ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่172ฟ้าดิน หยินหยาง



ตอนที่172ฟ้าดิน หยินหยาง

เมื่อเห็นใบหน้าตกใจของเขาจนยากจะปิดให้มิด หลินซิน เยียนก็หัวเราะเบาๆพลันส่ายหน้าและเอนตัวลงนอนไปอีก ครั้ง “พี่อิน ข้าอยากจะพักผ่อนเจ้าค่ะ”

เดิมทีนางก็มิได้หวังว่าในยุคนี้จะมีคนที่คิดเหมือนกันกับ นาง ดังนั้น ช่างเถิด…ช่างมันเถิด…

อินฉีได้ยินนางกล่าวแสร้งตบตาไล่ หลังจากที่กำชับให้ นางพักผ่อนก็ออกมาจากห้อง ในยามที่ออกมานั้นยังใส่ใจ ปิดหน้าต่างและประตูห้องให้นางอย่างเรียบร้อย

หลินซินเยียนที่หลับมาแล้วทั้งวัน เอนอยู่บนเตียงโดยที่ ไร้ความง่วง เมื่อเห็นอินฉีจากไปนางจึงลุกขึ้นมาที่ริม หน้าต่าง เมื่อเปิดบานหน้าต่างออกก็เห็นภาพเบื้องหน้าของ สายน้ำที่ไหวกระเพื่อมอย่างงดงาม ซึ่งนางเองก็จำไม่ได้ว่า นานเท่าไรที่จิตใจไม่ได้สงบชื่นชมความดื่มด่ำไปกับ ทิวทัศน์ธรรมชาติ

ความกังวลในใจนางที่มากเกินไปจึงทำให้นาง กระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา ศิษย์พี่ใหญ่ที่ถูกประมุข ศาลาความลับแห่งสวรรค์นำตัวไป ศิษย์พี่รองกับเอ้อร์ยาก็ ไปแคว้นเป่ยหมิงที่อยู่ห่างไกล ยังมีอี้ชิงที่ออกไปร่ำเรียน วิทยายุทธ์ คนเหล่านี้ที่กลายมาเป็นคนสนิทของนาง ได้ ค่อยๆจากนางไปทีละคน

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ด้านนอกประตูนั้นเป็นเสียงของ

บ่าว “แม่นาง นายท่านบอกว่าวันนี้ท่านยังไม่ได้ทานอะไรเลย ดังนั้นจึงสั่งให้ห้องครัวต้มโจ๊กมาให้”

หลินซินเยียนพลันเกิดรู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆ จึงตอบไปว่า “เข้ามาได้”

บ่าวรับใช้ถือถาดใบหนึ่งเข้ามา บนถาดมีชามโจ๊กและ กับข้าวอีกหนึ่งอย่าง หลังจากที่บ่าววางถาดเสร็จก็ทำความ เคารพถอยออกไป

อินฉีเป็นผู้ที่ใส่ใจคนผู้หนึ่ง ถึงแม้เพิ่งจะตีเนียนไล่เขาไป อย่างสุภาพ แต่เขายังคงจำได้ว่านางยังไม่ได้ทานข้าว กลัว ว่านางจะไม่อยากอาหารก็ยังใส่ใจให้บ่าวทำกับข้าวเพิ่ม ความอยากอาหารมาให้อีกอย่าง

หากกล่าวโดยปราศจากอคติ บุรุษแสนอบอุ่นเช่นนี้ไม่ว่า สตรีคนใดก็ล้วนใจสั่น น่าเสียดายที่…

หลินซินเยียนนั่งลงถือชามโจ๊กขึ้นมาทาน หลังจากที่ผ่าน คืนวันที่ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ก็ได้ทานโจ๊กแสน อร่อยอย่างไม่นึกฝัน หรือจริงๆแล้วรสชาติมันอร่อยเกินไป อย่างน้อยก็ในยามนี้ที่นางซาบซึ้งในตัวอินฉี ซาบซึ้งใจมาก จริงๆ

เรือลำหรูล่องลงไปตามแม่น้ำ หลินซินเยียนที่พักอยู่บน เรือได้สองสามวัน ได้ถามอินฉีว่าจุดหมายปลายทางของ เรือลำนี้คือที่ใด อินฉีบอกว่า…เมืองเฟิ่งชี

ในตอนนั้นใบหน้าของหลินซินเยียนอดไม่ได้ที่จะสั่น ระริก ไม่ง่ายเลยที่นางจะหลบหนีออกมาจากเมืองเฟิ่งชี ที่ วกกลับไปนี่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เสียแรงเปล่าหรือ?
อินฉีราวกับจะมองออกถึงความกังวลของนางจึงได้กล่าว ออกมา “ที่ๆอันตรายที่สุดก็คือที่ๆปลอดภัยที่สุด อีกอย่าง เจ้ายังมีข้า”

ยังมีเขา!

ความหมายของเขาคือมีวิธีที่จะหลบหลีกจากหูตาของโม่ จื่อเฟิง

หลินซินเยียนจึงค่อยคลายความกังวลไปบ้าง สามารถ ขึ้นตำแหน่งเสนาบดีด้วยกำลังของตนทั้งที่อายุน้อยเช่นนี้ สำหรับความสามารถของเขาแล้วนางไม่เคยสงสัยเลยสัก

ครั้ง

หลายวันหลังจากนั้น เรือลำหรูก็เข้าฝั่งในที่สุด สถานที่ที่ จะเทียบท่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ใกล้กับเมืองเฟิ่งชี

อินฉีสวมหมวกงอบใบหนึ่งให้กับหลินซินเยียน หลังจาก ที่สวมใส่นางก็ดูเหมือนกับบ่าวรับใช้คนอื่นๆบนเรือ ได้มีรถ ม้ามารอที่อยู่ที่ท่านานแล้ว หลายๆคนขึ้นรถม้าเดินทาง ประมาณหนึ่งชั่วยามก็เข้าสู่เขตป่า เส้นทางภายในป่าไม่ ค่อยดีนัก รถม้าจึงโคลงเคลงไปตลอดทาง

ภายในรถม้า อินฉีเห็นหลินซินเยียนมีอาการคลื่นไส้ จึง หยิบบ๊วยเปรี้ยวที่เตรียมไว้ให้แก่นาง หลังจากที่หลินซิน เยียนขอบคุณจึงรับบ๊วยมา เมื่อหยิบเม็ดบ๊วยอมไว้ในปาก ความรู้สึกคลื่นไส้จึงค่อยบรรเทาลง

หลายวันก่อนหน้านี้ที่หลบหนีหัวซุกหัวซุนอย่าง เหน็ดเหนื่อยนางไม่รู้สึกอะไรสักนิด ยามนี้ที่ได้สุขสบายกายใจ ความรู้สึกต่างๆกลับรู้สึกได้ไวในชั่วพริบตา แม้แต่ ความรู้สึกในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆก็รู้สึกอย่างชัดเจน

คนทั้งสองมิได้สนทนาต่อกัน จนกระทั่งหลังจากที่รถม้า หยุดจอด อินฉีจึงได้ประคองนางลงจากรถม้า

รถม้าถูกจอดไว้นอกเรือนหลังๆหลังหนึ่งกลางหุบเขา เรือนเล็กหลังนี้ซ่อนอยู่ในป่าทึบ หากไม่เข้ามาใกล้ๆก็จะ ไม่มีทางเจอได้โดยง่าย เรือนเล็กหลังนี้ไม่เหมือนที่อยู่ อาศัยของชาวบ้านทั่วๆไป ตัวเรือนไม่ใหญ่ แต่โครงสร้าง กลับใช้วัสดุตามแบบหมู่ชนชั้นสูงของเมืองเพิ่งชี

อินฉีเคาะประตูเรือน ก็มีหญิงชรามาเปิดประตูอย่าง รวดเร็ว หญิงชรานั้นแข้งขาไม่ค่อยจะดี ยามที่เดินเหินก็จะ กะเผลกอยู่บ้าง เมื่อเห็นว่าอินฉีเป็นผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูจึง คลายความระแวดระวัง “คารวะ นายท่าน”

“อั้ม” อินฉีส่งเสียงตอบรับ พาหลินซินเยียนเดินเข้าไป ด้านใน เมื่อเดินเข้ามาในเรือนก็ได้กลิ่นยาสมุนไพรหอมอบอวล

บนพื้นในเรือนยังตากยาสมุนไพรมากมายหลายหลากชนิด หญิงชรานำคนทั้งสองเดินผ่านพื้นที่ที่ยังโล่งมาถึงห้องโถง กลาง มีชายวัยกลางคนที่สวมหมวกทรงสูงกำลังบด สมุนไพรอยู่บนโต๊ะ เขาเงยศีรษะขึ้นมาเหลือบมองอินฉี แล้วจึงตั้งใจทำงานในมือของตนต่อ

อินฉีเดินเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเขาจึง กล่าวด้วยความชื่นชม “ในที่สุดท่านโจวก็พบหญ้าสุนัข จิ้งจอกแล้วหรือ? นี่มันหายากมากจริงๆ”
ชายวันกลางคนที่ถูกเรียนว่าท่านโจวนั้นพยักหน้าหมึกๆ “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ?” หญ้าสุนัขจิ้งจอกนี่เฉพาะพื้นที่รอบเทือก เขาเมืองเพิ่งซีเท่านั้นจึงจะมี สามปีเพิ่งจะโตได้ไม่กี่ต้น มี ประโยชน์สำหรับพวกกลุ่มชีพจรหลักอุดตัน หลายวันมานี้ ก็ไม่ง่ายที่ข้าจะหาพบ นึกไม่ถึงจะถูกเจ้าหน้าบูดคนหนึ่ง แย่งไปต้นหนึ่งอย่างกะทันหัน แต่เจ้านั่นก็ร่วงไม่เป็นท่า เพราะถูกหมีดำหลายตัวโจมตีหนักสาหัส แต่เจ้านั่นก็ถึก เหมือนกัน ฟันของหมีดำติดอยู่ในรอยกระดูกแตกของเขา นึกไม่ถึงว่าเขาจะถอนฟันของเจ้าหมีดำออกมาด้วย คน ดุดันเช่นนี้ข้าก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก! แต่ก็ค่อยยังชั่วที่มี เขาอยู่ มิฉะนั้นข้าต้องพยายามอย่างหนักเพื่อรวบรวมหญ้า พวกนี้”

“ท่านว่าอย่างไร?” อินฉีได้นั่งลงบนม้านั่งว่างด้านข้าง ของเขา

หมอโจวจึงกล่าว “ท่านคงไม่รู้ว่าหญ้าสุนัขจิ้งจอกนี้ หวานอร่อยมาก อีกทั้งมีส่วนช่วยคุณสมบัติทางร่างกาย ของหมีดำ หมีดำจึงชื่นชอบถึงขั้นติดงอมแงมเลยทีเดียว มันจึงเติบโตได้ช้าไงล่ะ ข้าคิดว่าหมีดำหลายตัวนั่นต้อง ปกป้องหญ้าสุนัขจิ้งจอกไว้อยู่แน่ๆ เมื่อถูกคนแย่งจะ ยินยอมได้อย่างไร ถ้าหากข้าเพียงลำพังคงคิดหาหลายวิธี จึงจะสามารถรวบรวมหญ้าสมุนไพรได้”

ยามที่ทั้งสองสนทนา ไม่ได้สังเกตถึงหลินซินเยียนที่อยู่ ข้างๆซึ่งกำแขนเสื้อแน่นขึ้นเล็กน้อยในขณะที่กำลังฟังพวก เขาพูดคุยกัน ตัวนางสั่นเทา ทว่าคนทั้งสองไม่ทันเห็น ใบหน้าอันตื่นตระหนกของนาง
หลังจากที่ท่านโจวอธิบาย นางก็คาดเดาได้ถึงเจ้าหน้า บูดที่เขาพูดถึงในทันที น่าจะเป็นหมิงฉีที่ได้รับบาดเจ็บ สาหัสตั้งแต่แรกแล้วถูกเหยื่อช่วยชีวิตไว้ เดิมที่หมิงฉีแฝง ตัวเข้ามาในแคว้นหนานเยว่ก็เพื่อหญ้าสุนัขจิ้งจอกเหล่านี้ งั้นหรือ?

ท่านโจวเพิ่งจะบดยาจนเสร็จ หลังจากนั้นก็นำบรรจุใน ขวดกระเบื้องเคลือบ จึงเงยหน้าขึ้นมาหาอินฉี ราวกับเขา เพิ่งจะพบการคงอยู่ของหลินซินเยียน “โอ้ ข้างกายเข้ามี สาวงามเพิ่มมาอีกคนด้วยหรือ ถั่วยังไม่…”

“ท่านโจว ท่านนี่พูดมากเสียจริง” อินฉีตัดบทเขาแล้วหัน ไปยิ้มขออภัยกับหลินซินเยียน “ท่านโจวชอบล้อเล่นน่ะ เจ้าอย่าถือสาเลยนะ”

หลินซินเยียนส่ายหน้าสื่อว่าไม่เป็นไร อีกอย่างเขาจะมี สาวงามอีกกี่คนก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับนาง

ท่านโจวมองอินฉีอย่างมีนัยยะ “ใช่แล้ว ใช่แล้ว แค่อยาก จะหยอกล้อเจ้าหนุ่มนี่สักหน่อย คิดไม่ถึงว่าเขากลับใส่ใจ มาก เถอะน่า ข้าไม่พูดจาเลอะเทอะแล้ว แล้วเจ้าล่ะมาหา ข้าที่นี่มีอะไร?”

“ที่มาที่นี่ แน่นอนว่าย่อมมาหาท่านให้ช่วยเหลือ” อินฉี ยกมือคารวะท่านโจว “ขอให้ท่านโจวช่วยเป็นตัวแทนข้าดู แลซินเยียนสักพัก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ