ตอนที่ 26 ท่านอนน่าเกลียดซะจริง
“จิ้งเจ๋อ ถ้าคุณรักโม่ฮุ่ยหลิงขนาดนั้น ทำไมไม่หนีตามกันไป ซะล่ะ ไม่มีเหตุผลเลยนะที่โมโหแล้วมาลงกับฉันแบบนี้นะ… คุณเป็นผู้ชายจริงหรือเปล่าเนี่ยถึงไม่กล้าที่จะแข็งข้อกับ ครอบครัวของตัวเอง แถมยังไม่กล้าบอกโม่ฮุ่ยหลิงอีกว่า สาเหตุที่คุณต้องแต่งงานกับฉันก็เพราะเธอนั่นแหละ คุณ…คุณ มันผู้ชายขี้ขลาดตาขาว” หลินเชื่อแหวใส่ไม่ยั้งด้วยความโมโห จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงประตูปิดลงดังคลิกและล็อกสนิท
กู้จิ้งเจ๋อไม่ส่งเสียงอะไรให้ได้ยินอีกเลย
หลินเชื่อนอนรออยู่เป็นนานสองนาน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มี ปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น หญิงสาวยกแขนกอดตัวเองแล้วนอนขด ตัวลงกับพื้นพลางนึกสงสัยว่าตัวเองทำเกินไปหรือเปล่าที่พูด กับเขาไปแบบนั้น
อันที่จริงแล้วก็เป็นเรื่องเข้าใจได้อยู่ที่เขาต้องโกรธ เพราะ มันเป็นความผิดพลาดที่เธอก่อขึ้น และมันทำให้ชีวิตของเขา ผิดแผนไปหมด แน่ล่ะว่าเขาต้องโกรธ
แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเธอเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้ดีไป กว่ากัน เธอเองแค่อยากจะสร้างข่าวลือแต่ว่าตัวเองกับดาราดัง แต่กลับกลายเป็นต้องลงเอยด้วยการมีอะไรกับผู้ชายเป็นครั้ง แรกแทนเสียนี่
ยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่
หลังจากปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปไกลเสียนาน ในที่ สุดหลินเชื่อก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยจากการทํางานมา ตลอดทั้งวัน
แม้จะได้ยินว่าเสียงอึกทึกครึกโครมภายนอกห้องสงบลง แล้ว แต่ก็จิ้งเจ๋อก็ยังคงนอนหนุนแขนตัวเอง ลืมตาโพลงอย่าง ไม่อาจข่มให้ตาหลับลงได้
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องออกไปด้วยต้องการที่จะเข้า ห้องน้ำ
แล้วเขาก็ได้เห็นหลินเชื่อนอนขดตัวกลมเป็นลูกบอลขวาง อยู่ที่หน้าประตูนั่นเอง ท่านอนนั้นดูไม่น่าสบายเอาเลย
เขาเดินเข้าไปก้มดูเธออย่างเงียบๆ ก่อนที่จะยื่นแขนออก
ไปอุ้มเธอขึ้นมา
เมื่ออยู่ในสองแขนของเขา ร่างของหลินเชื่อนั้นเบาหวิวที เดียว เขารู้สึกราวกับเธอเป็นวัตถุไร้น้ำหนัก ใบหน้าที่กำลัง หลับปุ๋ยทำให้แก้มของเธอดูกลมยขึ้นมา แตกต่างจากยาม ปกติที่คางแหลมนั้นเชิดกั้น ยามที่เขาก้มลงมองดู เธอเหมือน กับเด็กน้อยที่กำลังหลับฝันหวานมากกว่าจะเป็นหญิงสาวเต็ม ตัว แถมยังแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากแดงเรื่อเหมือนผลเชอร์ อยู่เป็นระยะอีกต่างหาก
เขาอุ้มเธอไปไว้ที่เตียง ยืนมองเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
เมื่อเขากลับออกมา เธอยังคงหลับลึกไม่รู้สึกตัว
เขายกผ้าห่มขึ้นแล้วสอดตัวเข้าไปข้างใต้ พลางนึกว่าเขา และเธอน่าจะพอทนอยู่ในสภาพนี้ไหวหรอกน่า ในเมื่อมันก็แค่ คืนเดียวเท่านั้น
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าในช่วงค่ำคืนนั้น หญิงสาวไม่ได้เก็บแขน
เก็บขาเอาไว้กับตัวในระหว่างที่เธอนอนหลับ
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อเริ่มที่รู้สึกง่วงหลังจากนอนตาค้างอยู่เป็นเวลา นาน อยู่ๆ ก็มีมือพุ่งมาฟาดผัวะเข้าที่ตัวของชายหนุ่ม
เขากัดฟันกรอดแล้วก้มลงมองมือเรียวเล็กที่วางแปะอยู่ นั้นก่อนปัดมันออกไปแล้วพลิกตัวไปอีกข้าง ด้วยไม่อยากมี เรื่อง
จากนั้นพอเริ่มเข้าสู่ช่วงสะลึมสะลือจวนเจียนจะได้หลับอีก รอบ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีขาของใครยกขึ้นมาพาดอยู่บนหน้าขา ของตัวเองอีกจนได้
ชายหนุ่มนอนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่แบบนั้น มีแค่พระเจ้า เท่านั้นที่รู้ว่าเขานอนตาค้างอยู่นานแค่ไหน ทว่าในที่สุดเขาก็ หลับไปด้วยความเหนื่อยล้าและชนชากับการโดนหวดซ้ายป้าย ขวาจากคนที่นอนข้างๆ ไปเอง
เมื่อหลินเชื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอก็ต้องแปลกใจที่พบ ว่าตัวเองมานอนอยู่บนเตียง
จำไม่ยักได้เลยแฮะ ว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง หรือว่าจิ้งเจ๋อเกิดสำนึกขึ้นมาเมื่อคืนแล้วออกไปอุ้มเธอ มานอนบนเตียงกันนะ
แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ในห้องนี้
หลินเซ่อรีบถลาตัวออกไปนอกห้องและพบว่าครอบครัว ของเขาทั้งหมดกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ในห้อง อาหาร
จิ้งเจ๋อนั่งกินข้าวเช้าทำหน้าไม่รู้ ไม่แม้แต่จะเหลือบ สายตามามองเธอ
มหว่านฉิงยิ้มกว้างแล้วร้องเรียก “มานั่งนี่สิจ๊ะ
หลินเชื่อแอบทำตาเขียวใส่เขา หมอนี่ตั้งใจที่จะทำให้ เธอขายหน้าใช่มั้ยล่ะเนี่ย เขาตื่นนอนแล้วไม่ยอมปลุกเธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนสุดท้ายที่มาถึงโต๊ะอาหารเช้า
หลินเชื่อนั่งลงแล้วพูดอายๆ ว่า “ขอโทษทีค่ะ ที่ตื่นสายไป หน่อย”
ทุกคนต่างพากันยิ้มให้ มู่หว่านจึงปลอบว่า “อย่ากังวลไป เลยจ้ะ เธอคงจะเหนื่อยมากเมื่อคืน จึงเจ๋อไม่อยากจะปลุก เพราะรักเธอมากนะ
ก็น่าสงสัยอยู่หรอกนะว่าเขาจะรักเธอมั้ย เธอหันไปมองจิ้งเพื่อที่ถือช้อนตักอาหารท่าทางเอี่ยมเฟี้ยมอยู่ ท่วงท่าการกินอาหารของเขาดูราวกับแมวหนุ่ม ฝรั่งเศส การเคลื่อนไหวทุกอย่างพิถีพิถัน เรียบร้อย ระมัดระวัง ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขาดูดีขึ้นไปอีก
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ยอมแม้แต่จะปรายตาดูเธอ
คำพูด กวมของหว่านจึงทำให้หลินเชื่อยิ่งขัดเขินหนัก
ที่เธอเหนื่อยหนักจากเมื่อคืนก่อนก็เพราะมัวแต่ทะเลาะกับ จิ้งเจ๋อไปตั้งครึ่งค่อนคืนนั่นแหละ แถมสุดท้ายไม่เพียงแต่เธอ จะแพ้เท่านั้น แต่เธอยังลงเอยด้วยการทั้งเหนื่อยกายแล้วก็ เหนื่อยใจอีกต่างหาก
มานึกได้เช่นนี้ หลินเชื่อก็อดไม่ได้ที่จะหันไปทำตาเขียวใส่ คนต้นเรื่องอีกรอบ
คราวนี้กู้จิ้งเจ๋อทันสังเกตเห็นสายตาที่ส่งมา เขาจึงหันมา
หาเธอแล้วกลอกตาใส่
มู่หว่านฉิงสังเกตเห็นปฏิกิริยาเหล่านี้และอดยิ้มออกมา
ทันทีไม่ได้
ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะมีปฏิสัมพันธ์กันไม่น้อยเลยทีเดียว
ในตอนแรกที่เธอบังคับให้คนทั้งสองแต่งงานกัน ตัวเธอ เองก็อดกังวลไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะมีปัญหาเพราะ บุคลิกเย็นชาไม่สนใจใครของจิ้งเจ๋อ แต่มาตอนนี้ ดูเหมือน สองหนุ่มสาวจะเข้ากันได้ดีทีเดียว
กู้จิ้งเจ๋อนั้นเป็นลูกที่มีนิสัยแตกต่างจากพี่น้องอีกสองคนอย่างมาก เขาไม่ค่อยพูดและไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร อีกทั้งยัง เย่อหยิ่งและเจ้ากี้เจ้าการอีกด้วย เวลาที่เธอบังคับให้เขาพูดคุย กับผู้หญิง เธอก็จะได้เห็นแต่ความนิ่งเงียบไร้ปฏิกิริยาใดๆ จากเขา การได้เห็นเขากับหลินเชื่อส่งสายตาท่าทางให้กันแบบ นี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมากทีเดียว
หว่านฉิงหันมาพูดว่า “หลินเชื่อจ๊ะ เธอผอมเกินไปนะ กินเข้าไปอีกเยอะๆ เลยนะจ๊ะ
มู่หว่านฉิงพูดพลางตักอาหารใส่จานให้หลินเชื่อเป็นกอง พะเนิน
หลินเชื่อรีบห้ามทัพพัลวัน “ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง หนูตักเอง ได้ค่ะ คุณแม่”
“ไม่ได้ๆ ผอมออกอย่างนี้” หว่านฉิงพูดต่อไป “ตอนนี้
เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว เราจะต้องทำให้เธอ
มีเนื้อมีหนังมากกว่านี้
หลินเซ่อถามขึ้น “ผอมๆ แบบนี้ไม่สวยเหรอคะ
หว่านฉิงตอบ “มีเนื้อนิดๆ หน่อยๆ ก็สวยเหมือนกันจะ ทำไมเหรอจ๊ะ มีใครไม่ชอบเหรอ นี่จึงเลือกล้าเดินใส่ถ้าเธอ อ้วนงั้นหรือจ๊ะ”
จิ้งเจ๋อมองหน้าหญิงสาว
เธอผอมมากจริงๆ เมื่อยกแขนขึ้นมาวางบนโต๊ะ เผยให้ เห็นผิวขาวสะอาดไร้ไฟฟ้าราศีใดๆ ท่อนแขนนั้นผอมบางเสียจนแทบจะหักได้ถ้าถูกใครบิดเข้า
“ก็ไม่มีอะไรที่ผมจะไม่ชอบสักหน่อย
ชายหนุ่มตอบ
มหว่านจึงได้ที่ “เห็นมั้ยล่ะ ฉันบอกแล้วว่าไม่มีอะไรที่จิ้ง
เจ๋อไม่ชอบหรอก
หลินเซ่อมองดูเขา ก็แน่ละสิว่าจะต้องไม่มีอะไรให้ไม่ชอบ ยังไงซะเขากับเธอก็แต่งงานกันปลอมๆ นี่นา ตราบใดที่ไม่ใช่ โม่ฮุ่ยหลิงที่น้ำหนักขึ้นจนอ้วนตุ้บ เขาก็ไม่เดือดร้อนหรอก
หลินเซ่อรีบเบ้ปากแล้วพูดว่า “คุณแม่ขา อย่าไปฟังเขา เลยค่ะ ผู้ชายก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ต่อให้พูดปาวๆ ว่า อ้วนยังไงก็รัก แต่สุดท้ายพวกเขาก็ชอบผู้หญิงหุ่นดีอยู่ที่นั่น แหละค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หว่านฉิงก็ชะงักก่อนจะระเบิดหัวเราะ ออกมาเสียงดังลั่น
จากนั้นคนอื่นๆ ในโต๊ะก็พากันหัวเราะตาม หว่านจึงม องดูหลินเชื่อ เธอชอบแม่หนูคนนี้มากขึ้นทุกที คำพูดของเธอ ช่างตลกสิ้นดี นิสัยใจคอก็ร่าเริง ไม่มีจริตจะก้านหรือการเส แสร้งใดๆ
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ มู่หว่านนึงก็จัดเตรียมอาหาร ใส่กล่องอีกมากมายให้ทั้งคู่นำกลับไปด้วยก่อนที่จะยอมเดิน มาส่งที่หน้าบ้านอย่างไม่เต็มใจนัก
หลินเชื่อเดินตามจิ้งเจ๋อออกมา เธอดึงแขนเขาแล้วถามว่า “ฉันไม่คิดว่าแม่คุณจะน่ารักอย่างนี้ ก่อนหน้านี้คุณพูดอย่าง กับว่าท่านเป็นคนเอาใจยาก เล่นเอาฉันกลัวแทบตายแน่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อก้มลงดูใบหน้าที่เต็มปริ่มไปด้วยความสุขของอีก ฝ่าย แล้วพิจารณาดูอยู่นาน
เขาเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะ เป็นไปอย่างราบรื่นเสียจริงเมื่อเธอก้าวเข้ามาในบ้านตระกูล แห่งนี้ เขาบอกได้เลยว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็น หรือแม่ของเขา ต่างก็ชอบเธอเอามากๆ
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดออกไปไม่ได้ว่า “ตราบใดที่ไม่ใช่ โม่ฮุ่ยหลิง แม่ฉันก็ชอบทุกคนนั่นแหละ
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด หลินเชื่อเงยหน้าขึ้นทำตาขวางใส่ เขา ทำปากปุ๋ยแล้วคิดกับตัวเองว่า ผู้ชายคนนี้นี่ห่วยแตกเป็น
บ้า
หลินเชื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอได้รับสั่งเปามามากมายและยังไม่ ได้เปิดดู จึงตัดสินใจดึงมันออกมาและเริ่มแกะทีละซอง
เมื่อเธอเปิดมันออกและกวาดตาดู เธอก็ได้พบว่าซองแดง เหล่านั้นไม่ได้บรรจุธนบัตร แต่กลับเป็นโฉนดที่ดิน
ด้วยความช็อก เธอรีบคลีโฉนดออกดูแล้วก็ต้องประหลาด ใจอย่างที่สุด นั่งเปาที่ครอบครัวของเขามอบให้เธอคือโฉนด ที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังภูเขาของเมือง ส่วนนั่งเปาที่ของ เขาให้นั้นก็ไม่มีเงินอยู่ในเช่นกัน แต่กลับเป็นกรรมสิทธิ์ในอพาร์ทเมนท์หลังหนึ่งในย่านใจกลางธุรกิจ
หลินเซ่อตกใจจนร้องออกมาดังลั่น “พระเจ้าช่วย นี่คือสั่งเปาเหรอคะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ