ตอนที่ 103 โรคเก่าที่ต้องไปหาหมอ
จิ้งเพื่อนึกแปลกใจ เขารับบิลค่าอาหารทั้งหมดมาดูแล้วก็ต้อง สะดุ้ง
ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนคิดมากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้วก็ไม่ เคยใส่ใจจะมาคำนวณด้วยว่า ไม่ฮุ่ยหลิงใช้เงินไปมากแค่ไหน
แต่กระนั้นบิลค่าอาหารนี้ก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ
อย่างยิ่ง
หล่อนใช้เงินไปเกือบสิบล้านกับการมารับประทานอาหาร ที่นี่หลายต่อหลายครั้ง โดยที่เขาไม่เคยล่วงรู้เลย
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น “คราวหน้าที่คุณไม่มาทานอาหารที่นี่
อีก อย่าให้เธอลงบิลเป็นชื่อฉันอีกก็แล้วกัน”
ผู้จัดการรีบพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน “ได้ครับๆ คุณ แล้วบิลค่าอาหารพวกนี้
กู้จิ้งเจ๋อก้มลงมองบิลก่อนจะตอบว่า “ในเมื่อมันเป็นค่าใช้ จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ งั้นก็ให้เป็นแบบนั้นนั่นแหละ
เขารู้สึกโกรธเล็กน้อย ไม่ยุ่ยหลิงใช้จ่ายเงินมากเกินไป
แล้ว
ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเธอไม่เคยบอกเขาเลยสักนิดและแอบสงบิลพวกนี้เป็นชื่อเขาโดยที่เขาไม่รู้
เขาไม่ได้โกรธที่เธอใช้เงิน เพียงแต่รู้สึกว่าเธอเป็นคน สุรุ่ยสุร่าย อาหารที่นี่ราคาสูงก็จริง แต่ราคาต่อมืออย่างมาก ที่สุดก็ราวหมิ่นหยวนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นแสนแบบที่ไม่ยุ่ยหลิงสั่ง แบบนี้
ที่สำคัญเขาไม่ชอบการโดนทำอะไรลับหลัง
ชายหนุ่มครุ่นคิด นี่น่าจะเป็นบทเรียนสำคัญให้เธอ คราว หน้าเธอจะได้ไม่ทำตัวไม่ซื่อสัตย์แบบนี้อีก
หลินเซ่อถามขึ้น “มีอะไรเหรอคะ เธอใช้เงินไปเยอะเหรอคะ”
จิ้งเจือก้มหน้านิ่ง เป็นการยอมรับอย่างเงียบๆ
หลินเชื่อพยายามปลอบใจว่า “เธอเป็นจุดสนใจมาโดย ตลอด…เธออาจจะเคยชินกับการใช้จ่ายมากๆ ก็ได้นะคะ
จิ้งเจ๋อหันมามอง “ฮุ่ยหลิงน่ะเป็นคนหัวดื้อ
“ใช่แล้วค่ะ คนรวยๆ อย่างพวกคุณน่ะไม่เหมือนคนจนๆ อย่างเราหรอก สำหรับพวกเรานะ เงินหมื่นหยวนก็มากมาย มหาศาลแล้ว บางทีเงินก็อาจจะเป็นแค่ตัวเลขจำนวนหนึ่ง สําหรับคนอย่างพวกคุณ เธอก็เลยใช้จ่ายโดยไม่สนใจไงละ คะ”
เขาหันไปมองเธออย่างพูดอะไรไม่ออก แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า
ทว่าเมื่อลองนึกถึงจุดที่ว่าหลินเชื่อเป็นคนหน้าเงิน แต่เธอ ก็มองว่าเงินแค่หมื่นเหรียญเป็นเงินจำนวนมากแล้ว เขาก็อด รู้สึกว่ามันน่ารักดีขึ้นมาไม่ได้
“ฉันรู้ แต่เธอก็ยังใช้เงินมากเกินไปอยู่ดี ไม่ว่าจะยังไงมัน ก็ไม่ถูกต้องที่เธอจะใช้จ่ายเงินของฉันมากมายขนาดนี้ ฉันไม่ ได้สนใจหรอกว่าเธอใช้ไปเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเธอก็ควรจะ บอกฉัน การที่เธอแอบทำลับหลังแบบนี้มันทำให้ฉัน
“บางทีเธออาจจะคิดว่ามันไม่สำคัญว่าจะบอกหรือไม่บอก ก็ได้นะคะ เมื่อดูจากความสัมพันธ์ของพวกคุณแล้ว ของของ เธอก็เป็นของของคุณ และของของคุณก็เป็นของของเธอ… หลินเซ่อไม่รู้สึกตัวเลยว่าน้ำเสียงของเธอเริ่มมีความหมั่นไส้ ชิงชังขึ้นมาเล็กน้อย
จิ้งเจ๋อหน้าตึง “จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ของฉันต่าง หากที่เป็นของเธอ เพราะงั้น…ถ้าเป็นเธอใช้ก็ไม่เป็นไรหรอก
หัวใจหลินเชื่อกระตุกเล็กน้อย เธอมองหน้าเขา “แต่ก็แค่ ชั่วคราวเท่านั้นแหละค่ะ หลังจากเราหย่ากัน ฉันก็ทำแบบนั้น ไม่ได้แล้วละ เพราะงั้นฉันควรจะรีบใช้เงินของคุณให้มากกว่านี้ ในตอนที่ยังมีโอกาสจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะมีผู้หญิงคน อื่นมาใช้ซะหมดแทน
“ก็ได้…งั้นกลับไปแล้วฉันจะยกเงินทั้งหมดให้เธอจัดการ ต่อไปในอนาคต เธอจะต้องเป็นคนดูแลเรื่องการเงินในบ้าน ตกลงมั้ย”
“จริงเหรอคะ เยี่ยมเลย คุณไม่กลัวเหรอคะว่าฉันจะเอาไป ใช้จนหมดน่ะ”
จิ้งเจ๋อมองหน้าเธอ หลินเชื่อเอียงคออย่างน่าเอ็นดู
เขาตอบว่า “เงินมันมากทีเดียวนะ ถ้าจะใช้หมดก็คงต้อง เก่งมากทีเดียวละ
จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นและส่งสัญญาณบอกคนขับรถให้ออก
รถได้
แต่แล้วชายหนุ่มก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ปกติบนฝ่ามือของ
ตัวเอง
หลินเชื่อเองก็สังเกตเห็นว่าเขาเริ่มเกามันแรงขึ้นทุกทีและ ดูเหมือนว่าจะมีอาการเจ็บเสียด้วย เธอพยายามมองดู
เขาสูดหายใจ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต แล้วก็ได้เห็นผื่นแดงที่
กำลังขึ้นกระจายไปทั่วใบหน้าด้วย
โรคเก่าของเขากำลังกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง
แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่ไม่ยุ่ยหลิงเข้ามากอดนั้น
น้ำตาของเธอหยดเลอะเสื้อที่เขาสวม คงจะเป็นเพราะเหตุนั้น นั่นเอง
“ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกันคะ” หลินเชื่อตกใจเมื่อมอง เห็นจุดแดงๆ ขึ้นเป็นพืดไปทั่วหน้า มันดูแย่มากจริงๆ
กู้จิ้งเจ๋อบอกคนขับรถ “เปลี่ยนแผน ตรงไปที่บ้านหมอเฉนอวี่เฉิง”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเชื่อได้เห็นอาการของเขากำเริบขึ้นมา
แบบนี้ เธอกลัวมากเสียจนหน้าตาพลอยแดงไปหมด “นี่คืออะไรกันคะ มันเจ็บหรือเปล่า ปวดมากมั้ย ไม่สบาย
มากหรือเปล่าคะ
เขาส่ายหัวแล้วยกมือปิดหน้า ก่อนจะพูดว่า “อย่าดูอีกเลย มันน่าเกลียดน่ะ
หญิงสาวรีบบอกทันที “ก็ได้ค่ะ แล้วคุณจะยกมือปิดมัน ทำไมล่ะคะ เปิดให้โดนอากาศน่าจะดีกว่า อย่าปิดอีกเลยค่ะ จะน่าเกลียดแล้วยังไงล่ะคะ ก็มันเป็นผื่นนี่นา จะให้ดูดีน่ามอง ได้ยังไงกัน”
ถึงจะเป็นคำพูดที่อๆ แต่ก็เกือบทำให้เขาหัวเราะออกมา
ได้
แล้วพวกเขาก็มาถึงบ้านหมอเฉินอวี่เฉิง เมื่อก้าวเข้าไปก็ เห็นว่านายแพทย์กำลังรออยู่แล้ว เขาได้รับแจ้งก่อนหน้านี้ว่า จิ้งเจออาการกำเริบและกำลังเดินทางมาที่นี่ เขาตรวจดูอาการ และมองหน้าจิ้งเจ๋อเงียบๆ ก่อนหันไปมองหลินเชื่อ “นี่ไม่ได้ เกิดขึ้นเพราะคุณผู้หญิงใช่มั้ยครับ
หลินเชอรีบตอบโดยเร็ว “ไม่ใช่ค่ะ กับฉันมันไม่เคยเป็น
แบบนี้เลย…”
เฉินอวี่เฉิงยิ้ม “ก่อนหน้านั้น…คุณโดนสัมผัสบริเวณหน้าอก ใช่มั้ยครับ
“ ไอ้หมอนี่ชักจะพูดมากไปหน่อยแล้ว
กู้จิ้งเจ๋อถลึงตามองเขา
เฉินอวี่เฉิงยังถามต่อไป “ใครเป็นคนที่สัมผัสโดนบริเวณนี้
ครับ”
จิ้งเจ๋อยังทำตาเขียวใส่ เป็นการเตือนว่าอย่าพูดอะไรที่
เป็นการสร้างปัญหา
เมื่อเห็นสีหน้าถมึงทึงของอีกฝ่าย นายแพทย์จึงเป็นอ้อว่า
ตัวเองเผลอพูดสิ่งไม่เข้าท่าออกไป
เนื่องจากเป็นเวลาดึกมากแล้ว
หลินเชื่อจึงตอบด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้แทนขึ้นว่า “ไม่ต้อง ถามหรอกค่ะ เราเพิ่งพบคุณหนูไม่มานะ
เฉินอวี่เฉิงยิ้มกว้าง มองจิ้งเจือด้วยสายตารู้ทัน
แต่ฝ่ายชายหนุ่มกลับรีบละล่ำละลักอธิบายทันทีว่า “อยู่ๆ เธอก็โผเข้ามาหาฉันแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ จะให้ฉันผลักเธอออก ไปก็ยังไงอยู่
เขาพยายามจะบอกว่าเขาไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งกับโม่ฮุ่ยหลิง และไม่ต้องการให้เจ้าหมอปากสว่างที่พูดอะไรที่จะทำให้กลาย เป็นเรื่องใหญ่
เฉินอวี่เฉิงยิ้มแล้วมองสองหนุ่มสาวสลับกันไปมา
จิ้งเจ๋อกินยา แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มเป็นไข้
หลินเชื่อทำได้เพียงเฝ้าดู เมื่อเห็นเขามีสีหน้าไม่ดีนัก เธอ ก็เดินเข้ามาหา “เกิดอะไรขึ้นคะ มันรู้สึกแย่มากเลยเหรอ
เขาเงยหน้ามองเธอ แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้ารับ
เงียบๆ
เมื่อได้เห็นเขาเป็นแบบนี้ หัวใจเธอก็อดเจ็บแปลบขึ้นมา
ไม่ได้
เธอเดินเข้าไปหาเขา “ทำไมคุณถึงเป็นไข้หลังกินยาเข้าไปแบบนี้ละคะ”
จิ้งเจ๋อตอบ “มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่ทำให้มีไข้นะ เพราะแบบนั้นฉันถึงไม่ค่อยกินยา
หลินเชื่อมองหน้าเขา “แล้วทำไมเวลาที่คุณหนูโม่โดนตัว
คุณมันจะต้องกลายเป็นแบบนี้ด้วยละคะ
เขาตอบ “จากผลการค้นคว้าของเฉินอวี่เฉิงพบว่ามัน เกี่ยวข้องกับเอนไซม์ที่สร้างขึ้นในร่างกาย ทุกคนจะมีกรุ๊ปเลือด และฮอร์โมนของตัวเอง กรุ๊ปเลือดและฮอร์โมนนี้จะส่งผลต่อ การผลิตเอนไซม์ในร่างกาย เพราะฉะนั้นเวลาที่มีใครมาแตะ ตัวฉัน อาการก็จะกำเริบแบบนี้
“อา แล้วทำไมเวลาฉันโดนตัวคุณมันถึงไม่เป็นอะไรละคะ”
เขาหรี่ตามองเธอ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นโชคชะตาละมั้ง”
เขาอธิบายต่อไปว่า “แต่เราเองก็ยังไม่เคยใกล้ชิดกัน มากๆ เหมือนกัน ใครจะรู้ล่ะ อาการอาจจะกำเริบขึ้นมาตอน ไหนก็ได้”
“เรายังไม่เคยใกล้ชิดกันมากๆ เหรอ” หลินเชื่อหน้าแดง เมื่อนึกถึงตลอดช่วงเวลาที่เขาสัมผัสเธอ
แถมเมื่อตอนที่พบกันครั้งแรกในโรงแรม เธอและเขาก็ สัมผัสกันไปถึงไหนต่อไหนแทบทุกซอกมุมเสียด้วยซ้ำ
จิ้งเจ๋อบอกว่า “ครั้งแรกของเราน่ะมันเป็นแค่ระยะเวลา สั้นๆ แล้วก็เกิดขึ้นโดยไม่ทันคาดคิด ฉันก็เลยไม่ได้ใส่ใจว่า เกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับร่างกายหรือเปล่า”
ขณะที่พูดเขาก็ขยับเข้ามาใกล้เธอ สายตาคู่นั้นกวาดมอง ขึ้นลงไปทั่วตัวเธอราวประหนึ่งแสงโคม ราวกับว่าเขาพยายาม จะมองเข้ามาให้ถึงจุดที่ลึกที่สุดในร่างกายเธออย่างไรอย่างนั้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ