไปทุ่มเทให้กับการทำงานของตัวเองในวันถัดมา
ทันทีที่กู้จิ้งเจ๋อออกจากบ้านไป หลินเชื่อก็ยืนกรานว่าจะไป ที่กองถ่ายให้จงได้
พ่อบ้านหูอยากจะห้าม แต่หลินเชื่อก็เร่งเร้าว่า “ไม่มีทาง หรอกค่ะ รู้รึเปล่าว่านี่มันกี่วันเข้าไปแล้ว ถ้าฉันยังหายตัวไป แบบนี้ ทีมงานจะต้องไม่อยากได้เช่นร่วมแสดงอีกแล้วแน่ๆ
เมื่อไม่มีทางเลือก พ่อบ้านหูจึงทำให้แต่เพียงสั่งการคน ติดตามให้คอยเฝ้าติดตามดูเธออย่างใกล้ชิดมากกว่าเดิม เท่านั้น
หลินเซ่อมาถึงกองถ่ายในแบบที่นั่งวีลแชร์มาตลอดทาง
ในกองถ่ายยังคงทำงานวุ่นวาย และทีมงานก็ไม่ได้มี ปัญหาอะไรกับการที่เธอลาหยุดไป แต่เมื่อพวกเขาเห็นเธอโผล่ เข้ามาบนรถวีลแชร์เช่นนั้น ใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาและถาม เธอด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่า “เกิดอะไรขึ้น ฉันเห็นโพสต์ของเธอ ในเวยป๋อ นี่ถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอ
หลินเชื่อเพียงแต่ตอบไปเรียบๆ ว่า “อุบัติเหตุรถยนต์นิด หน่อยน่ะค่ะ โชคดีที่แค่เจ็บขา อย่างอื่นไม่ได้เป็นอะไรค่ะ
ทุกคนต่างพากันเข้ามาถามไถ่ด้วยความเห็นใจและบอก ให้เธอพัก ให้หายดีเสียก่อน
“ยังนั่งรถเข็นอยู่แบบนี้ เธอไม่น่าจะมาทำงานเลย
หลินเชื่อรีบบอก “ไม่มีทางค่ะ เห็นอย่างนี้นะ ฉันยังถ่าย ฉากที่เห็นแค่ครึ่งตัวบนหรือฉากที่กำลังนั่งได้นะคะ ถ้าพอจะถ่ายฉากไหนได้ ฉันก็จะถ่ายค่ะ ไม่อย่างนั้นทีมงานคงทำงาน ไม่ทันกันแน่ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้ช่วยผู้กำกับก็ยิ้มออก “ดีมาก เธอเป็น มืออาชีพจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ฉันจะไปคุยกับผู้กำกับแล้ว ก็จะให้เธอร่วมถ่ายวันนี้ก็แล้วกันนะ
หลินเชื่อกล่าวขอบคุณ ทันทีที่พูดจบเธอก็ได้ยินเสียง ห้าวๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลังว่า “เธอมีแอคเคาน์เวยชื่อด้วย เหรอ ทำไมเราไม่ฟอลโลวกันหน่อยล่ะ
หลินเชื่อตกใจสุดขีด เธอหันไปมองกู้จิ้งอวี่แล้วพูดว่า “ฉัน ฟอลโลวอยู่นะคะ แค่พี่ไม่ได้ฟอลโลวฉันเท่านั้นเอง
เขามีแฟนๆ ติดตามมากมายเสียจนไม่ทันสังเกตเห็นเธอละมัง
กู้จิ้งอวี่ขอโทรศัพท์ของเธอ “ฉันจะฟอลโลวเธอ
หลินเซ่อมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ “จริงเหรอคะ”
กู้จิ้งอวี่ไม่ใช่คนที่ยอมกดติดตามใครง่ายๆ ในลิสต์คนที่
เขาติดตามมีอยู่เพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น
หลินเชอรีบส่งโทรศัพท์ให้
เขาเสิร์ชหาและกดติดตามเธอโดยไม่ลังเล
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ