แฟลช แต่งงาน ภรรยา

ตอนที่ 15 เธออยากให้ฉันย้ายออกไป ขนาดนั้นเลยเหรอ



ตอนที่ 15 เธออยากให้ฉันย้ายออกไป ขนาดนั้นเลยเหรอ

แต่ด้วยท่าทางแบบนี้เนี่ยนะ

จิ้งเจ๋อมองดูเธอหยิบตะเกียบ ม้วนเส้นบะหมี่แล้วส่งเข้า

ปากก่อนที่จะเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยสุดใจ เขาหลับตาลง อย่างฉุนจัด “หลินเชื่อ….

หลินเซ่อรีบหันขวับมาทันควันด้วยความประหลาดใจ เมื่อ เห็นจิ้งเจ๋อ เธอก็แทบพลัดตกจากเก้าอี้

“จิ้งเพื่อ ทำไมเดินเข้ามาไม่ให้มให้เสียงกันบ้างล่ะคะ”

เธอแหวใส่ ยกมือขึ้นทาบอกแล้วพูดต่อไป “ฉันคิดว่าผีหลอก

ซะอีก”

จิ้งเจ๋อว่า “นี่เธอทำอาหารเหรอ”

เขาไม่คิดว่าเธอจะทำกับข้าวเป็น แถมยังหอมหวนชวนกิน แบบนี้เสียด้วย

หลินเชื่อมองดูบะหมี่ในชามแล้วพยักหน้าหมึกหงัก “ค่ะ ใช่แล้วล่ะ สุดยอดแม่ครัวคนนี้กำลังทำอาหารที่อร่อยที่สุดใน ปฐพีอยู่”
นั่นเธอกำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่นี่นา

แล้วเขาก็ดันคิดว่าบะหมี่นี่หอมน่ากินซะอีก

คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องคิดหาทางพาตัวเองออกไปให้ ไกลแม่ผู้หญิงไร้การอบรมคนนี้

กู้จิ้งเจ๋อว่า “งั้นก็แสดงว่าเธอทําอาหารไม่เป็นเลยงั้นสิ

หลินเชื่อตอบ “ฉัน…ต้มน้ำเก่งทีเดียวค่ะ แล้วก็ไม่เคย ทำให้เส้นบะหมี่เปื่อยเกินไปด้วย

จิ้งเจ๋อไม่รู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้เติบโตมาแบบไหนถึงได้ ไม่เคยเรียนรู้ที่จะหัดทำอะไรให้เป็นสักอย่าง

หลินเซ่อพูดต่อ “กลับมาดึกขนาดนี้ คุณคงยังไม่ได้ทาน

อะไรมาละสิคะ กินสักคำมั้ย

หลินเชื่อเลื่อนชามบะหมี่มาตรงหน้า จึงเลือก้มลงมองดู สิ่งที่อยู่ในชาม มันดูดีทีเดียว มีทั้งผัก ทั้งเนื้อแล้วก็ไข่ ผสม รวมกันอยู่ในน้ำซุป มันดูดีพอที่จะทำให้น้ำลายสอได้เลย

“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่หิว” เขาบอก แต่กลับแลบลิ้นเลียริม ฝีปากอย่างลืมตัว

จิ้งเจ๋อยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง เมื่อเจ้าตัวรู้สึกได้ว่าหลินเช่ อกำลังยิ้มเยาะ เขาก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วเตรียมจะเอ็ดตะโรเธอ
“กินอาหารตึกๆ แบบนี้ไม่ดีกับกระเพาะหรอกนะ” เขาว่า

“นานๆ กินทีก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปกติฉันเองก็ไม่ได้กินมื้อ

ดึกแบบนี้หรอก แต่พอดีว่าวันนี้อารมณ์ดี ฉันก็เลยให้รางวัลตัว เองสักหน่อย” เธอคีบบะหมี่ขึ้นแล้วยกมันมาจ่อตรงหน้าชายหนุ่ม สีหน้า

เชิญชวนเต็มที่ เธอยิ้มอย่างมาดหมายพลางขยับตะเกียบให้

เข้าใกล้ปากเขามากขึ้นไปอีก

กลิ่นอาหารหอมหวนนั้นกระตุ้นต่อมรับรสเข้าเต็มที่จนพา ให้ท้องไส้เริ่มร้องอุธรณ์ เขามองหน้าเธออย่างอุ่นใจก่อนจะพูด ว่า “โอเคๆ ฉันจะกิน เอาออกไปให้พ้นๆ ได้แล้ว” ชายหนุ่ม พยายามต่อรอง

หลินเชอรีบยัดบะหมี่คำโตพรวดเข้ามาในปากเขาทันควัน เขาเคี้ยวดูสองสามครั้งและพบว่ารสชาติอร่อยทีเดียว

“เค็มไปหน่อยนะ” เขาบอกพลางกลืนมันลงคอ

ถึงแม้จะบ่นแต่กู้จิ้งเจ๋อก็ตักอาหารใส่ปากคำแล้วคำเล่า ไม่ยอมหยุดอย่างเชื่องช้าและสงวนกิริยามารยาท จนกระทั่ง หมดเกลี้ยงทั้งชาม

เธอมองดูเขาด้วยความงุนงง จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นมองดู เธอแล้วถามว่า “อะไรเหรอ”

หลินเชื่อตอบ “นี่คุณไม่เคยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาก่อน เลยเหรอคะ ทำไมคุณทำเหมือนกับว่ากำลังกินอาหารมื้อวิเศษแบบนี้ล่ะ ดูสิคุณกินหมดเกลี้ยงจนเหลือแต่น้ำซุปแล้ว

“ใช่ ไม่เคย” เขามองสีหน้าประหลาดของหลินเชื่อแล้ว ถามต่อด้วยความสงสัย “มันทำไมเหรอ

หลินเชื่อตอบ “เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ฉันแค่ไม่เคยเจอใครที่

ไม่เคยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาก่อนเท่านั้น…นี่มาตรฐานคุณ มากนะคะ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปน่ะเป็นหนึ่งในความสุขสุดยอด ของชีวิตเลยเชียวนะ คุณเกือบจะพลาดมันไปแล้วรู้ไหม โชคดี นะเนี่ยที่คุณยังมีฉัน ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจไปจนวันตาย แน่ๆ”

กู้จิ้งเจ๋อมองดูหลินเชื่อที่กำลังคุยโวเต็มที่ด้วยท่าที่อันสงบ ก่อนบอกว่า “มันเป็นอาหารขยะ

“เป็นอาหารขยะแสนอร่อยต่างหากล่ะ” เธอแก้ให้

กู้จิ้งเจ๋อส่ายหน้าแล้วมองดูเธออยู่เงียบๆ

หลินเชือยกมือลูบท้องและบอกว่า “เอาล่ะ ฉันอิ่มแล้ว แล้วก็อารมณ์ดีแล้วด้วย ฉันจะไปนอนแล้วค่ะ”

กู้จิ้งเจ๋อมองเธอแล้วถามขึ้น “ดูเธอจะอารมณ์ดีจริงๆ นะ

หลินเซ่อตอบ “แน่นอนสิคะ ฉันกำลังจะได้รับบทนักแสดง นำหญิงคนที่สามเร็วๆ นี้แล้ว ถึงจะเป็นตัวละครสำคัญลำดับ สามก็เถอะ….แต่ก็เป็นตัวละครที่มีบทตลอดทั้งเรื่อง แถมยังเป็น นิยายที่ดังมากด้วย อีกหน่อยฉันจะกลายเป็นดาราดังแล้วก็ ประสบความสำเร็จด้วยนะ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ฉันอารมณ์ดีได้ยังไงล่ะ”

ขณะเล่า หลินเชื่อก็ลุกขึ้นยืนด้วยความภาคภูมิและตื่น เต้นดีใจ มือของเธอวางแปะลงบนไหล่เขาอย่างลืมตัว

จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว เขาหันหน้าไปมองดูมือของอีกฝ่าย

แต่หญิงสาวดูจะยังไม่รู้สึกตัวและยังคงพรคุยไม่หยุด ปาก “ฉันไม่คิดเลยว่าฉัน หลินเชื่อ จะมีวันที่ได้แจ้งเกิดแบบนี้ กับเขาด้วยละ แย่หน่อยที่หลินลี่ได้เล่นเป็นนางรองเรื่องนี้ ฉัน ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเข้าฉากกับเธอหรือเปล่า แต่ก็หวัง ว่าจะไม่ต้องนะคะ…ฉันกลัวตัวเองจะเผลออ้วกใส่หน้าเวลาเจอ เธอเข้าน่ะ”

กู้จิ้งเจ๋อกวาดสายตาไปทั่วใบหน้าเธอ ก่อนที่สุดท้าย สายตาจะมาจับอยู่กับมือที่ยังคงบ่ายเปะปะไปทั่ว

เขากระแอมเสียงดังออกมา แล้วเงยหน้ามองหลินเช่

อด้วยสีหน้าบึ้งตึง

และราวกับนึกขึ้นได้ เธอก็ก้มมองลงมา

“โอ๊ย ตายจริง ฉันขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ลืมไปสนิท เลย” เธอรีบยกมือลูบเสื้อของกู้จิ้งเจ๋อโดยเร็วราวกับจะ พยายามทำให้มันหายยับกระนั้น

เธอมองดูชายหนุ่มที่ก็ไม่ได้มีท่าทีอึดอัดใจแต่อย่างใด หญิงสาวจึงกัดนิ้วพลางพูดอายๆ ว่า “ฉันขอโทษทีค่ะ “ฉันเป็น คนเสียงดังโวยวายแล้วก็กะเปิ๊บกะป๊าบแบบนี้เองค่ะ เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงไม่อยากให้คุณต้องอึดอัดเวลาที่เราต้องอยู่ด้วย กัน

ชายหนุ่มดูจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ เขาหันมองดูเธอ แล้วพูดขึ้นว่า “เธอยังอยากให้ฉันย้ายออกไปอย่างงั้นเหรอ

หลินเชื่อหันมาหาเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใช่ค่ะ เราเห็นพ้องกันเรื่องที่ว่าจะมีความสัมพันธ์แบบต่างฝ่ายต่างได้ ประโยชน์ในการแต่งงานครั้งนี้นี่คะ เพราะงั้นคุณวางใจได้เลย ค่ะว่าต่อให้คุณออกไปอยู่กับโม่ฮุ่ยหลิง ฉันก็จะช่วยคุณหาทาง ปิดบังเรื่องนี้เอง ถึงยังไงคุณเองก็มีงานยุ่งมากอยู่แล้ว ฉันจะ หาข้ออ้างแก้ตัวให้ถ้าเกิดคนในครอบครัวของคุณเกิดแวะมา เยี่ยม ฉันจะบอกว่าคุณออกไปข้างนอก อาจจะเดินทางไปทำ ธุรกิจหรือประชุมก็ได้ ฉันยังมีข้ออ้างอื่นอีกเพียบเลยนะคะ ตราบใดที่คุณยังกลับมาที่นี่บ้างเป็นครั้งคราว เอาเป็นว่า ถ้า คุณอยากไปอยู่กับคุณหนูไม่ละก็ ไปเถอะค่ะ อย่าห่วงไปเลยว่า ครอบครัวคุณจะจับได้นะ ฉันจะช่วยคุณหาทางหนีทีไล่เองค่ะ”

จิ้งเจ๋อมองมาที่เธอ สายตาของเขาดูลึกลับและซ่อนเร้น บางอย่างที่ยากจะเข้าใจ เหมือนกำลังไตร่ตรองอย่างหนักแต่ก็ ดูเรียบเฉยไปด้วยพร้อมกัน

ภายใต้สายตาคู่นั้น หัวใจของหลินเชื่อกลับรู้สึกผะผ่าวขึ้น มาอย่างบอกไม่ถูก

เธอรู้สึกได้ว่าสายตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยลึกซึ้งราวกับเขา จะสามารถอ่านใจเธอได้ กระนั้นสายตานั่นก็ดูจะอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันมากมายเกินไป แล้วอยู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น “ฉันจะไม่ย้ายออก

เขาพูดต่อไปว่า “การย้ายออกจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เกิน ไป แถมยังมีปัญหาใหญ่อยู่อีกข้อหนึ่งด้วย นั่นคือฉันไม่ไว้ใจ ทักษะการแสดงของเธอ ดูจากความงี่เง่าของเธอแล้ว จะไม่มี ทางช่วยฉันกลบเกลื่อนได้ดีสักเท่าไหร่แน่ ถ้าฉันย้ายออกไป และปล่อยให้เธอรับมือกับเรื่องนี้ตามลำพัง มันก็จะเท่ากับฉัน เงปัญหาเรื่องนี้ไว้ในมือเธอเพียงคนเดียว ฉันไม่คุ้นกับการ ปล่อยให้ใครมาช่วยตัดสินใจอะไรในชีวิต โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้ แน่ว่ามีสติปัญญามากแค่ไหนอย่างเธอ

หลินเชื่อแหวกลับอย่างโกรธจัด “คุณอยากจะพูดอะไรก็ พูดออกมาเลยค่ะ อย่ามาหาเรื่องดูถูกกันอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ สติปัญญาฉันมันเป็นยังไงเหรอ” แต่จะว่าไปก็เข้าใจได้หรอกนะ ที่เขาจะไม่เชื่อใจเธอนะ ถึงอย่างไรมันก็เกี่ยวกับความ ปลอดภัยของผู้หญิงที่เขารัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกเครียดหนัก และไม่สามารถเชื่อใจใครได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเธอ

หลินเชื่ออดคิดไม่ได้ว่าความขัดแย้งระหว่างเธอกับเขานั้น ฟังดูราวหลุดออกมาจากนิยายก็ไม่ปาน เธอเป็นนางรองตัว ร้ายของเรื่อง เป็นคนที่เข้ามาทำลายความสัมพันธ์ระหว่าง พระเอกกับนางเอก และกลายเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับพวกเขา

กู้จิ้งเจ๋อเดินตรงไปยังประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย “โดยสรุป ก็คือ เธออย่าเสียเวลาหาทางไล่ฉันออกจากที่นี่เลย สำหรับ ตอนนี้ เราต้องใช้ชีวิตแต่งงานอยู่ร่วมกัน เพราะฉะนั้นจะ เป็นการดีที่สุดถ้าเธอจะพยายามทำตัวให้ชินกับมันซะและหา วิธีที่จะรับบทเป็นคุณนายให้ดีที่สุด แล้วก็หยุดคิดไร้สาระ เรื่องอื่นซะที!”

หลินเชื่อไม่คิดเลยว่าเขาจะมองเธอแย่ขนาดนี้ “ที่ฉันทำ แบบนี้ก็เพื่อคุณหรอกนะ ฉันแค่ไม่อยากเห็นคนรักของพราก จากกันก็เท่านั้นเอง”

กู้จิ้งเจ๋ออดใจไม่ได้ที่จะหยุดยืนแล้วหันกลับมาพูดด้วย เสียงเยาะหยัน “ช่างคิดดี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ