ตอนที่ 61 เราจะกลับบ้านกัน
หลินเชื่อจำไม่ได้ว่าเธอเล่าไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่าเธอไม่รู้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอพร่ำพูดซ้ำๆ ซากๆ ว่าคนขายยาพวกนั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย
หญิงสาวถามขึ้น “ฉันโทรหาผู้จัดการของฉันได้ไหมคะ นายตำรวจพ่นลมพรืดอย่างเยาะหยัน “ไม่ได้
“งั้นฉันขอโทรหาครอบครัวของฉันได้ไหม
“นั่นก็ไม่ได้เหมือนกัน ฉันจะให้เธอโทรก็ต่อเมื่อเธอยอม สารภาพเท่านั้น”
หลินเชื่อถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณมีสิทธิ์อะไร
มาทำแบบนี้”
นายตำรวจตอบว่า “นี่เป็นคดีพิเศษ เธอหาเรื่องใส่ตัวเอง นะ ทั้งที่เป็นดาราแบบนี้”
ที่ด้านนอก นายตำรวจอีกสองสามคนกำลังเฝ้าดู สถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องสอบสวน
“คนนี้น่าจะเพิ่งมาดังละมั้ง ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน
เลย”
“ใช่ หล่อนเป็นแค่ดาราเล็กๆ ไม่ได้มีนายทุนหนุนหลังหรือมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงอะไร ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มา ก่อเรื่องแย่ๆ แบบนี้หรอก
“ถ้าเธอทําจริงก็สมควรรับโทษ ว่าแต่ทำไมเธอถึงมา เกี่ยวข้องกับพวกค้ายาได้ละเนี่ย ต่อให้ไม่ได้มีพื้นเพมาจาก ตระกูลดีๆ ก็เถอะ ยังไงก็ไม่น่าจะหาเรื่องที่ตัวเองตกต่ำแบบนี้ นี่นา”
“หล่อนคงหาทางแล้วแต่ยังไงก็ไม่ดังเสียทีละมั้ง
“แต่หล่อนสวยมากเลยนะ อื้อ ว่าแต่จับหล่อนขังไว้แบบนี้ จะดีเหรอ
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แค่ดาราหางแถวอย่างหล่อนจะมี น้ำยาอะไร ต่อให้ตอนอยู่ข้างนอกนั่นจะทำอะไรตามอำเภอใจ ได้ แต่ถ้ามาอยู่ที่นี่แล้วก็เป็นแค่อาชญากรเท่านั้น ยังไงหล่อนก็ ต้องเชื่อฟังเรา”
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็น ท่าว่าไม่อาจเค้นข้อมูลอะไรจากเธอได้แน่ เขาจึงอนุญาตให้เธอ โทรศัพท์ได้
หลินเชื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาอวีหมินหมิ่นเป็น คนแรก แต่ก็ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะยังคงไม่รับสาย
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น หลินเชื่อจึงไล่ดูรายชื่อในโทรศัพท์ ของตัวเอง เมื่อเห็นหมายเลขของจิ้งเจ๋อ เธอก็หยุดคิดอยู่ครู่ หนึ่งก่อนจะตัดสินใจโทรหาเขา
(ติด ติ๊ด ติ๊ด หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ใน ขณะนี้ แม้แต่เขาก็ยังปิดเครื่องด้วยงั้นเหรอ
หญิงสาวหมดปัญญา นายตำรวจกที่มายืนเร่งอยู่ด้านหลัง ยังหมดความอดทน “เอ้า รีบโทรเร็วเข้าสิ จะโทรหรือไม่โทร ถ้าไม่มีใครรับสายก็กลับเข้าไปได้แล้ว
หลินเชื่อไม่มีทางเลือกอื่น เธอจึงไล่ดูรายชื่ออีกครั้งก่อน จะตัดสินใจที่จะไม่โทรหาใคร “ช่างมันเถอะ ไม่มีใครที่ฉัน อยากจะโทรหาอีกแล้วละ
ต่อให้จะต้องตาย เธอก็ไม่มีทางติดต่อตระกูลหลินเป็นอัน ขาด นอกจากคนพวกนี้แล้ว เธอก็ไม่มีใครอื่นให้โทรหาอีก
กลับเข้าไปข้างในห้อง หลินเชื่อนั่งลงด้วยความรู้สึกสิ้น หวังเล็กๆ เธอเริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เธอไม่ได้นอนมาทั้งคืน แล้ว และตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวและทรงตัวไม่ค่อยอยู่ อากาศในห้องนั้นค่อนข้างชื้นและทำให้เธอเริ่มรู้สึกหนาว หญิง สาวอดไม่ได้ที่จะเอนกายพิงผนังห้องเพื่อจะพักสักหน่อย แต่ดู เหมือนว่าทั้งเก้าอี้และผนังต่างก็เย็นจัดราวกับน้ำแข็งไม่ปาน
อีกด้านหนึ่ง
ฉินเฮ่ายืนอยู่ข้างจิ้งเจ๋อ “ท่านครับ อีกประเดี๋ยวเครื่อง บินกำลังจะลงจอด ตอนนี้เราอยู่ในประเทศ แล้วครับ อีกสัก ครูจะมีทีมมาคอยต้อนรับเรา ตอนนี้ถึงเวลาที่ท่านต้องเปลี่ยน เสื้อผ้าแล้วครับ”
จิ้งเจอพยักหน้าก่อนที่จะตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อ เปลี่ยนเครื่องแต่งกายของตัวเอง เขาบินมาเป็นเวลาห้าชั่วโมง และคร่ำเคร่งทำงานแทบจะตลอดช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องปฏิบัติภารกิจ ชายหนุ่มก็สามารถกลับ มากระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาได้ทันทีราวกับว่าได้หลับพักผ่อนมา ตลอดทาง
เครื่องบินลงจอดด้วยความรวดเร็ว จิ้งเพื่อเปิดโทรศัพท์ แล้วก็ได้รับสายเรียกเข้าจากโม่ฮุ่ยหลิงแทบจะในทันที
(จิ้งเจือคะ ฮิๆ ฉันมีเซอไพรส์ให้คุณด้วยละค่ะ
“อะไรนะ” จิ้งเจ๋อ ถามด้วยน้ำเสียงงุนงง
(ฉันอยู่ที่ประเทศ N ค่ะ
กู้จิ้งเจ๋ออึ้งไปชั่วขณะ เขาคาดไม่ถึงจริงๆ
ชายหนุ่มถอนใจแล้วพูดกับเธอเพียงว่า “เอาล่ะ รอฉันอยู่ ข้างนอกนั่นนะ ทีมต้อนรับของประเทศ N กำลังรอรับฉันอยู่ที่นี่ ฉันคงจะยุ่งอยู่อีกสักพัก แล้วเดี๋ยวฉันจะออกไปตามหาเธอเอง
ก็ได้ค่ะ ไม่ยุ่ยหลิงทำปากยื่น น้ำเสียงสลดลง เห็นได้ชัด ว่าหล่อนไม่ค่อยจะชอบใจนัก
จิ้งเจ๋อวางโทรศัพท์ลง เขาเห็นการแจ้งเตือนปรากฏอยู่ บนหน้าจอซึ่งบ่งบอกว่ามีสายที่ไม่ได้รับโทรเข้ามาจากเมื่อคืน ก่อน
สายนั้นเป็นสายจากหลินเชื่อ
เขารีบโทรกลับหาเธอในทันทีด้วยความประหลาดใจ
ฉินเฮ่ายืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางกังวลใจเล็กหน่อย เขามอ งออกไปด้านนอกพลางบอกกับจิ้งเจ๋อว่า “ท่านครับ….
กู้จิ้งเจ๋อยกมือเป็นเชิงห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูด
โทรศัพท์ต่อสายติดได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทว่าผู้ที่รับ สายปลายทางกลับไม่ใช่หลินเชื่อ แต่กลับเป็นเสียงของชายที่ ไม่คุ้นหู
(นั่นใครนะ นี่สถานีตำรวจนะ เสียงบุคคลที่ปลายสาย ตอบกลับมาอย่างหัวเสีย
“หลินเชื่ออยู่ไหน” ชายหนุ่มถาม คิ้วขมวดเข้าหากัน [หลินเชื่อน่ะเรอะ หล่อนถูกขังอยู่ นายเป็นอะไรกับเธอ ถูกขัง ดวงตาของจิ้งเพื่อเป็นประกายวูบขึ้นมาทันควัน
เขาวางสายโทรศัพท์ก่อนจะจัดการออกคำสั่งกับฉินเฮ่า เดี๋ยวนั้นว่า “ยกเลิกตารางงานทั้งหมด ติดต่อกับบริษัทสาย การบินแล้วบอกพวกเขาว่าเราจะบินกลับเดี๋ยวนี้
ฉินเฮ่าถึงกับผงะ แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย แล้วเขาก็ทำได้เพียงแค่กลืนถ้อยคำทั้งหลายที่ตั้งใจจะคัดค้าน ลงคอไป
“หลินเชื่อ มีคนมาประกันตัวเธอ” หญิงสาวไม่คาดคิดเลย ว่าจะได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนบอกมาจากนอกห้องขังเช่นนั้น
เธอไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปในแง่ดีแบบนี้ แต่เมื่อก้าวออกจากห้องขัง เธอก็ได้เห็นบุคคลผู้นั้นขึ้นอยู่ที่ ประตูทางเข้า ฉันซึ่งนั่นเอง
“ฉันชิง ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้ละคะ
เมื่อฉันซึ่งมองเห็นใบหน้ามีเลือดของอีกฝ่าย หัวใจเขาก็ เจ็บแปลบ
สภาพของเธอดูแย่เหลือเกิน ทั้งซูบซีดและอิดโรย ริม ฝีปากซีดขาวราวกับหิมะ
“ทางตำรวจโทรไปที่บ้านตระกูลหลินแล้วบอกว่าเธอถูกขัง อยู่ที่นี่ ฉันเป็นห่วงเธอก็เลยรีบมาดู” ฉันชิงตรงเข้ามาช่วย ประคอง เมื่อเห็นสภาพร่างกายที่ปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงของ หญิงสาว เขาจึงยกแขนเธอพาดไว้บนไหล่เพื่อช่วยพยุงเธอ ขณะเดินออกไป
“ขอบคุณนะคะฉินชิง” หลินเซ่อคิดว่าทางตำรวจคงไม่เห็น ทางอื่นเลยตัดสินใจ โทรศัพท์ไปตามนามสกุลของเธอ บ้าน ตระกูลหลิน และด้วยความที่คนในบ้านไม่ต้องการจะมาของ แวะใดๆ กับเธอทั้งสิ้น จึงกลายเป็นฉันชิงที่มาที่นี่แทน
ฉันชิงบอกว่า “ไปกันเถอะ เธอดูไม่สบายมากเลยนะ ฉัน จะพาเธอกลับบ้านก่อน เธออยู่ที่ไหนล่ะ
หลินเชื่อไม่อาจบอกได้ว่าเธออาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลยิ่งกว่านั้นด้วยสภาพของเธอตอนนี้ เธอก็ไม่อยากกลับไปที่นั่น ด้วยเช่นกัน หญิงสาวส่ายหน้าและบอกว่า “แต่พาฉันไปส่งที่ โรงแรมก็พอค่ะ
ฉันชิงบอก “งั้นไปที่บ้านฉันแทนก็แล้วกัน ที่โรงแรมคง วุ่นวายเกินไป ตอนนี้มีนักข่าวรออยู่ข้างนอกเต็มไปหมด
หลินเชื่อหันมามองชายหนุ่ม เธอรู้จักฉันชิงมาตั้งแต่เด็ก เคยไปบ้านเขาก็หลายครั้ง ด้วยเหตุนี้เธอจึงเลิกคิดออกและ พยักหน้าแต่โดยดี หลินเชื่อตั้งใจที่จะไม่สนใจคำพูดของเขาที่ บอกว่ามีนักข่าวรออยู่เต็มไปหมด เธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะ ต่อกรกับคนพวกนั้นในตอนนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ ทั้งหลินลี่และหัน ไฉ่อิงก็รีบพุ่งตรงเข้ามาจากทิศตรงกันข้าม
“หลินเชื่อ นั่นเธอทำอะไรของเธอน่ะ!” เมื่อหลินลี่ได้เห็น ฉาก โอบประคองกันอย่างแนบชิดระหว่างหลินเชื่อและฉันชิง ใบหน้าของเธอก็แทบจะเปลี่ยนสีด้วยความหึงหวง
หันไม่อิงเองก็มองดูหลินเชื่อด้วยสายตาชิงชังไม่แพ้กัน แน่ละว่านั่งเด็กแพศยานี้ยังคงไม่ตัดใจจากฉินชิงจนถึงตอนนี้ แถมนี่หล่อนยังกล้าโทรเรียกเขาออกมา รนหาที่ตายจริงๆ นะ นังคนนี้
หลินลี่สาวเท้าเข้ามาและผลักหลินเชื่ออย่างแรง หลินเชื่อที่ผ่านความสะบักสะบอมมาตลอดทั้งคืนจนร่างกายอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด เมื่อถูกหลินลี่ผลักเข้า เธอ จึงล้มลงไปกองกับพื้นในทันที
ฉันชิงหันไปตวาดใส่หลินลี่เสียงดังด้วยความตกใจ “นี่
เธอทำอะไรน่ะ
เขารีบก้มลงไปฉุดร่างหลินเชื่อขึ้นมา “หลินเชื่อ เป็นยังไง บ้าง
หญิงสาวส่ายหน้า เธอเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเยาะขณะมองไป ที่หลินลี่
เมื่อเห็นฉันซึ่งมีท่าทีห่วงใยหลินเชื่ออย่างเห็นได้ชัด หลิน จึงหน้าน้องสาวต่างมารดาด้วยความโกรธที่ยิ่งทวีเพิ่มมาก ขึ้นไปอีก
“หลินเชื่อ นี่เธอพยายามจะทำอะไรกันแน่นะ ก็ไหนว่าเธอ มีเจ้าพ่อหนุ่มเป็นคนอุปถัมภ์อยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วเกิดอะไรขึ้น ล่ะ โดนเขาเขี่ยทิ้งมาหรือไงถึงได้แล่นกลับมาหาฉันชิงแบบนี้ เธอนี่มันน่ารังเกียจแล้วก็ไร้ยางอายสิ้นดี
“หลินลี่ พอทีเถอะ นี่เธอพูดอะไรไร้สาระอย่างนี้นะ” น้ำ เสียงเข้มข้นของฉันชิงดังขึ้นขัดคอหลินลี่ที่กำลังพล่ามไม่หยุด
หลินหันไปมองชายหนุ่มอย่างโกรธจัด “ฉันชิงคะ นี่คุณ ปกป้องแม่งั้นเหรอ คุณเป็นคู่หมั้นฉันนะคะ แล้วทำไมคุณถึง ได้มาออกรับแทนหล่อนแบบนี้ล่ะ! ฉันไม่ได้อยู่ดีๆ ก็เป็นแบบนี้ หรอกนะคะ เพราะว่าฉันโกรธคุณจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วเพราะแบบนี้ไงล่ะฉันถึงได้พูดจาไร้สาระไม่หยุดแบบนี้น่ะ!”
ทางด้านหลังของเธอ หันไม่อิงรีบเข้ามาฉุดมือลูกสาวออก ไป หล่อนกำลังวิตกว่าหลินลี่จะโกรธจัดจนไม่สามารถควบคุม ตัวเองได้และจะเผลอทำให้ฉันซึ่งไม่พอใจเข้า
หล่อนหันไปตวัดสายตาใส่หลินเชื่ออย่างมาดร้ายแล้วพูด ว่า “หลินเซ่อ เธอนั่นแหละเป็นคนผิด เธออยากจะทำอะไรก็ทํา ไป แต่มายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแบบนี้นี่นะ คราวนี้เธอทำเป็น ไปจริงๆ ทุกคนเขาเข้าใจนะเรื่องที่เธออยากดังจนตัวสั่นน่ะ แต่ เธอยอมทำเรื่อง โสมมขนาดนี้เพื่อให้ตัวเองโด่งดังได้ลงคอเลย หรือ สิ่งที่เธอทำเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เธอไม่ควรจะใฝ่ต่ำถึง ขนาดนี้เลยนะ และถึงยังไงเธอก็ยังเป็นคนของตระกูลหลิน เธอ ทำมาเสียอย่างนี้ ตระกูลหลินของเราก็จะต้องพลอยอับอาย ขายหน้าไปด้วย เธอนี่มันไร้หัวคิดสิ้นดี
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ