แฟลช แต่งงาน ภรรยา

ตอนที่ 63 หึงหวง



ตอนที่ 63 หึงหวง

ทันทีที่หลินเชื่อเข้ามาในรถ เธอก็หมดสติลงในอ้อมแขนของ จิ้งเจ๋อ

หญิงสาวไม่รู้เลยว่าเหตุใดอยู่ๆ ร่างกายของเธอก็อ่อนแอ ขึ้นมาอย่างฉับพลัน แต่จิ้งเจ๋อคิดว่าน่าจะเป็นเพราะบาดแผล ของเธอยังไม่ฟื้นฟูจนหายดี

แม้ภายนอกแผลจะดูสมานตัวกันดีแล้ว แต่การเสียเลือด เป็นจำนวนมากในเหตุการณ์ครั้งนั้นก็น่าจะส่งผลทำให้ร่างกาย ของเธออ่อนแออย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

กู้จิ้งเจ๋ออุ้มเธอเข้าไปในบ้านและวางเธอลงบนเตียง

สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นเมื่อได้เห็นริมฝีปากแห้งแตกและคิ้วที่ขมวดมุ่น

ให้ตายยัยนี่… หาเรื่องใส่ตัวได้ตลอดเลยน่า

เขาเอื้อมมือไปปัดไล้หน้าผากของเธอแผ่วเบา

เมื่อหญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ค่อยๆ

คลายออก

ขณะที่กู้จิ้งเจ๋อทำท่าจะเดินออกมา เขาก็รู้สึกได้ถึงมือ เล็กๆ ที่คว้านิ้วมือเขาเอาไว้ เขาก้มลงมองใบหน้าซีดเซียวนั้น แล้วจึงตัดสินใจที่จะยังคงนั่งอยู่ที่นี่ ฟันของเธอกระทบกันถูกๆบ่งบอกให้รู้ว่าเธอกำลังหนาว เขาใช้หลังมือยังหน้าผาก มัน ร้อนจัดทีเดียว ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจยก ผ้าห่มขึ้นแล้วสอดตัวเข้าไปนอนข้างๆ เธอ

เขาจำได้ถึงสมัยที่ตัวเองเป็นไข้สูงตอนยังเป็นเด็ก เขา รู้สึกเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวไปทั่วร่าง มือและเท้าเย็นเฉียบเหมือน น้ำแข็ง และมารดาของเขาก็ทำสิ่งเดียวกันกับที่เขากำลังทำอยู่ นี่ นั่นคือกอดแขนและขาเขาเอาไว้เพื่อให้อุ่นขึ้นจนกระทั่งสร้าง ไข้

เขากอดหลินเซอไว้แน่น แนบชิดกับอก

ก่อนจะเอื้อมมือไปกดกริ่งข้างเตียงเพื่อเรียกหาสาวใช้

“ตามหมอเฉินอวี่เฉิง”

นายแพทย์เฉินมาถึงภายในเวลาอันรวดเร็ว

สาวใช้รับรายงานว่า “คุณผู้หญิงไม่สบายน่ะค่ะ

เฉินอวี่เฉิงพึมพำ “นี่เขายอมให้ฉันตรวจคนไข้อื่นตั้งแต่ เมื่อไหร่กันนะ”

เขาเป็นนายแพทย์มีชื่อในระดับนานาชาติจนกระทั่ง ตระกูลมาพบตัวเขาเข้า ในระหว่างการทำงานวิจัยของตัวเอง เฉินอวี่เพิ่งได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่เป็นเพียงแพทย์ประจำตัว จิ้งเจ๋อเพียงผู้เดียวเท่านั้น เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ถ้าหากว่า เขาไม่ต้องทำการวิจัยเกี่ยวกับโรค เขาก็ไม่มีโอกาสได้พบเจอ คนไข้คนอื่นอีกเลย
เฉินอวี่เพิ่งเปิดประตูห้องเข้ามาและได้เห็นจิ้งเพื่อที่กำลัง นอนอยู่บนเตียง ในอ้อมแขนเขาคือหญิงสาวที่กำลังนอนขดตัว ราวกับลูกแมวน้อยๆ

“ขอโทษครับๆ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณกำลัง เฉินอวี่เพิ่งรีบ ลนลานปิดประตูห้อง

สีหน้าของจิ้งเจ๋อเคร่งขรึมขึ้น

“เข้ามาส” เขาเรียกผู้เป็นนายแพทย์

เฉินอวี่เฉิงลองคิดทบทวนสิ่งที่ได้เห็นอีกครั้ง พวกเขาไม่ ได้กำลังมีอะไรกันอยู่สักหน่อย ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยดีด้วย เหตุนี้เมื่อกู้จิ้งเจ๋อส่งเสียงเรียก เขาจึงเปิดประตูห้องอีกครั้ง

จิ้งเจ๋อกำลังมองดูหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยความห่วงใย และบอกว่า “เธอเป็นไข้โดยไม่รู้สาเหตุ

เพียงแค่คืนเดียวที่ต้องอยู่ในสถานีตำรวจแห่งนั้น หลินเช่ อก็สลบไสลไม่ได้สติทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไร ขึ้นกับเธอกันแน่

เมื่อเฉินอวี่เพิ่งเห็นว่าจิ้งเพื่อไม่ได้พูดเล่น เขาก็รีบปราด

เข้าไปดูอาการ

หลังจากได้ตรวจดูแล้ว เขาจึงตอบออกไปด้วยความงุนงง ว่า “คุณครับ ภรรยาของคุณเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา

” กู้จิ้งเจ๋อถามย้ำ “แค่เป็นหวัดหรือ
“ใช่ครับ เป็นไข้ หายใจติดขัด แล้วก็คออักเสบ นี่เป็น อาการที่ชัดเจนมากของไข้หวัดธรรมดานี่เอง

จิ้งเจือดูสบายใจขึ้นเล็กน้อยและหันมาบอกว่า

“ไปได้

แล้ว” เฉินอวี่เฉิงพูดไม่ออก เขาถูกเรียกตัวมาโดยด่วน แต่ แล้วกลับต้องมาตรวจแค่คนที่เป็นไข้หวัดธรรมดา และพอถึง ตอนนี้ก็ถูกไล่กลับง่ายๆ อย่างนี้น่ะหรือ

“ท่านครับ มีหมอโรคทั่วไปอยู่มากมายเต็มไปหมด บางที คราวหน้าท่านอาจจะตามตัวพวกเขามาแทนก็ได้นะครับ

จิ้งเจ๋อเงียบ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หลินเชื่ออย่างไม่

ยอมให้คลาดสายตา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ก็

จริงอยู่ ฉันเองก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาด้านสุขภาพอะไรมา

หลายปีแล้ว นอกจากนี้ก็ยังไม่มีผลลัพธ์อะไรเพิ่มเติมจากการ

วิจัยของนายด้วย ที่ฉันดีขึ้นมากทุกวันนี้ก็ดูจะไม่ได้เป็นเพราะ

นายอีก ถ้างั้นคราวหน้าฉันจะเรียกหาหมอทั่วไปแทนก็แล้วกัน

นายไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว

“ ” เฉินอวี่เพิ่งรีบตอบอย่างร้อนใจ “ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้น น่ะครับ หมอทั่วไปจะไปมีความรู้อะไร ที่คุณผู้หญิงล้มป่วยแบบ นี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ท่านทำถูกแล้วละครับที่เรียกตัวผมมา

กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นแล้วปรายตามอง ก่อนจะส่งสัญญาณ บอกให้ออกไป
แล้วเฉินอวี่เพิ่งรีบเผ่นผลุงออกมาอย่างว่องไว

ถึงแม้จะได้รับรู้แล้วว่าเป็นแค่ไข้หวัด แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่

อาจเย็นใจได้ เขายังคงกอดเธอเอาไว้แน่น พยายามทำให้มือ

และเท้าของเธออบอุ่นที่สุด หลินเซ่อรู้สึกราวกับว่าร่างกายเย็นเฉียบของเธอยังคงอยู่ ที่สถานีตำรวจ ทุกข์ทรมาน โดยปราศจากความช่วยเหลือใดๆ

เธอรู้สึกเหมือนร่างของเธอถูกใครบางคนฉุดให้ลุกขึ้น ใครคนนั้นคว้ามือเธอไว้ แล้วช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืน

แล้วจู่ๆ เธอก็จำได้ว่าตัวเธอกำลังยืนอยู่ข้างฉินซิง หญิง สาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีพยายามที่จะอ้าปากพูด แต่ กลับมีเสียงเล็ดลอดออกมาได้เพียงแผ่วเบายิ่ง “ฉันชิง…

กู้จิ้งเจ๋อชะงัก ในตอนแรก ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ริม ฝีปากและตั้งใจฟังให้ดีอีกครั้ง

เธอพร่ำพูดชื่อเดิมซ้ำด้วยอาการพร่ามัน และมันเป็นชื่อ ของฉันชิงอย่างแน่นอน…

กู้จิ้งเจ๋อปล่อยมือจากร่างเธอทันที เขาลุกขึ้นยืนแล้วต้อง มองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง

“ฉัน…” เธอยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงผะแผ่ว จิ้งเพื่อดึงผ้าห่ม

ออก

“หลินเชื่อ ตื่นเถอะ ตั้งสติหน่อยสิ ฉันเป็นใคร” เขา พยายามดึงเธอให้ลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาดำสนิทเป็นประกายวับวามด้วยความโกรธ

หลินเชื่อลืมตา ยังคงงุนงงตั้งตัวไม่ติด เมื่อเธอได้เห็น ใบหน้าที่ระบายไปด้วยโทสะของอีกฝ่าย หญิงสาวจึงค่อยๆ ได้สติอย่างช้าๆ

เป็นกู้จิ้งเจ๋อนั่นเอง

“คุณเองเหรอคะ” เธอประหลาดใจที่เขามา

ก็ในเมื่อเธอโทรศัพท์หาเขาไม่ติดนี่นา แล้วเขารู้ได้ยังไง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

กู้จิ้งเจือกลอกตาแล้วยิ้มเย็น “ทำไมเหรอ เสียใจที่กลาย เป็นฉันแทนที่จะเป็นฉันชิงที่รักละสินะ

หลินเชื่อตกใจเมื่อได้เห็นความชิงชังลอยกรุ่นอยู่ใน

สายตาของอีกฝ่าย แล้วเธอก็จำได้ที่เขาบอกว่าเธอเข้าใจ

ความผูกพันในวัยเด็กผิดไป และนั่นไม่ใช่ความรัก

เขายังคงจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้ สายตาของเขาเป็น ชาและใบหน้านั้นหมางเมิน

เธอผลักมือเขาออก

“ปล่อยฉันนะ คุณจะทำอะไรน่ะ

นี่เธอกล้าผลักเขางั้นเหรอ

แม้จิ้งเจ๋อจะโดนผลัก แต่เขาก็คว้าข้อมือเธอไว้ “ทำไม รังเกียจที่เป็นฉันที่มาแตะเนื้อต้องตัวเธอแทนที่จะเป็นฉันชิงงั้นเหรอ แย่หน่อยนะ พ่อฉินซิงของเธอเขากลายเป็นคู่หมั้นคนอื่น ไปแล้วนี่ เธอแอบชอบเขา แต่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ยอมแพ้ซะทีเถอะ หลินเซ่อ”

นั้น

“คุณ” หลินเชื่อโกรธจัดเมื่อได้ยินถ้อยคำเชือดเฉือนเช่น

เธอรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีแกะมือที่เกาะกุมของเขา ออก “ปล่อยฉันนะคะ จิ้งเจ๋อ ฉันมันก็แค่ผู้หญิงจอมปลอม อย่ามาแตะตัวฉัน ให้มือคุณต้องสกปรกเลยค่ะ

นั่นยิ่งทำให้กู้จิ้งเจ๋อเดือดดาลหนักขึ้นไปอีก เมื่อได้เห็น ความพยายามที่จะดิ้นรนของเธอ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เขาใช้มือทั้งสองข้างคว้าหัวไหล่เธอไว้แล้วกดให้นอนลงกับ เตียง

ร่างทั้งสองร่างล้มลงบนฟูกนุ่ม ตัวเขาทาบทับอยู่บนตัว เธอ คร่อมร่างบอบบางเอาไว้ด้วยร่างอันสูงใหญ่สมเป็นบุรุษ เพศของตัวเอง

หลินเชือกรีดร้อง “จิ้งเจือ ออกไปนะ คุณนี่มัน…คนเลว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”

เธอสามารถใช้เวลาทั้งวันคิดหาคำที่จะด่าทอเขาให้สาใจ

แม้ว่าร่างกายเธอจะอ่อนแอ แต่เธอก็พยายามดิ้นรนด้วย เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แม้ว่าพละกำลังของเธอจะไม่อาจทำอะไร เขาได้แม้แต่น้อย แต่เธอก็ยังพยายามผลักใสอย่างสุดความสามารถ อกเขา กําปั้นของเธอเหมือนก้อนสำลีที่ระดมทุบเข้าใส่แผง มันไม่ทำชายหนุ่มสะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด

กู้จิ้งเจือครอบครองร่างเธอเอาไว้

เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะทำ อะไร เขาก็ยังคงนิ่งสนิทไม่ไหวติงราวกับก้อนหิน และไม่ยอม แม้แต่จะขยับตัว ด้วยความโมโห หญิงสาวยกเข่าขึ้นและเล็ง เป้าไปยังส่วนล่าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ