แฟลช แต่งงาน ภรรยา

ตอนที่ 80 รู้สึกดีที่มีใครสักคนชื่นชม



ตอนที่ 80 รู้สึกดีที่มีใครสักคนชื่นชม

“ช่วงนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ นอนพักผ่อนอยู่บ้านแล้วก็อ่านบท ไปก็แล้วกันนะ”

อวหมินหมิ่นจัดแจงโยนบทละครปีกใหญ่ให้หลินเชื่อ เมื่อ

มองดูแล้วหญิงสาวก็ถามขึ้นเบาๆ ว่า “นี่คืออะไรคะ”

อวีหมินหมิ่นบอก “บทที่หวังว่าเธอจะได้เล่นน่ะ เรายังดูๆ อยู่ เธอลองเปิดๆ ดูหน่อยว่ามีอะไรที่เธอสนใจหรือเปล่า แล้ว ช่วยบอกฉันด้วยก็แล้วกัน”

“ว้าว หนาจังเลยค่ะ” หลินเชื่ออุทานด้วยความประหลาดใจ

อวหมินหมิ่นยิ้มและตอบว่า “นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ ที่ เราเลือกมาให้เธอนี่เป็นบทนำหญิงทั้งหมด รับรองว่าไม่พลาด หรอก”

“บทนำหญิงเหรอคะ”

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่ยอมให้เธอเล่นบทสมทบอีกแล้วนะ ก้าว แรกน่ะต้องเล่นบทสมทบก็จริง แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องก้าว ไปอีกขั้นแล้ว ก็คือการทำให้เธอกลายเป็นดารานำหญิงในซีรีส์ โทรทัศน์ เพื่อให้เธอได้เฉิดฉายยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นบทนี้มี ความสำคัญมาก ค่อยๆ เลือกดีๆ ล่ะ”
ทั้งสองคนเดินเคียงกันไป แล้วอยู่ๆ โทรศัพท์ของอวหมิน หมิ่นก็ดังขึ้น

เมื่อเธอหันไปมองหมายเลขโทรเข้าแล้วสีหน้าก็พลัน เปลี่ยนไป เธอหันไปยิ้มกับหลินเชื่อแล้วเดินนำไปก่อนเพื่อที่จะ รับสายโทรศัพท์

“พ่อคะ มีอะไรหรือเปล่า”

(ลูกสาว ลูกสาวคนดีของพ่อ พ่อตัดสินใจที่จะกลับเนื้อ กลับตัวแล้วนะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ พ่อทำให้ลูกผิดหวัง มาโดยตลอด พอปล่อยให้ลูกกับน้องต้องทุกข์ทรมานใจ พ่อ จะเลิกเล่นการพนันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

อวหมินหมิ่นรับฟังคำสาบานอย่างเอาจริงเอาจังนั้นทาง โทรศัพท์แล้วก็ต้องยิ้มออกมา “ไหนบอกมาสิคะ ว่าคราวนี้พ่อ เสียไปเท่าไหร่ หนูต้องให้เงินพ่อเท่าไหร่

ไม่มาก ไม่มากหรอก จริงๆ นะ คราวนี้ พอโดนคนโกง นะ ตอนเล่นตาสุดท้าย

“หนูไม่อยากจะฟังหรอกค่ะ แค่ เป็นหนี้อยู่เท่าไหร่

บอกมาก็แล้วกัน ว่าพ่อ

[สามหมื่น]

“สามหมื่นเหรอคะ พ่อ นั่นมันเงินเดือนหนูตั้งหลายเดือนเชียวนะ!”

[ลูกสาวของพ่อ พ่อมีแต่ลูกเท่านั้นที่พึ่งได้นะ ลูกต้องช่วยพ่อ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเอาเก็บหนี้เอากับแม่ของลูก

“พ่อ” อวหมินหมิ่นสูดลมหายใจเข้าลึก “พ่อคะ หนูทำ แบบนี้ก็เพื่อแม่กับน้องเท่านั้น ได้โปรดอย่าไปยุ่งกับพวกเขาจะ ได้มั้ย พ่อช่วยหย่ากับแม่ได้มั้ย

(นี่แกยังเป็นลูกฉันอยู่หรือเปล่า

อวหมินหมิ่นวางสาย เมื่อหันกลับมา หลินเชื่อก็สังเกต เห็นท่าที่เป็นกังวลของอีกฝ่าย จึงถามออกไปว่า “พอคะ เป็น อะไรหรือเปล่าคะ

อวหมินหมิ่นยิ้ม “ฉันไม่เป็นไร แค่มีปัญหาส่วนตัวนิด หน่อยเท่านั้น กลับไปแล้วก็ลองอ่านบทดูนะ ฉันไม่เดินไปส่ง ละ

หลินเซ่อพยักหน้าขณะที่มองดูอหมินหมิ่น “พ่อคะ บาง ครั้งฉันก็รู้สึกว่าพี่ดูมีเรื่องลึกลับอะไรบางอย่าง

“อะไรกัน” อวหมินหมิ่นหัวเราะ

หลินเชื่อพูดต่อ “ฉันทำงานกับพี่มาก็หลายปี แต่ฉันไม่เคย ได้ยินพี่พูดอะไรถึงครอบครัวหรือชีวิตส่วนตัวเลย ใครๆ ก็พา กันบอกว่าพี่เป็นพวกบ้างาน

อวหมินหมิ่นมองหน้าหลินเชื่อ “แล้วฉันก็ไม่เคยบอกใคร ว่าเธอเป็นน้องสาวของหลินลี่และเป็นทายาทตระกูลหลินด้วย เหมือนกัน”

หลินเชอตกใจและรีบหลบตา ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ “ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงเท่าไหร่นี่คะ ไม่มีประโยชน์ เลยสักนิด มันน่าจะดีกว่าถ้าฉันต่อสู้ด้วยตัวเองและหนีให้ห่าง จากคนพวกนั้นและอดีตของฉัน”

อวหมินหมิ่นตอบ “นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงชอบ เธอ เธอไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น ที่เธอพูดน่ะถูกแล้ว ไม่มี ประโยชน์ที่จะไปพูดถึง ฉันเองก็เหมือนกันจำเอาไว้ว่าสังคม ของเราไม่ได้ชื่นชมคนที่พ่ายแพ้ ฉันไม่ยกเอาปัญหาของตัวเอง ไปให้ใคร ฉันไม่อยากเป็นภาระของคนอื่น เพราะทุกคนก็มี ภาระของตัวเองมากพออยู่แล้ว และฉันก็ไม่ต้องการที่จะทำให้ ตัวเองเจ็บซ้ำไปมากกว่าเดิม

อวีหมินหมิ่นโบกมือเรียกรถของหลินเชื่อให้เข้ามารับ

หลินเชื่อหันไปมองอวหมินหมิ่น และได้เห็นเธอกำลังเดิน กลับเข้าไปในตัวอาคาร ด้านหลังของเธอดูโดดเดี่ยวอย่างน่า ประหลาด แม้ว่าฉากหน้าของเธอจะดูเข้มแข็งและไม่หวาดหวั่น กับสิ่งใด ช่างเป็นภาพที่แตกต่างกันเหลือเกิน

เธอจัดการแบกบทละครทั้งปีกกลับบ้าน

กู้จิ้งเจ๋อเห็นหลินเชื่อขนบางอย่างเข้าบ้านเลยบอกให้คน ไปช่วย

“นั่นอะไรน่ะ” จิ้งเพื่อถาม

หลินเชอตอบ “บริษัทให้บทฉันมาเลือกน่ะค่ะ”

กู้จิ้งเจ๋อสุ่มหยิบขึ้นมาปีกหนึ่ง บนหัวเรื่องเขียนเอาไว้ว่าไฟรักไฟสวาท

ชื่อเรื่องห่วยบรม

หลินเซ่อนั่งลงบนโซฟาแล้ววางบทละครทั้งหมดลงบนโต๊ะ

ก่อนจะเริ่มพลิกดูอย่างไม่จริงจังนัก กู้จิ้งเจ๋อนั่งลงตรงกันข้ามพลางเริ่มหยิบขึ้นมาดูบ้าง

“ฉันจะช่วยเธอดูเอง” จิ้งเจ๋อเสนอตัว “เธอเลือกบทไหน ก็ได้จากในพวกนี้เหรอ

“ใช่ค่ะ”

หลินเซ่อมองหน้าเขาเงียบๆ “คุณรู้เหรอคะว่าควรจะดูจาก

อะไร”

กู้จิ้งเจ๋อบอก “ฉันได้ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยแม็คกิล

หลินเชื่อร้อง “วรรณกรรมกับการแสดงมันคนละเรื่องกัน

เลยนะคะ!”

“แต่มันก็เป็นศิลปะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันจะต้องมีบาง อย่างที่เหมือนกันนั่นแหละน่า

หลินเชื่อถือบทไว้ในมือก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วย ท่าทีสงสัยยิ่ง “แล้วทำไมคุณถึงกลายเป็นนักธุรกิจได้ในเมื่อ เรียนวรรณกรรมมาละคะ
กู้จิ้งเจ๋อพูดโดยไม่เงยหน้า “ฉันได้ปริญญาเอก บริหารธุรกิจจากฮาร์วาร์ดด้วย ปริญญาโทสาขาจิตวิทยาและ กฎหมายจากเซล แล้วฉันก็ยังเรียนการจัดการและ เศรษฐศาสตร์ที่เอ็มไอที น่าเสียดายที่ฉันมีเวลาเรียนแค่ ปริญญาตรี

หลินเชือยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างจะสรรเสริญ สีหน้าเธอ เต็มไปด้วยความชื่นชม “โอ้ ท่านผู้คงแก่เรียน! ขอให้ข้าได้ คารวะท่านด้วยเถิด”

จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นมอง “ผู้คงแก่เรียน หลินเชื่อว่า “ก็พวกคนที่ชอบเรียนหนังสือไงละคะ

จิ้งเจ๋อตอบ “อ้อ เข้าใจแล้ว

หลินเชื่อถามต่ออย่างใคร่รู้ ว่าแต่คุณมีเวลาเรียนตั้งเยอะ ตั้งแยะขนาดนี้ภายในเวลาแค่ไม่นานได้ยังไงกันคะ การเรียน ในมหาวิทยาลัยต้องใช้เวลาสี่ปีไม่ใช่เหรอ แล้วคุณเรียน ทั้งหมดนี้ได้ยังไงน่ะ

จิ้งเพื่ออธิบาย “เธอไม่รู้เหรอ มีมหาวิทยาลัยบางแห่งที่ เขาอนุญาตให้เธอเรียนพร้อมกันได้มากกว่าหนึ่งคอร์สนะ

“แล้วจะเรียนไปทำไมเยอะแยะขนาดนี้คะ

“ทุกอย่างล้วนใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น เรียนเอาไว้ก็ไม่เสียหายนี่”

“ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย
“แน่ละ ก็สมองเธอมีแค่นั้นนี่นา เธอจะไปเข้าใจอะไรล่ะ

“นี่ จิ้งเจ๋อ ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยมานะคะ “เธอเนี่ยนะเรียนจบมหาวิทยาลัย เขามองอย่างไม่อยาก

เชื่อ

หลินเซ่อถาม “ไหนคุณบอกว่าคุณตรวจสอบประวัติฉัน หมดแล้วก่อนที่เราจะแต่งงานกันไงล่ะ”

“ผู้ช่วยของฉันจะไม่รายงานข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์

“คุณหมายความว่าการศึกษาไม่มีประโยชน์งั้นเหรอคะ”

หลินเชื่อพูดต่อด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องว่า “ฉันเรียนจบจาก โรงเรียนการแสดง เป็นสาขาวิชาที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย นะ!”

“อ้อ จริง” เขาเลิกคิ้วสูง

หลินเชื่ออดรู้สึกผิดหน่อยๆ ไม่ได้ “ฉันเรียนจบจริงๆ

สิคะ!”

“งั้นเหรอ แล้วทุนการศึกษาของเธอมีค่าเท่าไหร่ล่ะ

หลินเชื่อยิ่งรู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีก เธอยปากแล้วคิดว่า ควรจะตอบว่าอย่างไรดี

จิ้งเจ๋อยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าสุดท้ายเธอจะสอบไม่ผ่านล่ะสิ”
“เปล่านะ ฉันทำคะแนนได้หกสิบเอ็ดคะแนน มันผ่านนะคะ!”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง หกสิบเอ็ดคะแนน โอ้ หลินเชื่อ เธอ

เป็นนักเรียนที่น่าสงสารจริงๆ เป็นครูใหญ่ที่เดียวกว่าหลินเชื่อจะรู้ว่าเขากำลังล้อ

เลียนเธอ

“คุณมันนักธุรกิจจอมเจ้าเล่ห์

“แล้วเธอไม่ชอบนักธุรกิจจอมเจ้าเล่ห์อย่างฉันเหรอ” จึง เจ๋อขยับเข้ามาใกล้ อยากจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มเธอยิ่งนัก

ความจริงก็คือเขาไม่ได้อยากจะเน้นความจริงอะไรจาก เธอหรอก เขาแค่คิดว่ามันสนุกดีที่ได้แหย่เธอ

ท่าทางชื่นชมของเธอนั่นแหละที่ทำให้เขาภูมิใจจนแทบ

กลั้นเอาไว้ไม่ได้ มันทำให้เขารู้สึกดีเหลือเกิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ