แฟลช แต่งงาน ภรรยา

ตอนที่ 8 การเผชิญหน้าอันแสนวุ่นวาย



ตอนที่ 8 การเผชิญหน้าอันแสนวุ่นวาย

หลินเชื่อเปลี่ยนชุดเก่าของเธอเป็นกระโปรงตัวสวย มันโอบพัน รอบร่างบางของเธอและส่งให้เธอดูสวยสดใสผิดตาไปจากเดิม อย่างมหาศาล

ในห้องลอง หลินเชื่อผลัดเปลี่ยนลองสวมเสื้อผ้าทีละชุดๆ พนักงานก็คอยช่วยเหลือเธอด้วยความกระตือรือร้นเป็นอันดี

ส่วนกู้จิ้งเจ๋อนั้นนั่งเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี้ จิบกาแฟและอ่าน

หนังสือพิมพ์

แม้ตอนแรกเธอจะปฏิเสธโดยมารยาท แต่ดูเหมือนเธอจะ ไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต เธอถลาไปรอบๆ ร้าน ดวงตาเบิกกว้างพลางมองดูทุกอย่างด้วยความตื่นเต้น

ดูเธอจะไม่เคยมีเสื้อผ้าดีๆ สวมกับเขามาก่อนเลย

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น หลินเชื่อก็โผล่มายืนอยู่ตรงหน้าในชุด เดรสสีเขียวหยกซึ่งช่วยขับเน้นผิวขาวผ่องของเธอให้ยิ่งดูบาง ใสแทบจะมองทะลุได้ เธอดูเหมือนสายน้ำหลังฝนพรำ ชุ่มฉ่ำ และชวนให้ชื่นใจ ท่อนขาเรียวยาวที่เผยพ้นเนื้อผ้าออกมา ทำให้เธอมีเสน่ห์เย้ายวนระคนน่ารัก

พนักงานยิ้มแฉ่งทีเดียวเมื่อเอ่ยชมว่า “ชุดนี้เหมาะกับคุณ มากเลยค่ะ คุณผู้หญิง คุณใส่แล้วดูสวยมากทีเดียว”
หลินเชื่อรู้สึกขัดเขินกับคำชม

จิ้งเจ๋อหันมอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอดูดีในชุดที่ว่านี้จริงๆ

แม้ว่ากริยาท่าทางเธอจะยังดูกระโดกกระเดกและไม่นุ่ม

นวลเรียบร้อยอยู่เช่นเดิม แต่เธอก็ดูงามสง่าและเต็มเปี่ยมไป ด้วยเสน่ห์ของความเป็นผู้หญิง ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะลอบมองอีกสองสามครั้ง เมื่อหลิน

เธอหันมา เขาก็รีบเบนสายตาไปทางอื่น

จิ้งเจ๋อรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง เขาส่งสัญญาณเรียกคนของ เขามาเพื่อจัดการชำระเงิน และบอกกับพนักงานว่า “ห่อทุก อย่างในร้านที่เหมาะกับเธอแล้วส่งไปที่บ้านวิลล่าตระกูล”

หลินเชื่อช็อกสนิท เธอหันขวับไปมองเขาพร้อมดวงตาที่ เปล่งประกายวิบวับด้วยความยินดี

เขารํารวยเหลือเกิน

พนักงานขายดีอกดีใจเป็นที่สุด หล่อนเดินมาส่งหลินเชื่อที่ ประตูและเฝ้ามองเธอวิ่งไปขึ้นรถปอร์เช่ที่จอดรออยู่ด้านนอก ด้วยความอิจฉา

ไม่ช้า หลินเชื่อก็มาถึงบริษัท เธอขอบคุณเขาและรีบลง จากรถโดยเร็ว

อวหมินหมิ่นพาหลินเซ่อมายังห้องโถงใหญ่ของโรงแรม ระดับเจ็ดดาวซึ่งจะมีการออดิชันกันที่นี่ ขณะที่เดินไปด้วยกัน หล่อนก็บอกด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า “มีบทให้เธอลองออดิชันวันนี้นะ แต่ถ้าเธอเผ่นหนีไปกลางทางเหมือนครั้งก่อนละก็ อย่า ได้มีหน้ากลับมาที่นี่อีกเชียว เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน หลินนั้น เหรอ ถ้าเธออยากจะมีสิทธิ์เลือกบทแสดงล่ะก็ทำตัวให้เหมือน เขาเสียก่อน เพราะถึงเขาจะไม่ได้โด่งดังระดับซูเปอร์สตาร์ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนดัง เพราะฉะนั้นเธอควรจะจริงจัง กับการออดิชันบทให้ดีแล้วก็หยุดทำเรื่องบ้าๆ ซะที

หลินเชื่อคิดในใจ หลินลี่นั้นได้รับเงินสนับสนุนจาก ครอบครัวเต็มที่นี่นะ เพราะฉะนั้นก็แน่อยู่แล้วว่าเธอจะต้องมีชื่อ เสียง อีกอย่าง แม่เลี้ยงของหลินเชื่อยังทำทุกวิถีทางเพื่อขัด ขวางเส้นทางในวงการของเธอ แถมเธอยังต้องเจอหลินลี่ที่เข้า มายุ่มย่ามทุกครั้งที่เธอพยายามจะมาออดิชันบทด้วย แต่เธอจะ ยอมแพ้เพราะพวกเขาไม่ได้ เพราะการทำเช่นนั้นก็เท่ากับยอม แพ้เสียตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้

“การออดิชันบทนั้นดูเหมือนจะจัดวันนี้นี่ล่ะ” พ่อบอก “นายทุนที่สร้างหนังเรื่องนี้น่ะรวยมากเลยนะ เขามาจากตระกูล กู้ คนตระกูลนี้โด่งดังก็จริงแต่ก็ดูลึกลับอย่างบอกไม่ถูกเหมือน กัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาร่ำรวยมาจากธุรกิจอะไรหรือมีอำนาจ มากแค่ไหน เพราะงั้นต่อให้เธอออดิชันบทวันนี้ไม่ผ่าน เธอก็ยัง มีโอกาสจะโด่งดังอย่างก้าวกระโดดในอาชีพนี้ได้ถ้าหากว่าเขา ถูกใจเธอขึ้นมาล่ะก็

หลินเชื่อไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่อวหมินหมิ่นกำลังพูดอีกต่อไป แล้ว ความสนใจของเธอย้ายไปอยู่ที่หลินลี่และฉันชิงที่กำลัง เดินตรงเข้ามาหาเธอ
หลินลี่นั้นรูปร่างเพรียวงามและอ่อนหวานนุ่มนวล ส่วนฉัน ซึ่งนั้นก็สูงสง่าและหล่อเหลา ยามทั้งคู่เดินเคียงกันมาแบบนี้ จึง เป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้ต้องเหลียวมอง

“ว้าว นั่นหลินเซ่อนี่”

“ที่เดินมาด้วยกันนั่นคู่หมั้นเธอใช่มั้ย ฉันได้ยินมาว่าพวก เขาใกล้จะหมั้นหมายกันแล้ว คู่หมั้นของเธอมาจากตระกูลที่ ร่ำรวยมาก แล้วเขาก็เป็นทายาทรุ่นที่สองเสียด้วย

“คู่หมั้นของเธอหล่อเป็นบ้าเลยนะ สมกันอย่างกับกิ่ง ทองใบหยกแท้ๆ เชียว”

“หลินลี่โชคดีจริงๆ”

ก่อนที่หลินเชื่อจะทันได้หมุนตัวแล้วเดินหนี เธอก็ได้ยินฉัน ชิงร้องเรียกขึ้นเสียก่อน “หลินเซ่อนี่นา เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย

หลินเชื่อตัวแข็งก่อนจะหันกลับไปมองอย่างไม่เต็มใจนัก เธอเห็นหลินลี่จึงตาใส่เธอด้วยความรังเกียจขณะที่ทั้งคู่เดินเข้า

มา

หลินเชื่อยิ้มอ่อนให้ฉันชิง “ฉันมาออดิชันบทน่ะค่ะ”

ฉันชิงพินิจดูเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมพลางคิดว่าหญิงสาว แตกต่างไปจากคนเดิมที่ช่างเอะอะโวยวายและไม่เอาใจใส่ อะไรนัก

เธอสวยสดใสขึ้นและดูอ่อนหวานสมเป็นผู้หญิงขึ้นกว่า เดิมมากทีเดียว
“เธอหายไปไหนมานะ ครอบครัวของเธอตามหาเธอกัน ให้จ้าละหวั่นทีเดียว” ฉันชิงซึ่งไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของ เหตุการณ์ถามต่อ เขารู้เพียงแต่ว่าเกิดความวุ่นวายโกลาหล บางอย่างขึ้นในบ้านตระกูลหลิน และหันไฉ่องก็เอาแค่กันด่า หลินเชื่อ หาว่าเธอเป็นตัวนำเคราะห์ร้ายมาสู่วงศ์ตระกูลและ เป็นลูกอกตัญญู

หลินเชื่อหัวเราะอื่นๆ พลางหันไปดูหลินหลี่ที่กำลังทำ สีหน้าเดียดฉันท์ “ฉันสบายดีค่ะ ฉันมาพักอยู่กับเพื่อนน่ะ คงไม่ กลับไปที่บ้านตระกูลหลินแล้วละ

หลินหันไปงอแงกับฉันชิง “โอ๊ย ชิงคะ คุณไม่รู้หรอกว่าที่ บ้านเราร้อนใจกันแค่ไหน แม่นี่น่ะเค้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอกค่ะ คุณแม่ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเป็นห่วงหลินเซ่อ แต่เธอกลับ…

หลินเชื่อพ่นลมพรืด แม่เลี้ยงของเธอคงจะข่มตานอนไม่ลง เพราะความโกรธที่ไม่อาจกำจัดเธอออกไปจากบ้านได้สักทีน่ะสิ

หลินเชื่อไม่อยากทนดูหลินลี่เล่นละครอีกต่อไปจึงเอ่ยขึ้น ด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฉันต้องไปออดิชันแล้วล่ะ ฉันชิง พวกคุณ เข้าไปก่อนเถอะค่ะ”

เธอเฝ้ามองฉันชิงอย่างไม่อาจละสายตา มือกำหมัดแน่น อย่างจะข่มอารมณ์ของตัวเอง

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลังของพวกเธอ

คนทั้งหมดหันไปมองด้วยความประหลาดใจ เพียงเพื่อที่ จะได้เห็นทีมบอดี้การ์ดที่ตาหน้ากันมายืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ เพื่อเปิดทางให้กับจิ้งเพื่อที่เดินตามมาทางด้านหลัง เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำสนิทดูราวกับอัศวินแห่งรัติกาล ดู ลึกลับและยากจะเข้าถึง

หลินเชื่อตกตะลึงที่ได้เห็นเขาอยู่ที่นี่ เธอรู้สึกเหมือนตัวเอง

กำลังฝันไป

ดวงตาเป็นประกายวิบวับของหลินลี่นั้นพุ่งไปจับจ้องอยู่ที่ ชายหนุ่มในทันที เธอเฝ้ามองบุรุษรูปงามสูงสง่าผู้นั้นเดินผ่าน เธอไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง ใบหน้าเย่อหยิ่งและเย็นชา ปราศจากอารมณ์ทำให้เขาดูราวกับจักรพรรดิสูงส่งที่ไม่ อนุญาตให้ผู้ใดเฉียดกรายเข้ามาใกล้ได้

“โอ ฉันชิงคะ นั่นใครกันนะ หน้าเขาดูคุ้นจัง” เธอถามฉัน ชิงอย่างไม่อาจปิดบังความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ได้

ส่วนหลินเชื่อนั้นอยากจะมุดลงดินให้รู้แล้วรู้รอดไป เพราะ

ตอนนี้เธอเห็นแล้วว่าจิ้งเจ๋อนั้นกำลังมองตรงมาที่เธอ

หลินลี่อุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น หลินเชื่อเห็นหลินลี่ ก้มหน้าลงมาแล้วถามว่า “นี่เขากำลังมองมาที่ฉันเหรอ…

หลินเชื่อทนยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ในขณะที่ผู้คน เริ่มกำลังวุ่นวายขวักไขว้กันเต็มไปหมด เธอก็เผ่นออกจากตรง นั้น

ทว่าจู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงหลินหลี่ดังขึ้นข้างหลัง

“หลินเล่อ เธอควรจะกลับบ้านซะนะ”
หลินเซอหันขวับมาแล้วตอบด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฉันไม่มี วันกลับไปอีกแล้ว”

หลินยิ้มเยาะ “อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรกับฉัน ชิงน่ะ เธอมันไม่มีอะไรดีพอสำหรับเขาหรอก แล้วเขาก็กำลังจะ หมั้นกับฉันอยู่เร็วๆ นี้แล้ว เขาจะมาเป็นพี่เขยเธออยู่แล้วนะ ถ้า เธอยังมีความเป็นคนอยู่ละก็ หยุดให้ท่าเขาได้แล้ว ตักน้ำใส่ กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง เธอมันเป็นแค่ลูกนอกสมรส ขนาดนี้แล้วยังจะกล้าเพ้อฝันถึงผู้ชายร่ำรวยอย่างฉินชิงอีกเห รอ”

หัวใจของหลินเชอปวดร้าวเมื่อหลินลี่มองมาด้วยสายตา เหยียดหยัน “ตอนแรกเธอก็ยังพอจะมีโอกาสได้ไต่เต้าขึ้น มีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูงอยู่หรอกนะ ด้วยตำแหน่งมาดาม น้อยตระกูลเฉิงน่ะ เสียดายที่เธอฉลาดน้อยไปหน่อย อะไร นี่ เธอคิดว่าเธอพอจะมีโอกาสกับฉันชิงงั้นเหรอ”

“ถ้าพี่พูดจบแล้ว ฉันจะไปล่ะ” ถ้าที่ตรงนั้นไม่มีใครอื่นอีก เธอก็ยังพอจะทนไหว แต่เธอทนไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายพูดถึงฉินชิง ขึ้นมาแบบนี้

หลินเชื่อก้าวยาวๆ ตรงไปยังประตูทางออก แต่กลับถูก หลินลี่กระชากเอาไว้

“นี่แกกล้าดียังไงมาทำตัวแบบนี้ใส่ฉัน” หลินลี่พูดด้วยซุ้ม เสียงดูถูกแล้วเอ่ยต่อไปว่า “ถ้าแกยอมหันกลับมาแล้วก้มลง เลียเศษดินออกจากรองเท้าฉันล่ะก็ ฉันอาจจะยอมให้แกได้บทนี้ก็ได้นะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ตราบใดที่ฉันยังอยู่ แกอย่าได้คิดเลย ว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้เล่นหนังใหญ่ๆ น่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ