แฟลช แต่งงาน ภรรยา

ตอนที่ 30 ฉันชินกับท่านอนน่าเกลียด ของเธอแล้วละ



ตอนที่ 30 ฉันชินกับท่านอนน่าเกลียด ของเธอแล้วละ

หัวใจของกู้จิ้งเจ๋อเต้นโครมครามเมื่อเขามองดูริมฝีปากของ เธอ รูปทรงของมันไร้ที่ติ ทั้งอ่อนนุ่มและสดเหมือนผลไม้ที่ สุกแดง ยังแฝงไว้ด้วยความเย้ายวน

เขาขยับศีรษะ ค่อยๆ เคลื่อนตัวใกล้เข้าไป

แต่ขยับได้เพียงนิ้วเดียวเท่านั้น ดวงตากลมโตก็ลืมขึ้น

หน้าตาเฉย

ช่วงจังหวะนั้นเอง หลินเชื่อรู้สึกได้ว่าพื้นที่ว่างตรงหน้าของ เธอดูพร่ามัวอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวจึงยกมือขึ้นขยี้ตาด้วย ความงุนงง

ใบหน้าเรียบเฉยของจิ้งเจ๋ออยู่ตรงนั้น และเขากำลังมอง เธอด้วยนัยน์ตาวาววับทีเดียว

ฤทธิ์ยาคงทำให้เธอฟันเฟือนไปแล้วละมัง

“คุณ” เธอมองดูริมฝีปากที่แสนจะมีชีวิตชีวาน่าจูบของ เขาที่อยู่ต่อหน้า รู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นไม่เป็น

“นอนดีๆ หน่อยสิ” เขากระแอมออกมาแล้วยกมือขึ้นปิด ตาเธอซะ
ในไม่ช้า เสียงลมหายใจของเธอก็ดังสม่ำเสมออีกครั้ง

ส่วนจิ้งเจ๋อนั้น หันหน้าหนีไปอีกทาง และไม่ยอมเหลือบ แลดูผู้หญิงที่นอนข้างๆ ตัวอีกเลย เมื่อเขาหลับตาลงอีกครั้ง เขายังคงรู้สึกได้ถึงท่อนแขน

ของเธอที่ยังคงจู่โจมเขาไม่หยุด

จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว แต่เขาก็เริ่มที่จะชินกับการถูกหวดซ้าย ฝ่ายขวาเป็นระยะๆ เช่นนี้แล้ว และในที่สุดเขาก็หลับไป

ในวันที่สอง จิ้งเพื่อลุกหายไปก่อนที่หลินเซ่อจะตื่นนานที

เดียว

จนเมื่อเธอล้างหน้าล้างตาทำความสะอาดเนื้อตัวเสร็จแล้ว นั่นแหละ กู้จิ้งเจ๋อจึงกลับมาถึงพร้อมอาหารเช้า

ขาของหลินเชื่อไม่มีอาการเจ็บอีกแล้ว ทำให้เธอพลอย อารมณ์ดีตามไปด้วย เธอมองจิ้งเจ๋อแล้วบอกว่า “เหมือนที่ฉัน บอกไงละคะ ว่านอนด้วยกันสองคนแบบเมื่อคืนได้สบายมาก ดูสิว่าวันนี้คุณดูสดชื่นแค่ไหน

จิ้งเจ๋อเพียงแต่มองเงียบๆ โดยไม่ตอบอะไร เขาไม่เล่า หรอกว่าเมื่อคืนหลินเชื่อแทบจะกางแขนทับเขาเอาไว้ทั้งตัว ตอนที่ตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ แถมยังน้ำลายยืดใส่คอเขาอีกต่างหากแค่คิดก็รู้สึกคันคอยุ่บยั่บไปหมดแล้วไม่ช้า หมอก็เข้ามาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ เขาพิจารณาดูรอยแผลของเธอ มันดูดีขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้นรอยแผลเป็น ยังเด่นชัด และกู้จิ้งเจ๋อก็ยังมีสีหน้าไม่สบอารมณ์

“หมอ แล้วนี่ภรรยาผมจะหายสนิทดีเมื่อไหร่

เมื่อหมอได้ยินเสียงถามต่ำๆ ของจิ้งเจ๋อ เขาก็รีบตอบ โดยเร็วว่า “นี่จะต้องใช้

แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบ เสียงโทรศัพท์ของจิ้งเจ๋อก็ดังขึ้น จิ้งเจ๋อเหลือบดู เป็นโม่ฮุ่ยหลิงนั่นเอง

ด้วยยังคงรอคำตอบจากผู้เป็นหมออยู่ เขาจึงกดตัดสาย

ทิ้งไป

หมอรู้สึกได้ถึงสถานการณ์อันเคร่งเครียดจึงพูดต่อไปว่า “เรื่องนี้ “

และในจังหวะนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีกรอบ

กู้จิ้งเจ๋อมองดูโทรศัพท์อย่างเริ่มที่จะหมดความอดทน ชื่อ ของโม่ฮุ่ยหลิงยังปรากฏขึ้นบนหน้าจอไม่หยุด หลินเชื่อเงย หน้าขึ้นแล้วบอกกับเขาว่า “จิ้งเจ๋อคะ รับสายก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันก็ได้

สีหน้าของเขาเคร่งเครียด เขาเหลือบดูเธอก่อนที่จะหมุน ตัวเดินถือโทรศัพท์ออกจากห้องไปอย่างไม่เต็มใจนัก

เมื่อยกโทรศัพท์ขึ้น ความหงุดหงิดของเขาแฝงอยู่ในน้ำ เสียงขณะตอบกลับ “ฮุ่ยหลิง มีอะไรเหรอ
โม่ฮุ่ยหลิงทำปากยื่นใส่โทรศัพท์เมื่อตอบว่า เมื่อตัด สายทําไมคะ

จิ้งเจ๋อยังคงพะวงถึงคำตอบของหมอเมื่อตอบกลับไปว่า “ตอนนี้ฉันยังอยู่นะ มีอะไรเหรอ โม่ฮุ่ยหลิงว่า คุณไม่มาฉลองวันเกิดกับฉันแถมยังไม่มา

หาหลังจากนั้นอีก นี่คุณไม่แคร์ฉันแล้วเหรอคะ จิ้งเจ๋อ เกิด

อะไรขึ้นกับคุณน่ะ

กู้จิ้งเจ๋อจำวันเกิดของเธอได้ เพราะมันเป็นวันที่เกิด อุบัติเหตุ แต่เขาก็ไม่ได้ไปหาเธอหลังจากนั้นด้วยเพราะมัวแต่ คอยดูแลอาการบาดเจ็บของหลินเชื่ออยู่

“ช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่งน่ะ” เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้ กลายเป็นข่าว ปู้จิ้งเจ๋อเองก็ไม่เล่าให้โม่ฮุ่ยหลิงฟังเช่นกัน

(ตอนนี้ฉันป่วยอยู่นะคะ คุณยังจะไม่มาเยี่ยมฉันอีกเหรอ โม่ฮุ่ยหลิงคร่ำครวญ

“เธอป่วยเหรอ” เขาถาม

โม่ฮุ่ยหลิงสะอึกสะอื้นแล้วพูดต่อไปว่า ฉันอยากให้คุณ มาอยู่เป็นเพื่อนน่ะค่ะ ฉันไม่สนหรอกนะว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน จึง เจ๋อ ถ้าคุณไม่มาละก็ฉันคงไม่มีทางหายดีได้แน่ ตอนนี้ฉันรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังใกล้ตายแล้ว]

ร้ายแรงขนาดนั้นเชียวเหรอที่ว่าหล่อนกำลังใกล้จะตายน่ะ
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อกลับมาที่ห้องพัก เขาจึงบอกกับหลินเชื่อว่า “มี บางอย่างเกิดขึ้นกับฮุ่ยหลิง ฉันต้องแวะไปดูหน่อย

หลินเซ่อขยับตัว เธอมองเขาพลางพยักหน้าให้ “อ้อ ไป เถอะค่ะ มีคนคอยดูแลฉันอยู่ตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่เป็นไรหรอก

จิ้งเจ๋อพยักหน้า มองดูเธอด้วยสายตาเปี่ยมความหมาย ก่อนจะเดินเข้าไปหา เขาเอื้อมมือไปห่มผ้าให้เธอ ขยับขาข้างที่ เป็นแผลให้โผล่พ้นผ้าห่มจนเรียบร้อยเป็นอันดี

“เดี๋ยวฉันจะตามคนมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เวลาเธอหลับ เธอชอบนอนดิ้น จะได้แน่ใจว่าไม่โดนแผลไงล่ะ” เขาบอก

หลินเชอร้องถามด้วยความประหลาดใจ “ฉันนอนดิ้นด้วย เหรอคะ”

ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนผุดขึ้นในหัว เขาพ่นลมพรืดใส่ เธอแล้วตอบว่า “คงต้องรอให้ตายก่อนนั่นแหละ ถึงจะหยุดดิ้น ได้ เอาเถอะ ยังไงก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน อย่าพลิกไปพลิกมา ให้มากนัก ถ้าแผลเปิดเลือดออกอีก ขาเธอจะเดินไม่ได้กัน พอดี”

“โอเคค่ะ หยุดจิกกัดฉันซะที ไปหาคุณหนูโม่เถอะค่ะ เธอ มีเรื่องด่วนไม่ใช่เหรอคะ”

กู้จิ้งเจ๋อครุ่นคิดอยู่เป็นครู ก่อนจะตกลงทำตามที่หลินเช่ อบอก เขาพยักหน้าให้เธอแล้วออกจากห้องไป
เขามาถึงบ้านของโม่ฮุ่ยหลิงในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา

ห้องของโม่ฮุ่ยหลิงนั้นดูราวกับห้องของเจ้าหญิง เธอสอด

ตัวนอนอยู่ใต้ผ้าห่มพลางคอยเงี่ยหูฟังเสียงจากข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา เธอก็รีบหันไปสำรวจดู

เสื้อผ้าของตัวเอง

จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว และได้เห็น ไม่ยุ่ย หลิงกำลังนอนอยู่บนเตียง ร่างกายท่อนบนโผล่พ้นผ้าห่มออก มา แม้เธอจะบอกว่าป่วยแต่ก็ยังคงตกแต่งใบหน้าด้วยเครื่อง สําอางอย่างประณีตทั้งที่นอนอยู่บนเตียง ใต้ผ้าห่มคือชุดนอน ไหมที่ปกปิดร่างกายได้น้อยนิดเต็มที่ เธอหันมามองเขาด้วย สายตาอ่อนหวาน นุ่มนวลเหมือนผ้าไหม ซึ่งยิ่งทำให้เธอดูน่า ดึงดูดใจอย่างยิ่ง

จิ้งเจ๋อไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงได้แต่มองดูอีกฝ่าย ที่นอนอยู่บนเตียงจนโม่ฮุ่ยหลิงเอ่ยขึ้นว่า “จิ้งเจ๋อคะ ถ้าคุณมา ช้ากว่านี้ละก็ คุณคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

กู้จิ้งเจ๋อรีบสาวเท้าเข้าไปหา “เธอล้มป่วยได้ยังไงกันฮุย หลิง ทั้งที่เธอก็ดูปกติดีออกอย่างนี้

ด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังจะมาหา เธอจึงสั่งให้คนจัดการ ทำความสะอาดห้องเอาไว้เป็นอย่างดี ยังประพรมน้ำหอมที่ เลือกมาให้เขากับชุดนอนสุดเซ็กซี่โดยเฉพาะ เนื้อตัวที่เพิ่งอาบ น้ำชำระร่างกายมาหมาดๆ นั้นนุ่มนิ่มและสะอาดเอี่ยม เธอมอง หน้าเขาแล้วพูดด้วยความขุ่นข้องว่า “ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันรู้แต่ว่ามันเริ่มตั้งแต่วันที่คุณไม่ยอมมาหานั่นแหละ ฉันร้องไห้ทั้งคืน เลย แล้วหลังจากนั้นก็กินอะไรไม่ลง ฉันตามหมอมาดูหลายต่อ หลายคน แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าฉันป่วยเป็นอะไร ฉันคิดว่าฉันคง ใกล้ตายแล้วละค่ะ

เธอจะใกล้ตายได้ยังไงกัน หลินเซ่อต่างหากที่เฉียดตาย

กู้จิ้งเจ๋ออดคิดถึงหลินเชื่อไม่ได้เมื่อเขามองดูโม่ฮุ่ยหลิงที่ อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มนึกโกรธขึ้นมาหน่อยๆ “ฮุ่ยหลิง ที่ฉันไม่ ได้ไปงานเลี้ยงวันเกิดเธอก็เพราะมีเหตุกะทันหันบางอย่างเกิด ขึ้นพอดี ฉันจะทิ้งไปก็ไม่ได้ อีกอย่างมันยังเป็นเรื่องความเป็น ความตายด้วย ฉันไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น โดยเฉพาะเรื่อง ที่อยู่ๆ เธอก็โทรไปตามฉันให้มาหาแบบนี้ ที่จริงฉันไม่ควรมา ด้วยซ้ำ แต่เพราะเธอบอกฉันว่าเธอป่วย

เธอจะป่วยได้ยังไงกัน

โม่ฮุ่ยหลิงเหลือบมอง ซึ่งเธอก็ได้เห็นว่าจิ้งเจ๋อนั้นกำลัง โกรธจริงๆ เสียด้วย

เธอไม่คิดว่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับหลินเชื่อ เธอกลอกตา ไปมาเมื่อพยายามคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อกำลังจัดการกับเรื่องจริงจัง อะไรบางอย่างกันแน่ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาโกรธด้วย

หญิงสาวปล่อยโฮออกมาทันที น้ำตาไหลพรั่งพรูลงอาบ หน้า เธอรีบละล่ำละลักบอกเขาว่า “จิ้งเจ๋อ ฉันไม่รู้นี่คะว่าเกิด อะไรขึ้นกับคุณ ฉันเป็นห่วงคุณนี่นา ฉันรักคุณมากเกินไป เพราะแบบนี้ฉันถึงได้โกรธ คุณก็บอกฉันได้นี่นาว่าคุณมีเรื่องอะไร นี่คุณรู้รึเปล่าคะว่าวันนั้นฉันร้องไห้ตลอดทั้งคืน ฉันโทร หาคุณไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็โทรไม่ติดเลย

เขามองโม่ฮุ่ยหลิงไห้อย่างโศกสลด ถ้อยคำของเธอ

กระทบหัวใจเขาจนอ่อนยวบ เขาลดเสียงลงและบอกกับเธอว่า “เอาละ ขอโทษนะ ฮียหลิง ฉันก็พูดแรงเกินไปเพราะฉันกำลัง ไม่สบายใจนะ เป็นฉันเองนั่นแหละที่รับมือกับปัญหาไม่เข้าท่า จนทำให้เธอต้องเป็นห่วง

โม่ฮุ่ยหลิงยังคงร้องไห้ไม่หยุด

จิ้งเจ๋อทำได้เพียงลูบหลังลูบไหล่เธอ “เอาน่า ฮียหลิง ฉัน ขอโทษจริงๆ”

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายขอโทษจากใจจริงแล้ว โม่ฮุ่ยหลิงก็คิด ในใจว่า เป็นไปตามที่คาด เขายังทนเห็นเธอร้องไห้ไม่ได้อยู่ นั่นเอง

เธอกัดริมฝีปากล่างแล้วพูดอย่างน่าสงสาร “ขอให้คุณรู้ไว้ แบบนั้นก็แล้วกันค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ