ตอนที่ 76 โม่ฮุ่ยหลิงจงใจเกาะเขาไม่ปล่อย
โม่ฮุ่ยหลิงมองดูคนทั้งคู่ คนหนึ่งสูงยิ่งผายอีกคนหนึ่งผอมบาง ทั้งสองคนดูใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างมากเมื่อยืนอยู่เคียงข้าง กันและกัน
หนำซ้ำจิ้งเจ๋อยังถือถุงของขวัญ ใบเล็กๆ เอาไว้ในมืออีก ต่างหาก ชื่อของร้านค้านั้นถูกเขียนเอาไว้บนถุง ในชื่อว่า “มา แกะสลักกันเถอะ
โม่ฮุ่ยหลิงรีบปรี่เข้ามาทันที เธอดึงแขนกู้จิ้งเจ๋อทันควัน และรีบสอดแขนตัวเองเข้าไปคล้องแขนเขาเงียบๆ “จิ้งเจือคะ” เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เขาก่อนจะเอื้อมมือออกไปหยิบถุงใน มือเขา “คุณถืออะไรอยู่คะนี่ ขอฉันดูหน่อยซิ
กู้จิ้งเจ๋อรีบยกมือหนี “ไม่มีอะไรหรอก
เมื่อเห็นชายหนุ่มบ่ายเบี่ยง โม่ฮุ่ยหลิงก็หน้าชา เธอมอง หน้าเขาแล้วยปากอย่างแสนงอน “คุณไม่ได้เอาคนมาด้วยเห รอคะ ทำไมถึงต้องถือเองแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวฉันช่วยถือให้นะคะ
กู้จิ้งเจ๋ออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหลินเชื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอยืนมองเขาและโม่ฮุ่ยหลิงด้วยสีหน้าสงบเสงี่ยมไม่ แสดงความรู้สึกใด
จิ้งเจอรีบบอกว่า ไม่ต้องหรอก ไม่ได้หนักอะไร
เมื่อถูกปฏิเสธถึงสองครั้ง จึงเป็นการยากที่ไม่ยุ่ยหลิงจะ พูดอะไรได้อีก เธอจึงทำได้แต่เพียงเอียงคอและตวัดสายตา แอบมองหลินเชื่ออย่างลับๆ
หลินเชื่อเองก็ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิด ไม่ยุ่ยหลิงถึงได้จง เกลียดจงชังเธอได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ แต่มาลองคิด ดูแล้ว ถ้าหล่อนชอบเธอจะกลายเป็นเรื่องแปลกยิ่งกว่า
โม่ฮุ่ยหลิงมองดูคนทั้งคู่แล้วถามว่า “ทำไมพวกคุณสอง คนมาอยู่ที่นี่ได้ละคะ”
จิ้งเจ๋อตอบ “อ้อ เราเพิ่งกินอาหารค่ำที่คฤหาสน์ตระกูล กันมานะ”
โม่ฮุ่ยหลิงแอบเอียงหน้ามองหลินเชื่ออีกครั้ง แล้วทำไม
พวกคุณถึงเดินกลับกันแบบนี้ละคะ
จิ้งเจ๋อตอบอีกว่า “พอดีไม่มีอะไรทำนะก็เลยเดินเล่นกัน ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ
โม่ฮุ่ยหลิงเงยหน้า เธอมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าท่าทางอัน
น่ารักน่าใคร่ โดยไม่สนใจว่าหลินเชื่อกำลังยืนดูอยู่ข้างๆ “ฉัน
กำลังจะออกไปหาซื้ออะไรมาทานน่ะค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ
พวกคุณสองคน จิ้งเจ๋อคะ มีคาเฟอยู่ตรงโน้นแน่ะ บรรยากาศ
ดีดี ช่วยพาฉันไปนั่งเล่นที่นั่นหน่อยนะคะ
เธอหยุดแล้วหันหลังมาพูดกับหลินเชื่อว่า “หลินเชื่อจะนานๆ เราจะได้เจอกันที ไปนั่งเล่นด้วยกันหน่อยนะจ๊ะ
หลินเซ่อมองหน้ากู้จิ้งเจ๋อ เธอไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่าย เวลาส่วนตัวของคนทั้งคู่
แต่อย่างไรก็ตามขณะที่เธอกำลังตั้งใจจะพูดว่า “ไม่ดีกว่า ค่ะ ฉันจะกลับบ้านก่อนแล้วกัน ไม่ยุ่ยหลิงก็จัดแจงคล้องแขน ของหล่อนเข้ากับแขนเธอเป็นที่เรียบร้อยเสียแล้ว “ไปเถอะจะ ไปนั่งเล่นด้วยกันสักนิดเถอะนะ
แล้วหลินเชื่อก็ถูกลากไปง่ายๆ แบบนั้น เธอหันมามอง จิ้งเจ๋อโดยไม่พูดอะไร แต่สีหน้าชายหนุ่มกลับกลายเป็นเงิน ห่างเย็นชาอย่างที่มักจะเป็นตามปกติจนเธอไม่อาจบอกได้ว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่
หลินเชื่อจึงทำได้เพียงยอมตามไปด้วยแต่โดยดี
หลังจากนั่งลง โม่ฮุ่ยหลิงก็นั่งลงข้างจิ้งเจ๋อ เธอมองหลิน เชื่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วพูดขึ้นว่า “คุณหลินคะ ดื่มอะไรดี คะ”
หลินเชื่อตอบ “อะไรก็ได้ค่ะ
บอกตามตรงว่าเธอไม่ค่อยจะพิสมัยกาแฟสักเท่าไหร่ เธอ บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากาแฟชนิดต่างๆ แตกต่างกันอย่างไร
โม่ฮุ่ยหลิงจึงรับหน้าที่สั่งอาหารและเรียกพนักงานเสิร์ฟมา เธอสั่งว่า “ขอกาแฟจาไมกันบลูเมาเท่นสามแก้วค่ะ”
โม่ฮุ่ยหลิงยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “จิ้งเจ๋อชอบดื่มแต่กาแฟบลูเมาเท่นเท่านั้นนะ กาแฟบลูเมาเท่นที่นี่เป็นของแท้เลยล่ะ มั้ยคะ จิ้งเจ๋อ”
ใช่
กู้จิ้งเจ๋อบอกได้เลยว่า โม่ฮุ่ยหลิงจงใจที่จะโน้มตัวเข้ามา จนใกล้เขา ซึ่งเขาเองก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากนั่งอยู่ด้วย ความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
กู้จิ้งเจ๋อตอบสั้นๆ เพียงแค่ว่า “อะไรก็ได้น่ะ
โม่ฮุ่ยหลิงเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าอ่อนโยนยิ่ง “จิ้งเจ๋อคะ ดูเหมือนคุณจะผอมลงนะคะ ช่วงนี้ทำงานเหนื่อย มากเหรอคะ คุณควรจะพักผ่อนมากขึ้นนะ อย่าห่วงงานมากจน เกินไปนัก สุขภาพของคุณสำคัญที่สุดนะคะ
กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกได้ถึงมือของโม่ฮุ่ยหลิงที่วางทาบลงมา ทำเอาเขารู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณและ พยายามหลบเลี่ยงสัมผัสจากเธอด้วยการเอนหลังพิงเก้าอี้ก่อน ค่อยๆ ผลักมือเธอออกอย่างแนบเนียน
โม่ฮุ่ยหลิงรู้สึกได้ว่าเขาพยายามจะหลบเลี่ยง หญิงสาวยิ่ง โมโหหนักขึ้นไปอีก เธอขยับตัวไปข้างหน้าเพื่อที่เธอจะได้เอน ร่างซบพิงเขาได้ง่ายขึ้น
คิ้วของจิ้งเจ๋อยิ่งขมวดหนักขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจดีว่า โม่ฮุ่ยหลิงนั้นเอาแต่ใจเหมือนเด็ก และพยายามที่จะอวดความ สนิทสนมระหว่างเธอและเขาให้หลินเชื่อได้เห็นเพราะความพึง หวง แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี
เธอทำแบบนี้มันออกจะเส้นเกินไปหน่อย
โม่ฮุ่ยหลิงดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วย นอกจากเธอและกู้จิ้งเจ๋อ เธอจึงแกล้งกระแอมเบาๆ และส่งยิ้ม ให้หลินเชื่ออย่างชัดเป็น
หลินเชื่อกระตุกยิ้มเล็กน้อยแล้วมองดูอีกฝ่ายโดยไม่รู้สึก อะไร ถึงแม้ในใจจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังวางท่า สงบเสงี่ยมราวกับไม่ได้ใส่ใจใดๆ ทั้งสิ้น
ก็ถ้าไม่อย่างนั้นเธอจะทำอะไรได้ล่ะ ไม่ยุ่ยหลิงและกู้จิ้ง เจ๋อเขาเป็นคู่รักกันมาก่อนนี่นา ไม่ต้องให้โม่ฮุ่ยหลิงมาแสดง ให้เห็นตำตาแบบนี้ เธอก็รู้ดีอยู่แล้วล่ะ
โม่ฮุ่ยหลิงยิ้มให้หลินเชื่อขณะถามขึ้นด้วยความห่วงใย อย่างยิ่งว่า “ดูเหมือนว่าช่วงนี้เธอจะตกเป็นข่าวบ่อยเชียวนะจ๊ะ ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับเธอเลย ซีรีส์โทรทัศน์นั่นดูจะไป ได้สวยทีเดียว”
หลินเชอยิ้มรับ ขอบคุณค่ะ
โม่ฮุ่ยหลิงพูดต่อไป “ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจงานของพวกนัก แสดงอย่างเธอสักเท่าไหร่ แต่ฉันคิดว่าแบบนี้ก็เรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จแล้วใช่มั้ยจ๊ะ
ระหว่างที่พูด ไม่ยุ่ยหลิงก็ก้มลงจิบกาแฟเข้าไปอีกใหญ่ เธอทำท่าราวกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่อยู่เหนือกว่าและสายตา ของเธอก็แสดงออกถึงความเห็นใจโดยไม่ปิดบัง
หลินเชื่อไม่ใส่ใจที่จะแสดงท่าทีเสแสร้งกลับไปบ้าง หญิง สาวจึงเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มตอบ “นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นแหละ ค่ะ ฉันยังห่างไกลจากความสำเร็จอยู่มาก แต่ถึงยังไงฉันก็อายุ ยังน้อย หนทางยังอีกยาวไกลนักค่ะ
โม่ฮุ่ยหลิงเติบโตขึ้นมาพร้อมกับจิ้งเจ๋อตั้งแต่ยังเด็ก อายุของเธอเองก็ใกล้เคียงกันกับเขา เพราะฉะนั้นเธอจึงอายุ มากกว่าหลินเชื่ออย่างช่วยไม่ได้
ไม่ว่าเธอจะดูแลตัวเองอย่างดีขนาดไหน แต่ความแตก ต่างของวัยระหว่างเธอและหลินเชื่อก็ยังคงมองเห็นได้ชัดอยู่ นั่นเอง
เมื่อโม่ฮุ่ยหลิงได้ยินหลินเชื่อพูดแบบนั้น สีหน้าของเธอก็ เปลี่ยนไปในทันที
แต่เพราะมีจิ้งเจ๋อนั่งอยู่ด้วย จึงเป็นการยากที่จะโต้ตอบ อะไรกลับไป เธอทำได้เพียงเก็บความโกรธเอาไว้ในใจและส่ง ยิ้มให้หลินเชื่อพลางพูดว่า “อย่างนั้นเหรอจ๊ะ งั้นฉันก็ขอแสดง ความยินดีกับความสำเร็จของเธอล่วงหน้าเลยก็แล้วกันนะ แต่ ฉันไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะรู้จักกู้จิ้งอวี่ด้วย ดูเหมือนว่าความ สัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็ท่าทางจะเป็นไปด้วยดีสินะ
หลินเชื่อตอบด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ “ใช่ค่ะกัน”
เราเป็นเพื่อน
“จิ้งอวี่เป็นคนดี” โม่ฮุ่ยหลิงพูดอย่างมีเจตนา “เขาเป็นคน น่ารักกับทุกคนแล้วก็รู้วิธีที่จะดูแลคนอื่น ดูเหมือนว่าพวกเธอสองคนจะเข้าคู่กันได้ดีทีเดียวบนจอนะจ๊ะ
มาถึงจุดนี้ จิ้งเจ๋อก็ผุดลุกขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี นักว่า “พอเถอะ ฮียหลิง ได้เวลาที่เราต้องกลับบ้านกันแล้ว
อารมณ์ของโม่ฮุ่ยหลิงกลับตาลปัตรในทันที เธอยืนขึ้น น้ำเสียงที่ใช้ถามจิ้งเจ๋อเองก็เปลี่ยนไปด้วยความหัวเสีย “เกิด อะไรขึ้นเหรอคะจิ้งเจ๋อ
ในจังหวะนั้นเอง โทรศัพท์ของจิ้งเจ๋อก็ดังขึ้น
เขาเหลือบมองโม่ฮุ่ยหลิงอย่างมีความหมาย มันเป็น หมายเลขของจิ้งหมิงนั่นเอง สงสัยว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ชายหนุ่มจึงขอตัวออกไปรับสาย
หลังจากที่ไม่ฮุ่ยหลิงเห็นจิ้งเพื่อเดินออกไป เธอก็หันกลับ มาหาหลินเชื่อและพูดว่า “หลินเซ่อ นี่เธอกำลังพยายามทำ อะไรกันแน่นะ
หลินเชื่อยิ้มเยาะ เธอมองดูท่าทีที่เปลี่ยนไปทันตาของ หญิงสาวตรงหน้าหลังจากที่ลิ้งเพื่อไม่อยู่ด้วยความสมเพช ทักษะการแสดงไม่เลวเลยนี่นา
หลินเชื่อตอบ “ฉันทำอะไรเหรอคะ”
โม่ฮุ่ยหลิงพ่นลมออกทางจมูก “เธอให้เขาถือของให้เธอ กระทั่งให้เดินเป็นเพื่อนเธอตามถนนค่ำๆ มืดๆ แบบนี้ เธอไม่รู้ หรือไงว่าการทำแบบนี้ทำให้เขาเสี่ยงอันตรายแค่ไหนน่ะ
“อันตรายเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ! เธอคิดว่าจิ้งเจ๋อเขาเป็นเหมือนเธอนั้นเรอะ ดารากระจอกงอกง่อยที่ไม่มีอะไรเลยสักอย่างนะ ชีวิตเขามีค่า มากกว่าเธอเป็นร้อยเท่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาละก็ เธอรู้หรือ เปล่าว่าสิ่งที่จะตามมาคืออะไร ฉันคิดอยู่แล้วเชียวว่าการอยู่กับ คนระดับเธอ ไม่ช้าเขาจะต้องพบกับหายนะอย่างแน่นอน หลิน เชื่อ ถ้าเธออยากตายแล้วก็ตายไปคนเดียว อย่าดึงจิ้งเพื่อให้ พลอยเดือดร้อนไปกับเธอด้วยเลย!
หลินเธอยิ้มเยาะเมื่อเธอมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ตรงข้าม “คุณหนูโม่คะ ในสายตาคุณน่ะ จิ้งเพื่อเป็นแค่สิ่งเปราะบาง เวลายามต้องเจอกับอันตรายและไม่สามารถไปไหนได้เลย อย่างนั้นเหรอคะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ