ตอนที่ 31 ตัวเจ้าก็เป็นของข้า
ภายในกล่องลับเป็นแผ่นหนังแกะขนาดใหญ่เท่า ฝ่ามือแผ่นหนึ่ง บนแผ่นหนังนั้นวาดลายเส้นแปลกๆ ราวกับยังไม่สมบูรณ์จึงดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไรกันแน่ หากคนอื่นได้ของสิ่งนี้ไปจะให้พยายามมากแค่ไห นก็มองไม่ออกและไม่รู้ถึงความสำคัญของสิ่งนี้เป็น อย่างแน่
แต่ทว่าหลินซินเยียนไม่ใช่คนอื่น นางเป็นถึงนัก เชี่ยวชาญการประดิษฐ์อาวุธระดับโลกและเมื่อไม่นา นมานี้นางเพิ่งเห็นกระดาษและภาพวาดที่คล้ายคลึง แบบนี้มาก่อนแล้ว
“ที่แท้ก็เป็นภาพส่วนหนึ่งของภาพวาดอาวุธหน้าไม้ แผ่นนั้น! “หลินซินเยียนแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะ ได้ภาพวาดในเหตุการณ์แบบนี้ นี่เป็นสิ่งที่โม่จื่อฟงก็ ยังให้ความสนใจอย่างมาก มันต้องมีค่ามากกว่าเงิน อย่างแน่
โม่จื่อฟงมีอำนาจล้นฟ้าแต่ยังได้มาเพียง15แผ่น แสดงว่าภาพวาดแผ่นนี้ต้องได้มายากแน่ แต่ว่าตอนนี้นางได้มาแผ่นหนึ่งแล้ว
หลินซินเยียนครุ่นคิดอย่างจริงจัง หากภาพวาด แผ่นนี้สำคัญจริงนางได้มาก็ไม่ใช่เรื่องดี ชายแก่คน นั้นไปยืมเงิน เขาคงไม่มีความคิดอะไรแล้ว แต่คนที่ อยู่เบื้องหลังของชายแก่ล่ะ พวกเขาจะพูดดีเหมือน ชายแก่ไหม?
เมื่อคิดแบบนี้แล้วหลินซินเยียนก็รีบหยิบพู่กันแล้ว จุ่มหมึกคัดลอกภาพวาดแผ่นหนังแกะนั้น จากนั้นก็ นำแผ่นหนังแกะกลับไปไว้ในกล่องตามเดิม ลบร่อง รอยที่ตนเองได้เปิดกล่องอย่างระมัดระวัง หวังว่าจะ ตบตาได้
“แม่นางหลิน ท่านอ๋องเรียกท่านไปพบ”
เสียงของหัวหน้าจินมู่ดังมาจากด้านนอกประตู หลินซินเยียนส่งเสียงตอบกลับ พอเก็บกล่องอย่าง เร่งรีบเสร็จแล้วก็เดินตามจินมู่ไปด้านหลังของ
โรงเตี้ยม โรงเตี้ยมถูกจองไว้หมดแล้วจะเห็นทหารยืนเฝ้าอยู่ ทุกที่ เมื่อเหล่าทหารเห็นจินมู่ก็ทำความเคารพ จินมู่ส่ง
เสียงเย็นชาตอบกลับอย่างไม่สนใจ ท่าทางแบบนี้ถอดแบบมาจากโม่จื่อฟงอยู่หลายส่วน
เมื่อเห็นประตูห้องของโม่จื่อฟงเปิดอยู่ ส่วนโม่ จื่อฟงกำลังยืนอยู่ตรงระเบียงหน้าประตู ด้านหน้าของ เขา ประดับด้วยดอกไม้ที่บานสะพรั่งกระถางหนึ่ง ดอกไม้นั้นสวยงามอย่างมากแต่หลินซินเยียนกลับไม่ รู้ชื่อของดอกไม้ชนิดนั้น
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรอย่างโม่จื่อฟง ด้านหลังประดับด้วยดอกไม้ปีศาจสวยสดสีแดง ภาพที่อยู่ตรงหน้ายิ่งคล้ายกับดักปีศาจของเขาก็ไม่ ปาน
จินมู่พาหลินซินเยียนเดินมาส่งที่หน้าประตู หลิน ซินเยียนย่อตัวทำความเคารพแล้วเดินไปหาโม่ จื่อฟง”ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเรียกข้ามาเพื่อธุระอะไร รี? ”
โม่จื่อฟงไม่รีบตอบเพียงยกมือขึ้นและชี้ไปที่ดอกไม้ บานสะพรั่งดอกนั้น”รู้หรือไม่ว่านี่คือดอกไม้อะไร? ”
“ไม่รู้เพคะ”หลินซินเยียนส่ายหน้า
“ชื่อของมันคือชี่(ชี่แปลว่าน้ำตา) 3ปีถึงจะเบ่งบาน %3D ครั้งหนึ่ง ตอนที่มันเบ่งบานดูคล้ายกับหญิงสาวกำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวดจนทำให้คนรู้สึกหวั่นไหว งดงาม หรือไม่? “โม่จื่อเฟิงเอ่ยเสียงเย็นชา ไม่เข้าใจว่าเขา กำลังพูดถึงอะไรแต่หลินซินเยียนรู้ว่าโม่จื่อฟงไม่ใช่ คนที่พูดจาเหลวไหล นางจึงเงียบและรอให้เขาพูดต่อ
“แต่เจ้าดูสิ” โม่จื่อเฟิงพูดพร้อมใช้ปลายนิ้วไปสัมผัส ที่กลีบดอกไม้ ภาพตรงหน้าเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น กลี บดอกไม้ที่โดนสัมผัสกลับเหี่ยวเฉาลงในทันที จากนั้ นกลีบแต่ละกลีบก็ค่อยๆร่วงโรยลงมา”มันกลับ อ่อนแอมาก หากโดนสัมผัสแม้แต่นิดเดียว เมื่อไม่ นานมานี้มีพ่อค้านำมาค้าข้าเลย ซื้อมันมาเพราะอย่าก จะเห็นตอนที่มันร่วงโรย”
มุมปากหลินซินเยียนกระตุก นางไม่ได้พูดอะไร ตอนแรกคิดว่าเขาจะบอกว่าที่ซื้อมันมาเพราะจะชื่น ชมความงามของดอกไม้ หากว่าการชื่นชมดอกไม้ แบบนี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนเรื่องที่อ๋องอู่เสวียนผู้ไร้หัว ใจจะทำได้
“เจ้าคิดว่าหากเปรียบเจ้าเหมือนกับดอกไม้นี้จะเป็น เช่นไร? “โม่จื่อฟงเพียงมองนางสักพักก็เงยหน้าขึ้น
มาถาม
“เออ…”หลินซินเยียนสับสนการกระทำของเขา”ข้าอยู่ในกำมือของท่านอ๋อง ย่อมอ่อนแอเหมือน กับดอกไม้ดอกที่อ่อนแอนี้ ท่านอ๋องท่านจะบอกว่ารับ ข้ามาก็เพื่อดูข้าโรยราด้วยหรือ? ”
“เหอะ”โม่จื่อฟงยิ้มอย่างเบาๆแล้วโบกมือให้คน ย้ายกระถางดอกไม้นี้ออกไป”เจ้าฉลาดมาก แต่อย่า มาอวดฉลาดต่อหน้าข้า เพราะว่าข้าไม่ชอบ”
หลินซินเยียนถอนหายใจและย่อตัวทำความ เคารพ”ท่านอ๋องที่เรียกข้ามันคงไม่ได้จะคุยเรื่องด อกไม้นี่หรอกนะเพคะ ท่านอยากพูดอะไรก็พูดมาตาม ตรงเลยดีกว่า”
นางเริ่มทนไม่ได้ที่เขาพูดอ้อมค้อมขนาดนี้ คล้าย กับลมหายใจจะขาดช่วง จะทำให้ตายไม่ได้ อยู่ก็ไม่
ได้
โม่จื่อฟงเหยียดยิ้มที่มุมปาก จ้องมองไปที่นาง ตาไม่กระพริบเหมือนกับต้องดูอะไรออกจากใบหน้า ของนาง เนิ่นนานเขาก็เอ่ยขึ้น”วันนี้เจ้าได้พบกับตา เฒ่าสวีเก๋อแห่งสำนักเทียนจีหรือไม่? ”
“ตาเฒ่าสวีเก๋อ? สำนักเทียนจี?”หลินซินเยียนทำ หน้างุนงง”ท่านอ๋อง ท่านพูดอะไร ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลย แต่วันนี้ข้าได้ออกไปข้างนอก ท่านก็ให้คนตาม ข้ามา ข้าพบกับใครท่านน่าจะรู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? จริงด้วย ข้าพบตาแก่ที่มีท่าทางแปลกๆคนหนึ่งแต่ข้า ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร”
โม่จื่อฟงเดินก้าวเดินอย่างช้าๆออกจากประตูไป ตรงทาง เดินในลานบ้านด้วยท่าทางสุขุม เขาเดิน ไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาถาม”เจ้าไม่รู้จักก็ดี แต่เจ้าได้ สิ่งของที่เขาอยากได้”
“ท่านอ๋องหมายถึงกล่องใบนี้หรือไม่? “หลินซิน เยียนหยิบกล่องใบนั้นออกมาแล้วยื่นส่งไปให้ เขา”แต่ข้างในมันว่างเปล่า ข้าเพิ่งเปิดมาดูเองไม่มี อะไรเป็นพิเศษ ข้าคิดว่ากล่องใบนี้มันสำคัญต่อเขา แต่คนอื่นอาจจะเป็นสิ่งของที่ไร้ค่า”
โม่จื่อฟงรับกล่องมาพลิกไปมาอยู่ในมือดู หลินซิ นเยียนกลับยื่นมือออกไป”ดูเสร็จแล้วก็คืนให้ข้า ข้า รับปากว่าจะคืนให้เขา ข้าต้องคืนให้เขาเป็นคนไม่ ควรพูดจากลับกลอก”
โม่จื่อฟงไม่ได้ส่งกล่องคืนให้นาง เพียงหมุนตัวแล้ว ไปส่งกล่องให้จินมู่”หากมีคนมาหา เจ้าก็ไปแลก เปลี่ยนกับคนนั้น”
จินมู่รับคำสั่งแล้วถือกล่องใบนั้นเดินออกไป
หลินซินเยียนจ้องภาพตรงหน้าตาค้างเดินเข้าไป ขวางหน้าของโม่จื่อฟง”ท่านอ๋อง กล่องใบนั้นข้าเป็น คนซื้อมามันเป็นของของข้า ท่านเอาไปไม่ได้!
“แล้วเงินที่เจ้าไปซื้อมาเป็นเงินของใคร? หากข้า จำไม่ผิดเงินเสื้อผ้าบนตัวของเจ้ารวมทั้งตัวของ เจ้า…เป็นของข้าทั้งหมด!”โม่จื่อเฟิงแค่นเสียงก้าว มาข้างหน้าแล้วก้มตัวลงจ้องใบหน้าของนาง
ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกัน ในเวลากลางคืน อารมณ์มักจะแปรปรวนทำให้คนอดไม่ได้ที่หัวใจเต้น จนหน้าแดง
หลินซินเยียนกลืนน้ำลาย ก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ ตัว โม่จื่อเฟิงก็ยิ้มขึ้น เขาก้าวเดินไปข้างหน้าใช้มือ ข้างหนึ่งจับที่เอวของนาง”ดูเหมือนเจ้าคงลืมว่าเมื่ออยู่ ข้างๆข้าฐานะของเจ้าคืออะไร!
“โม่จื่อฟง! เจ้าคิดจะทำอะไร? “หลินซินเยียนร้อ นรน ชายคนนี้เปลี่ยนเป็นสัตว์ป่าดุร้ายที่คอยจะขย้ำ เหยื่อได้ทุกเมื่อ
“แม้แต่ชื่อแซ่ของข้ายังกล้าเรียก มีโทษถึงตายหากเจ้าไม่อยากตายก็มาปรนนิบัติข้าซะ! “พอพูดจบ โม่จื่อฟงก็ลากหลินซินเยียนเข้าไปในห้อง เหลือไว้ เพียงกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรยอยู่บนพื้น
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ