แฟลช แต่งงาน ภรรยา

ตอนที่ 6 ชีวิตแต่งงาน



ตอนที่ 6 ชีวิตแต่งงาน

“ไม่จําเป็นหรอก” เขาโยนผ้าห่มลงไป “ฉันจะนอนบนโซฟาเอง เธอไปนอนที่เตียงเถอะ

เขาถือว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ และทางเดียวที่ทำได้คือ ต้องปฏิเสธเท่านั้น

หลินเชื่อนั้นจะนอนตรงไหนก็ได้ แต่สำหรับคนอย่างจิ้ง เพื่อที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังมหึมาขนาดนี้ เขาไม่ใช่คนที่แล้ว ปรับตัวกับความไม่สะดวกสบายได้ง่ายๆ แน่

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนอนบนโซฟาได้ จริงๆ นะ ฉันนอนที่บ้าน เป็นประจำนั่นแหละ คนตัวสูงอย่างคุณนอนโซฟาคงไม่สบาย หนักหรอก” เธอว่าแล้วก้าวเข้ามายืนข้างตัวเขา ทำท่าจะเอื้อม มือมาดึงข้อศอกของอีกฝ่าย

แต่ก่อนที่เธอจะทันได้สัมผัสตัว เขาก็ยกข้อศอกใส่เธอเข้า เสียก่อน

หญิงสาวล้มโครมลงบนพื้นห้อง เธอแหงนหน้ามองจิ้ง เจ๋อผู้ที่เพิ่งตระหนักถึงเจตนาอันดีของเธอได้ชัดเจน เธออุตส่าห์ เสนอให้เขานอนบนเตียงก็เพื่อจะยื่นไมตรี แต่การสัมผัสตัวนั่น ต่างหากที่ทำให้เขาทนไม่ได้

ความโกรธของหลินเชื่อค่อยๆ เพิ่มทวีขึ้นอย่างช้าๆ เธอ ลุกพรวดขึ้นแล้วเริ่มตะโกนใส่หน้า “จิ้งเจ๋อ นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันอุตส่าห์มีน้ำใจเสนอตัวนอน บนโซฟาแทน ให้นะ แล้วที่คุณทำอย่างนี้หมายความว่า อย่างไร”

กู้จิ้งเจ๋อเลิกคิ้วสวยไร้ที่ติของตัวเองขึ้น เขาก้มลงดูแล้ว ยกมือลูบข้อศอกตรงส่วนที่ถูกเธอสัมผัส ก่อนจะหันไปมองหญิง สาวที่กำลังโกรธเกรี้ยวข้างตัวอย่างใจเย็นแล้วพูดว่า “ผมขอบ อกตามตรงนะ คุณเป็นคนทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ ถึงคุณจะ บอกว่าคุณอุตส่าห์มีน้ำใจ แต่คุณไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยเห รอที่จะพูดแบบนี้”

“ต่อให้…ต่อให้ฉันวางยาคุณ แต่ฉันก็ไม่ได้บังคับให้คุณมี อะไรกับฉันสักหน่อย คุณ…คุณจะช่วยตัวเองหรืออะไรก็ทำไป สิ แต่นี่คุณกลับมามีอะไรกับฉันแทน ฉันต่างหากที่ควรจะเป็น คนบ่นน่ะ” ยิ่งพูด เธอก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากขึ้นไปอีก แต่เธอก็ ปฏิเสธที่จะยอมรับออกมา

เป็นความผิดเขานั่นแหละ โทษฐานท่าตัวงี่เง่าเอง

“เธอ…” จิ้งเพื่อไม่ทันนึกในตอนแรกว่า “ช่วยตัวเอง หมายถึงอะไร แต่เมื่อเข้าใจแล้ว เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หยาบ คายและไร้มารยาทเกินจะรับไหว ใบหน้าของชายหนุ่มยิ่งเย็น ชามากขึ้นเป็นเท่าทวีเมื่อเขาชี้นิ้วไปที่ประตูแล้วพูดขึ้นว่า “ออก ไป!”

หลินเชื่อชะงัก นี่เธอคิดอะไรอยู่ถึงได้มายืนเถียงกับเขา ราวกับคนหัวร้อนแบบนี้
ยิ่งเขาดูถูกเธอเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เธอ จ้องหน้าเขาตาเป่งแล้วกระโดดพรวดขึ้นเกาะหลังอีกฝ่าย “ว้าย ไม่นะ! นั่นหนูนี่นา น่ากลัวจังเลย! ฉันกลัวหนูที่สุดเลย

เอาสิ ในเมื่อเขารังเกียจเธอดีนัก งั้นเธอก็จะยิ่งกวนโมโห ให้หนักขึ้นไปอีกด้วยการเกาะเขาไม่ปล่อยนี่แหละ

กู้จิ้งเจ๋อตัวแข็งเป็นหินเมื่อร่างนุ่มๆ หอมกรุ่นมาเกาะติด เขาเหมือนตัวสล็อธ ร่างเขากระตุกและพยายามจะสลัดเธอออก โดยสัญชาตญาณ

“ออกไปนะ!” เขาเอื้อมแขนมาข้างหลังพยายามจะผลัก เธอออก แต่ก้อนเนื้อหยุ่นๆ สองก้อนที่เบียดแนบอยู่บนหลังนั้น ทำให้ร่างกายของเขาแสบร้อนราวกับโดนเปลวไฟ ชายหนุ่ม ตัวแข็งทื่อ

แม้ว่าหลินเชื่อจะเป็นผู้หญิงร่างสูงถึง หนึ่งร้อยหกสิบแปด เซนติเมตร แต่เมื่อเทียบกับจิ้งเจ๋อที่สูงอย่างต่ำก็ราวหนึ่งร้อย เก้าสิบเซนติเมตรเข้าไปแล้วนั้น เธอจึงกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ไปเสียถนัด ร่างกายของเธอไม่เหมือนร่างกายของผู้ชาย มัน เนียนนุ่มเหมือนผ้าไหม เย็นเหมือนสายน้ำ เธอเกาะเกี่ยวอยู่ บนตัวเขาราวกับตัวเรียวยาว ทำให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าเธอไม่ เพียงแค่สูงเท่านั้นแต่ยังมีเรือนร่างอ้อนแอ้นอรชรทีเดียว นิ้ว เรียวของเธอที่เกาะเกี่ยวแขนเขาไว้ให้ความรู้สึกที่ดีแม้ว่ามันจะ เย็นเฉียบ

แต่ถึงยังไงเจ้าก้อนหยุ่นๆ สองก้อนที่แนบอยู่กับแผ่นหลังนั้นก็ดูจะยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ และร่างกายของเขาก็ เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

ให้ตายสิ ฤทธิ์ยามันน่าจะหมดไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ

“ฉันไม่ปล่อยหรอก มันมีหนูนะ ฉันกลัวหนู…” เธอเกาะเขา แน่นชนิดติดหนึบและไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าแขนยาวของอีกฝ่ายเอื้อมมาคว้า เอวเธอเอาไว้ได้ในที่สุด เขากระชากเธอออกจากหลังแล้วโยน ลงกับพื้น หญิงสาวอาศัยจังหวะของแรงเหวี่ยงเหนี่ยวตัวอีก ฝ่ายไว้ ก่อนที่ร่างทั้งสองจะล้มโครมลงพร้อมกัน

เมื่อกู้จิ้งเพื่อเริ่มรู้สึกตัว เขาก็ได้เห็นว่าตรงหน้าคือริมฝีปา กนุ่มๆ สีชมพูระเรื่อและฟันที่ขาวราวกับไข่มุก ดูเย้ายวนเชิญ ชวนเสียจนทําเอาลำคอเขาแห้งผาก

ด้วยอารามตกใจ จิ้งเจ๋อลืมตัว ผลักร่างอ้อนแอ้นที่นอน

ทับอยู่บนตัวออกไปอย่างสุดแรง

หลินเชื่อรู้สึกถึงความเจ็บที่แล่นแปลับขึ้นมา โดยเฉพาะ ตรงบริเวณที่อ่อนนุ่มที่สุดของหน้าอก ที่แขนของเขากระแทก เข้าโดยแรง มันเจ็บเสียจนเธอน้ำตาริน…

กู้จิ้งเจ๋อเพิ่งได้สติเมื่อเขาได้เห็นภาพหลินเชื่อนั่งอยู่บนพื้น ยกมือกุมหน้าอก และมีหยดน้ำตาไหลอาบแก้มขาวเนียน น่า แปลกที่หัวใจของเขาเริ่มแกว่งเมื่อได้เห็นไหล่อันสั่นเทาจาก แรงสะอื้นของเธอ
ด้วยความโมโห เขาเริ่มรวบรวมสติและนึกตำหนิตัวเอง เขาทำเกินไปจริงๆ เธอเป็นแค่เด็กสาวอายุยี่สิบต้นๆ เท่านั้น แต่ต้องถูกบังคับให้ยอมรับการแต่งงานที่ปราศจากความรัก ครั้งนี้

ถึงยังไงมันก็เป็นความผิดของทั้งเธอและเขานั่นแหละ จะ โทษเธอคนเดียวคงไม่ถูกนัก

น้ำตาของเธอทำเอาเขาทําอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าจะ ปลอบโยนคนอื่นอย่างไร จึงทำได้แต่ยืนดื่มที่ออยู่ตรงนั้น “ขอโทษที ฉันเสียใจ คราวนี้มันไม่ใช่ความผิดของเธอจริงๆ ฉันเจ้าอารมณ์ไปหน่อย พูดตามตรง ฉันก็เป็นเหมือนเธอนั่น แหละ ยังไม่ชินกับการมีผู้หญิงมาอยู่ด้วย ฉันไม่ได้ผลักเธอ เพราะรังเกียจเธอหรอกนะ อันที่จริงแล้ว…ฉันมีอาการป่วยที่ ทำให้ฉันแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงไม่ได้นะ

คำพูดของเขาเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิด หญิงสาวแหงนมอง เขาด้วยความประหลาดใจระคนงุนงงทั้งที่น้ำตายังนองหน้า

ชายหนุ่มบอกกับตัวเองในใจว่า ในเมื่อเขาและเธอต้อง อยู่ร่วมบ้านกัน เขาก็ควรที่จะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับอาการป่วย นี่ซะ

เขาถอนหายใจ แล้วเริ่มพูด “ฉันโดนตัวผู้ชายได้ไม่มี ปัญหา แต่ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วละก็มันจะทำให้ฉันรู้สึกไม่สบาย มันไม่ใช่ว่าฉันจะโดนตัวพวกเธอไม่ได้แค่นั้นหรอกนะ แต่ฉันจะ มีผื่นขึ้น แล้วก็อาเจียนไม่หยุด เลือดลมก็จะปั่นป่วนไปหมด นี่คือเหตุผลที่ฉันพยายามเลี่ยงไม่เข้าใกล้เธอ

หลินเชื่อไม่เข้าใจ “มันมีโรคแบบนี้ด้วยเหรอคะ นี่เป็น อาการป่วยทางจิตนั้นเหรอ”

กู้จิ้งเจ๋อทรุดตัวลงนั่ง หลังตรงเป็นสง่าเหมือนเช่นเคย เขา ก็ดูแข็งแรงดีออกจะตาย

ดวงตาเขาแน่นิ่งเหมือนน้ำในบ่อ เขาชนเสียแล้วกับ คำถามแบบนี้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็หาหมอมามากมายนับไม่ ถ้วนตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา และทำได้แค่เพียงเก็บเรื่องนี้ไว้ เป็นความลับไม่ให้คนนอกล่วงรู้

“ทั้งสองอย่างนั่นแหละ” เขาใช้นิ้วนวดขมับด้วยท่าที่ออก จะเหน็ดล้า “เธอต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับนะ ฉันเล่าให้ เธอฟังเพราะเราต้องอยู่ด้วยกัน ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้ว่าที่ ครอบครัวของฉันอยากให้เราแต่งงานกันก็เพราะพวกเขาคิดว่า เธอจะช่วยรักษาฉันให้หายจากอาการป่วยนี้ได้ เพราะฉันสัมผัส ตัวเธอได้”

งั้นนี่ก็เป็นเรื่องจริงสินะ น่าเสียดายที่พวกเขาเข้าใจผิด ความจริงก็คือหลินเชื่อไม่อาจช่วยรักษาเขาจากโรคนี้ได้ เธอรู้ ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขานั้นเป็นเพราะบางอย่างที่ เธอทําลงไปต่างหาก…

หลินเชื่อพยักหน้าด้วยความขัดเขิน “แน่นอนค่ะ แน่นอน มันไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อยที่คุณป่วย ขอโทษด้วยนะ คะ ที่ฉันโดนตัวคุณก็เพราะฉันไม่รู้เรื่องอาการป่วย ฉันสัญญาค่ะว่าฉันจะไม่แตะต้องคุณอีก

กู้จิ้งเจ๋อมองดูหญิงสาวด้วยสายตาฉงน เธอชูนิ้วขึ้นมา สามนิ้ว เป็นนิ้วเล็กๆ ที่น่ารักทีเดียว สายตาเธอจ้องมาที่เขา ขณะที่ส่งยิ้มและให้คำมั่นอย่างแน่วแน่

กู้จิ้งเจ๋อหลยตาแล้วเอ่ยเบาๆ ว่า “โอเค งั้นก็ไปนอนได้ แล้ว”

หลินเชื่อพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น เธอนวดหน้าอกที่ โดนกระแทกของตัวเองพลางผุดลุกขึ้น “ฉันจะนอนที่โซฟาเอง ค่ะ”

“ไม่ต้องหรอก” เขาทิ้งตัวลงบนโซฟา

หลินเชื่อผลักความรู้สึกผิดทิ้งไป เธอไม่กล้าแตะตัวเขาอีก แล้วละ เธอหันไปหาผ้าห่มบนเตียงแล้วซุกตัวเข้าไป

เมื่อปิดไฟ ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืด

เสียงลมหายใจของเธอและเขาดังปะปนกันอยู่ในอากาศ วนเวียนอย่างช้าๆ

โซฟานั่นคงไม่สบายนัก จิ้งเจ๋อจึงขยับตัวไปมาไม่หยุด เพื่อหาท่านอนที่สบาย เขาได้ยินเสียงใครบางคนกำลังกลิ้งไป มาอยู่บนเตียงด้วยเหมือนกัน ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่สบ อารมณ์ เขาบอกได้เลยว่าเธอกำลังหลับสบายทีเดียว แต่ท่า นอนของเธอคงน่าเกลียดพิลึก

เขาไม่ชินเอาเลยกับการที่ต้องมีผู้หญิงอยู่ร่วมบ้าน โดยเฉพาะคนที่เขาเคยหลับนอนด้วยมาก่อน และต้องมาใช้ห้อง นอนร่วมกันแบบนี้ เมื่อคิดดังนั้น ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นแล้วเดิน ออกจากห้องไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ