แฟลช แต่งงาน ภรรยา

ตอนที่ 20 ตกลงคุณจะย้ายออกไปมั้ยคะ



ตอนที่ 20 ตกลงคุณจะย้ายออกไปมั้ยคะ

หลินเซ่อนึกอยากจะมุดพื้นหนีไปซะให้รู้แล้วรู้รอด มือไม้ของ เธอดูจะเกะกะไปหมดเมื่อสบตาเขาแล้วพูดอายๆ ว่า “เมื่อคืน

“ถ้าจะพูดให้ถูกควรบอกว่าเมื่อเช้านี้ เพราะกว่าเธอจะ กลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปรุ่งสางแล้ว” เขาถือแก้วกาแฟเซรามิกสี ขาวไว้ในมือแล้วยกขึ้นจิบ

“” ก็ได้ หลินเซ่อพูดเสียงแผ่วเบา “ขะ ขอโทษค่ะ ฉัน เมาไปหน่อย ฉะ…ฉันลืมไปหมดแล้วว่าตัวเองทำอะไรลงไป หลินเซ่อตั้งใจว่าจะเล่นบทจำอะไรไม่ได้ก็แล้วกัน

จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นมองเธอ “เธอไม่ได้ทำอะไร

“งั้นเหรอคะ” เธอรีบโพล่งออกไป

เขาตวัดสายตาดุจัดมาหา “หรือเธอหวังว่าตัวเองจะทำ อะไรงั้นเหรอ”

“เปล่าค่ะ เปล่า ไม่ทำอะไรก็ดีแล้วละค่ะ” หลินเชื่อหลบตา อย่างรู้สึกผิด

จิ้งเจ๋อหรี่ตาแล้วจ้องหน้าเธอ “ดูเหมือนว่าเธอจะจ่าอะไรไม่ได้เลยสินะ”

หลินเซ่อรีบตอบ “ค่ะ ใช่ค่ะ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยสัก

อย่าง”

จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาใกล้ จ้องหน้าเธอเขม็ง “เธอจูบฉันเมื่อ

อารามช็อกสนิท หลินเซ่อรีบปฏิเสธลิ้นแทบพันกัน “ไม่มี ทาง ไม่ได้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นสักหน่อย ฉันจำได้ว่าฉันอ้วกใส่ คุณก่อนจะจูบคุณต่างหากล่ะ

ทันทีที่พูดจบแล้วนั่นแหละ เธอถึงได้รู้สึกตัวแล้วรีบยกมือ

ขึ้นปิดปากทันที จิ้งเจ๋อเลิกคิ้ว “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ลืมไปหมดทุก อย่างนี้นะ”

ด้วยความอับอายเหลือแสน หลินเชื่ออยากจะตบหน้าตัว เองสักสองสามฉาด

ตอนนี้หน้าของเธอแดง เธอค่อยๆ ก้มหน้าลงแล้ว

พึมพำพูดว่า “ขอโทษค่ะ ฉันรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว

แต่ฉันก็ยังทำตัวแบบนี้เป็นความผิดของฉันเอง เมื่อคืนฉัน

เมาไปหน่อยนะค่ะ ก็เลยไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ คราวหน้าฉันจะ

ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกค่ะ

“ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ” คิ้วของจิ้งเจ๋อขมวดหนัก

“ไม่มีแล้วค่ะ ไม่มีอีกแล้ว จะไม่มีครั้งที่สองอีก อย่างน้อยก็ในระหว่างที่เราแต่งงานกันอยู่” หลินเชื่อละล่ำละลักบอก

จิ้งเจ๋อทำตาเขียวใส่ในขณะที่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน และเดิน ออกไปโดยไม่เหลือบมองเธออีกเลย

หลินเซ่อทรุดตัวลงนั่งมือประสานเข้าด้วยกัน ใบหน้าเต็ม ไปด้วยความรู้สึกผิด

นี่เธอเรียกจิ้งเจ๋อว่า “สามี” กอดเขา แถมยังขอจูบเขาอีก ต่างหาก

ให้ตายไปเลยยังจะดีกว่า

จะโทษเขาที่โกรธจัดขนาดนี้ก็ไม่ได้ เธอเป็นคนให้สัญญา เองว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของกันและกัน แต่เมื่อคืนนี้ เธอกลับ ทำเรื่องบ้าบอเพราะความเมา หนำซ้ำยังกล้าเรียกเขาว่าสามี อีกต่างหาก ทั้งที่มันเป็นแค่การแต่งงานตามสัญญาเท่านั้น

เขาชนกับการเป็นผู้เหนือกว่ามาโดยตลอด การถูกคน เรียกว่าสามีคงจะทำให้เขารู้สึกแย่เอามากๆ

อีกอย่าง ต่อให้เขาจะอยากได้ยินคนเรียกว่าสามี ก็คงมี เพียงแค่คุณหนูโม่แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะเรียกได้ ไม่มีทาง เลยทีเขาจะอยากให้เป็นเธอ

ด้วยความหงุดหงิดสับสน หลินเชื่อสะบัดศีรษะไปมา

เมื่อสาวใช้มาเห็นเขา หล่อนจึงรีบเดินตรงเข้ามาหา “คุณ ผู้หญิงคะ เกิดอะไรขึ้นคะ
หลินเซ่อบอกด้วยหม่นหมอง “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ปวด หัวนิดหน่อยน่ะ

สาวใช้บอกเบาๆ ว่า “คุณผู้หญิงคะ เมื่อคืนนี้นายท่านคง หลับไม่สบายนัก วันนี้ก็เลยอารมณ์ไม่ดี สีหน้าก็แย่มาก อย่า กังวลไปเลยนะคะคุณผู้หญิง

หลินเชื่อเงยหน้าขึ้น เขาหลับไม่สบายเหรอ เป็นเพราะฉัน หรือเปล่าน่ะ”

สาวใช้ตอบว่า “ไม่หรอกค่ะ ท่านไปอาบน้ำเย็นจัดเสีย

แทบค่อนคืนก็เลยนอนไม่สบายน่ะค่ะ

อะไรกัน

หลินเชื่อถามอย่างงุนงง “ปกติแล้วเขามีนิสัยแปลกๆ แบบ นี้ด้วยเหรอ มาอาบน้ำเย็น โดยไม่มีเหตุผลแบบนี้นะ

สาวใช้เองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุ ทำได้แต่เพียงคาดเดาเอาว่า “ฉันเห็นคุณหมอเฉินแวะมาเมื่อครู่นี้ อาจจะเพราะนายท่านเพิ่ง เปลี่ยนแผนการใช้ยาที่ใช้รักษาใหม่ก็ได้ค่ะ

หลินเชื่อส่ายหน้า อาการป่วยของจิ้งเพื่อเป็นปัญหาใหญ่

จริงๆ

ในขณะเดียวกัน ภายในห้องทำงานของจิ้งเพื่อ ชายหนุ่มมองดูผู้เป็นนายแพทย์ประจำตัว “ฉันรู้สึกเหมือน ว่าช่วงนี้ร่างกายมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายแพทย์เฉินมาช่วยรักษาจิ้งเจ๋อ เขา เป็นผู้รับผิดชอบอาการป่วยของจิ้งเจ๋อมาร่วมสิบปีนับตั้งแต่ อาการเริ่มกำเริบแล้ว เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนี้ นายแพทย์ จึงถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เปลี่ยนแปลงยังไงเหรอครับ

“เดี๋ยวนี้เวลาที่ฉันแตะตัวหลินเชื่อ ฉันไม่ได้รู้สึกอึดอัด เหมือนที่เคยเป็นอีกแล้ว แล้วก็ไม่มีผื่นขึ้นด้วย ฉันสงสัยว่าหรือ ตัวเองจะมีความคุ้นเคยกับเธอ ร่างกายก็เลยไม่ได้แสดงอาการ ต่อต้าน

เฉินอวี่เฉิงยักไหล่แล้วตอบว่า “ผมคิดว่ามันก็มีความเป็น ไปได้ทั้งหมด

จิ้งเจ๋อนิ่วหน้า “ฉันต้องการคำตอบที่แน่ชัด ไม่ใช่การ คาดเดาความเป็นไปได้

เฉินอวี่เฉิงทำได้เพียงตอบกลับด้วยความไม่พอใจว่า “ท่านครับ โรคของท่านเป็นโรคประหลาด อาจจะเป็นเพียง เคสเดียวเท่านั้น ในโลกนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นผมก็มีแค่เคสของ ท่านที่จะสามารถใช้ในการวินิจฉัยได้ แล้วอย่างนี้จะให้ผมให้ คำตอบที่แน่ชัดได้ยังไงกัน

สายตาของจิ้งเจ๋อหม่นลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

เฉินอวี่เฉิงถอนหายใจแล้วพูดต่อไปว่า “แต่ท่านครับ การ ที่ท่านไม่สามารถแตะต้องตัวผู้หญิงได้ไม่ได้หมายความว่าจะ ถูกปลุกเร้าอารมณ์ไม่ได้ด้วยนะครับ ร่างกายของท่านยัง ทำงานเหมือนร่างกายคนปกติทั่วไปทุกอย่าง เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาถ้าท่านจะมีความรู้สึกอย่างว่ากับผู้หญิงคน ไหน”

“ไม่มีทาง” จิ้งเจ๋อมองหน้าอีกฝ่าย “ฉันมีฮียหลิงแล้ว สิ่ง ที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับหลินเชื่อเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านก็ลองพยายามมีความสัมพันธ์ใกล้ ชิดดูอีกครั้ง แล้วลองตรวจสอบดูว่าร่างกายของท่านรู้สึกแตก ต่างไปจากเดิมหรือเปล่า

“ไม่ นี่ไม่ใช่การทดลอง” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้น คว้าเสื้อนอก

แล้วเดินออกจากห้องมา

และหลินเชื่อก็ไม่ใช่หนูทดลองด้วยเหมือนกัน

ณ ภัตตาคารอาหารตะวันตกแห่งหนึ่ง

กู้จิ้งเจ๋อจับมีดและส้อมด้วยท่วงท่าอันสง่างาม บรรจงมั่น

เนื้อสเต็กบนจาน

ถัดไปไม่ไกล นักไวโอลินกำลังบรรเลงท่วงทำนองอัน ไพเราะ ทำให้บรรยากาศของภัตตาคารระดับสูงแห่งนี้เต็มไป ด้วยความสงบรื่นรมย์

โม่ฮุ่ยหลิงยิ้มเมื่อเอ่ยขึ้นว่า “อาหารที่นี่อร่อยจังเลยนะคะ

กู้จิ้งหยูพยักหน้า “ใช่”

โม่ฮุ่ยหลิงสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างในสีหน้าของ ชายหนุ่ม มันคือความสับสน เธอจึงเอ่ยถามว่า “จิ้งเจ๋อคะทำไมวันนี้ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยล่ะคะ”

จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้น “คงเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับน่ะ

โม่ฮุ่ยหลิงหน้าเสียไปเล็กน้อย สายตาของเธอแฝงด้วย แววไม่พอใจ เธอก้มหน้าเมื่อพูดต่อไปว่า “อย่างที่ฉันบอกไป แล้วนั่นแหละค่ะ ที่เคยแนะนำให้คุณย้ายออกมาอยู่กับฉัน คุณ ได้ลองคิดเรื่องนี้ดูหรือยังคะ

มือที่จับส้อมของจิ้งเจ๋อชะงัก “ฉันยังใคร่ครวญเรื่องนี้

อยู่

ด้วยความโมโห โม่ ฮุ่ยหลิงกระแทกทั้งมีดและส้อมลงบน โต๊ะ “จิ้งเจ๋อ นี่คุณได้ลองคิดดูจริงๆ หรือเปล่านะ

กับคำถามที่พยายามรุกไล่อย่างหนัก จิ้งเพื่อรู้สึกหมด

ความอดทนขึ้นมานิดๆ แต่เขาก็ยังบอกตัวเองว่าเขาเข้าใจได้

และเป็นเรื่องปกติที่โม่ฮุ่ยหลิงจะต้องเป็นกังวลแบบนี้

“ฉันกำลังคิดอย่างจริงจัง แต่ฉันก็ไม่อยากเสียงให้ ครอบครัวรู้ด้วยเหมือนกัน เธอเองก็รู้ว่าฉันเป็นคนรอบคอบ เสมอเวลาจะทำอะไร ฉันชอบที่จะทำตามแผนที่มั่นใจได้ว่า ปลอดภัยแทนที่จะต้องมานั่งเป็นกังวลอยู่ทุกวันว่าความจะแตก หรือเปล่า”

“คุณ…นี่เป็นเพราะคุณกลัวจะถูกจับได้หรือเพราะคุณไม่ อยากจะแยกกันอยู่กับภรรยากันแน่คะ” ไม่ยุ่ยหลิงเองก็หมด ความอดทนแล้วเช่นกัน
จิ้งเจ๋อซะงัก ไม่ยุ่ยหลิงลุกพรวดพราดขึ้นทันที “ถ้าคุณ

ไม่อยากแยกจากเธอ งั้นฉันจะเป็นฝ่ายไปเองค่ะ ฉันจะขอเป็น คนถอยออกมา แล้วก็ให้คุณสองคนได้อยู่ด้วยกัน แบบนั้นดี มั้ยล่ะคะ”

ขณะที่พูดเช่นนั้น ไม่ยุ่ยหลิงก็คว้ากระเป๋าแล้วผลุนผลัน ออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

จิ้งเจ๋อวางมีดและส้อมลง แต่แทนที่จะวิ่งตามเธอไป เขา กลับนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

แน่ล่ะ เขาอยากบอกโม่ฮุ่ยหลิงว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่าง เขาและหลินเชื่อ แต่การจะบอกว่าเขาและหลินเชื่อไม่ได้มีความ สัมพันธ์อะไรกันมันก็ไม่ใช่ความจริงเสียทีเดียว

อย่างน้อยที่สุด เขาและเธอก็มีความสัมพันธ์กันอย่างลึก ซึ้งซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้

ชายหนุ่มกลับถึงบ้านหลังจากนั้นไม่นาน ทันทีที่ก้าวเข้าไป ในบ้าน เขาก็ได้ยินหลินเชื่อกำลังพูดโทรศัพท์อยู่กับใครบางคน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ