แฟลช แต่งงาน ภรรยา

ตอนที่ 101 พวกเขากำลังกินข้าวด้วยกัน



ตอนที่ 101 พวกเขากำลังกินข้าวด้วยกัน

ในห้องรับประทานอาหาร

หลินเชื่อกินอาหารเสร็จแล้ว หญิงสาวรู้สึกประทับใจเป็น

ที่สุด

“อร่อยจังเลยค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นบอกกับจิ้งเจ๋อ

ชายหนุ่มยิ้มแล้วพูดราวกับผู้ชนะ “ฉันบอกแล้วไงว่าอร่อย ไม่ได้โกหก เห็นมั้ยล่ะ

หลินเชื่อว่า “ค่ะๆ อร่อยจริงๆ นั่นแหละ

ริมฝีปากของเธอเลอะคราบมัน แต่น่าแปลกตรงแทนที่มัน

จะดูสกปรก ปากเธอกลับดูอวบอิ่มน่าจูบยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

เขาไม่อาจทนมองได้อีกต่อไปจึงเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงเศษ ขนมปังที่ติดอยู่บนหน้าเธอแทน “ยัยบ๊อง ดูกินเข้าสิ อาหารติด เต็มปากไปหมดแล้ว

เธอเอียงหน้าเพื่อให้เขาปัดออกให้

จิ้งเจ๋อยิ้มแล้วเอื้อมมือออกไปหยิบเศษขนมปังออกก่อน จะส่งมันเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย
หลินเชอตาโตด้วยความตกใจแล้วพึมพำเบาๆ ว่า “ตาบ้า นี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไงคะ”

เขายิ้มแล้วตอบเธอเสียงอ่อน “อร่อยดีออก”

** หลินเชื่อหน้าแดงก่ำ ตวัดสายตามองคนทำตัว พิเรนทร์อย่างหมั่นไส้

จิ้งเจ๋อถาม “มีอะไร ฉันก็แค่บอกว่าขนมปังก็อร่อยดี เท่านั้นเอง”

“ฉะ…ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” หลินเชื่ออีกอัก “ถ้า

อร่อยนัก นี่ก็มีอีกตั้งเยอะ กินจากในจานสิคะ

ทำไมจะต้องมากินที่มันติดอยู่บนปากเธอด้วย

จิ้งเจ๋อยิ้มแล้วขยับเข้ามาใกล้ ก็ของเธออร่อยกว่านี้นา

“จิ้งเจ๋อ คุณจะบ้าเหรอ” หลินเชื่อร้องขึ้นอีกครั้ง

ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง เสียงหัวเราะนั้นดูจะดังออกมาจาก ใจเพราะฟังแล้วช่างเต็มไปด้วยความเบิกบานในอารมณ์โดย แท้

หลินเชื่อไม่กล้าต่อปากต่อคำอีก ได้แต่กัดขนมปังเต็มแรง แก้โมโหโดยคิดซะว่าเป็นหัวของผู้ชายที่นั่งข้างๆ นั่นแหละ

ทว่าสองหนุ่มสาวไม่ได้ล่วงรู้เลยสักนิดว่าบริเวณข้างนอก ห้องนั้น ไม่ยุ่ยหลิงที่กำลังจะเดินไปยังห้องรับประทานอาหารของเธอกับเพื่อนๆ กลับมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องที่จิ้งเจ๋อ และหลินเชื่อกำลังกินอาหารกันอยู่ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ

เงี่ยหูฟังจากภายนอก เธอก็ได้ยินเสียงจิ้งเจ๋อหัวเราะ

นี่เขาหัวเราะเสียงดังแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าเขาพอใจหรือมีความสุข อย่าง เก่งจิ้งเจ๋อก็จะทำแค่เพียงยกมุมปากขึ้นน้อยๆ เท่านั้น เขา เป็นคนที่ระมัดระวังกิริยามารยาทอยู่เสมอ แต่ตอนนี้กลับ

พวกเขาต้องไม่ได้พูดคุยเรื่องธุรกิจกันอยู่แน่

โม่ฮุ่ยหลิงมั่นใจ

เธอเพิ่งเข้าไปในห้องอย่างหัวเสีย ทำท่าจะเดินถึงปัง

เข้าไปทันที

แต่พนักงานของร้านมาเห็นเข้าเสียก่อนจึงรีบปราดเข้ามา

ขวางไว้

ทว่าหล่อนจึงไม่กล้ายื้อยุดอีกฝ่ายมากนักด้วยก็รู้ดีว่าไม่ ฮียหลิงเป็นใคร ทำได้แค่เพียงถามออกไปว่า “คุณโม่คะ คุณ จะทำอะไรเหรอคะ”

เมื่อถูกห้าม ไม่ยุ่ยหลิงก็ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

“แกคิดว่าแกเป็นใครกันถึงกล้ามาห้ามฉันแบบนี้นะ ปล่อยนะ ฉันจะเข้าไป! ฉันรู้ว่าจิ้งเจ๋ออยู่ในนั้น ลองเข้าไป ถามดูสิว่าเขาจะยอมให้คนอย่างพวกแกมาขวางฉันไว้แบบนี้หรือเปล่า! แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร พนักงานทำหน้าจนใจไร้หนทางเมื่อหญิงสาวดึงดันจะ

เข้าไปให้ได้ อากัปกิริยาของ โม่ฮุ่ยหลิงดูราวกับจะลืมวางตัว ให้ดูสวยสง่างดงามตามปกติ เสื้อผ้าของเธอตอนนี้เองก็เริ่ม หลุดลุ่ยยุ่งเหยิง

โม่ฮุ่ยหลิงยังตะโกนต่อไปอีกว่า “เร็วเข้าสิยะ ให้ฉัน

เข้าไป ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกกู้จิ้งเพื่อให้เฉดหัวพวกแกออกให้ หมดทุกคน!

หญิงสาวระเบิดโทสะหนักขึ้นชนิดที่เรียกว่าหน้ามืดตามัว ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว

ภายในห้อง สองหนุ่มสาวกำลังเพลิดเพลินอยู่กับของ หวาน จนกระทั่งอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะมะเพิ่งดังขึ้นข้างนอก

หลินเชอตกใจเล็กน้อย “มีคนทะเลาะกันข้างนอกเหรอคะ

เสียงดังเชียว”

จิ้งเพื่อไม่นึกอยากจะสนใจอะไรทั้งสิ้น วันนี้เขาต้องการ อยู่กับหลินเชื่อเพื่อฉลองชัยชนะให้กับเธอเท่านั้น เขาหันมอง หญิงสาว ยังคงพึงใจกับการกินอย่างเอร็ดอร่อยของเธอเมื่อครู่ นี้ แต่เมื่อเสียงดังจากภายนอกเริ่มรบกวนบรรยากาศอัน รื่นรมย์ บวกกับเห็นหลินเชื่อเริ่มลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มจึงยืนขึ้น แล้วบอกว่า “ฉันจะไปดูเอง

หลินเ ออดเดินตามหลังไปด้วยไม่ได้
เมื่อเขาเปิดประตูห้องออกมา เขาก็ได้ยินเสียงไม่ชุ่ยหลังที่ กำลังตวาดลั่นว่า “พวกแกทั้งหมดทุกคนเลยนะ รอเดี๋ยวก่อน เถอะ! ไอ้พวกสารเลวทุกคนที่นี่เลย..คอยดูนะว่าฉันจะจัดการ กับพวกแกยังไง!

แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่าประตูห้องเปิดออก รวมถึงเห็น ว่าจิ้งเจ๋อกำลังยืนมองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา โมฮุย หลิงตกใจแทบสิ้นสติ

ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจถอนคำพูดกลับคืนได้อีกแล้ว จึง ได้แต่เพียงยืนขยับปากไปมา นึกหาถ้อยคำแก้ตัว

รู้ทั้งรู้ว่าจิ้งเจ๋ออยู่ในห้อง แต่เธอก็ยังพูดจาแย่ๆ แบบนี้

ออกมา

เพราะความโกรธทำให้เธอไม่ทันได้ยั้งคิด

ท่าทีของเธอพลันอ่อนลงทันทีเมื่อเธอเห็นจิ้งเจ๋อออกจาก ห้อง ทว่าเมื่อเธอเห็นหลินเชื่อค่อยๆ โผล่ตามหลังมา ดวงตา ของเธอก็เบิกโพลงแล้วจ้องมองอีกฝ่ายอย่างชิงชัง

สรุปแล้วจิ้งเจ๋อมากินข้าวกับนั่งหลินเช่องั้นเหรอ กลายเป็นว่าจิ้งเจ๋อพานั่งหลินเซ่อมาดินเนอร์กันสินะ

เธอหันไปมองเขาอย่างโกรธจัด “จิ้งเจ๋อคะ คุณ…ทำไม คุณถึงมากินอาหารที่นี่กับหล่อนได้ล่ะ แล้วทำไมคุณถึงนั่งใน ห้องนั้น คุณ…คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคะ

ชายหนุ่มมองมาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอสติหลุดอย่างควบคุมตัวเอง

ไม่ได้

ยังบริภาษคนอื่นด้วยถ้อยคำหยาบคายแบบนั้นอีก

ถ้าเป็นหลินเชื่อที่ใช้คำพูดแบบนี้ เขายังพอจะเข้าใจได้เพ ราะหลินเชื่อไม่เคยเสแสร้งหรือมีจริต เธอเป็นเพียงผู้หญิง บ้านๆ ที่คิดอะไรก็พูดออกไปแบบนั้น

แต่สำหรับจิ้งเจ๋อแล้ว ไม่ยุ่ยหลิงคือหญิงสาวผู้เรียบร้อย และแสนดี แม้บางครั้งเธอจะดื้อรั้นไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำท่าที อย่างคนไร้กิริยา

ทว่าในตอนนี้เธอกลับไม่มีอะไรเหมือนหญิงสาวแสนดีที่ว่า นั่นเลยสักนิด ไม่ยหลิงทำตัวเหมือนผู้หญิงปากร้าย เธอก ตามองหลินเชื่อด้วยสีหน้าแทบจะกินเลือดกินเนื้อ

เขาขยับเท้าเข้าไปหาเธอสองสามก้าว เหล่าพนักงานรับ พากันถอยกรูดและเฝ้าดูคนทั้งสาม

โม่ฮุ่ยหลิงฉวยโอกาสนี้โผเข้าไปหาเขา เธอกอดชายหนุ่ม และอิงแอบชนิดแนบแน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนจะพูดว่า “จิ้งเจ๋อ คะ พวกเขาใจร้ายมากเลยค่ะ ฉันได้ยินเสียงคุณดังมาจากใน ห้องแต่พวกเขาไม่ยอมให้ฉันเข้าไปหา พวกเขาบอกว่าคุณพาผู้ หญิงอื่นมาออกเดตด้วยและกลัวว่าฉันจะไปรบกวนคุณเข้า ฉัน ไม่มีสิทธิ์เข้าไปหาคุณข้างใน ฉะ…ฉันก็เลยโมโหมาก
พนักงานทั้งหลายมีท่าทีหัวเสีย ทำไมคุณไม่ถึงพูดจา โกหกหน้าตายแบบนี้ล่ะ

กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกได้ว่าหลินเชื่อยังคงยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขาจึง ขมวดคิ้วแล้วผลักโม่อุ้ยหลิงให้ออกห่างจากตัว จากนั้นก็ก้ม หน้าลงมองเธอแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้นน่ะ พูดช้าๆ หน่อยสิ”

โม่ฮุ่ยหลิงเงยหน้าน้ำตาคลอ “ยังไงก็ช่างเถอะ ทำไมคุณ

ถึงพาหล่อนมาที่นี่ละคะ

ทว่าเขากลับตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบยิ่งว่า “ก็อาหารที่ นี่อร่อยดี ฉันก็เลยพาเขามากินที่นี่ มีอะไรผิดปกตินั้นเหรอ”

“อะไรนะคะ แต่ที่นี่เป็นที่ของเรานะคะ คุณพาฉันมากินที่นี่ เสมอ แล้วคุณจะมาพาผู้หญิงอื่นมาที่นี่ด้วยได้ยังไงกันคะ จิ้งเจ๋อถอนใจยาว “ที่นี่เป็นที่ของเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“คุณ” ไม่ยุ่ยหลิงหน้าถอดสี

หลินเชื่อไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องของทั้งสอง เธอมองหน้า จิ้งเจ๋อที ไม่ยุ่ยหลิงที แล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมพวกคุณสองคนไม่ คุยกันสักหน่อยละคะ แล้วเดี๋ยวฉันกลับก่อน

“รอเดี๋ยว” เขารั้งตัวเธอไว้ เมื่อได้เห็นว่าเธอยังไม่ได้สวม เสื้อโค้ต เขาก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อหยิบมันมาสวมให้เธอ “ไป รอฉันในรถนะ”

เขาบอกเธออย่างอ่อนโยน
หลินเซ่อมองหน้าอีกฝ่ายและนึกสงสัยว่าสถานการณ์ตรง หน้านี้จะคลี่คลายลงในเวลาอันสั้นได้อย่างไร

แต่ในเมื่อมีหลายคนกำลังเฝ้ามองอยู่ เธอจึงทำได้แค่

เพียงพยักหน้ารับ “โอเคค่ะ”

ขณะมองหลินเชื่อเดินจากไป สีหน้าของโม่ฮุ่ยหลิงก็ดุดัน ราวกับอยากฆ่าใครสักคนให้ตายคามือ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ