ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 468 ข้อความกลับมา



ตอนที่ 468 ข้อความกลับมา

ทรงเยจิ้งจอกเฒ่าเหมือนเห็นอะไรบางอย่างหัวเราะอย่างมีความ สุขสำหรับท่าทีเจตนาดีของหล่อนท่านนั้นแต่ว่าความระมัดระวัง ภายในดวงตาคู่นั้นยังมีมากนัก

หลินซีนเยียนรู้ว่าทรงเย่กลัวว่าหลินซีนเยียนและหล่อลิ้นซ่าน จะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวเมื่อถึงเวลากำจัดตระกูลหลี่หลินซีน เขียนอาจเปลี่ยนข้าง

“ประมุขหลี่บอกว่าข้าเป็นสหายเก่ายกย่องข้ามากเกินไปแล้ว ตอนนั้นก็แค่ว่าข้ากับตระกูลหรี่มีผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นและ อีกอย่างประมุขดูเหมือนว่าลืมอะไรบางอย่างไปการร่วมมือกัน ครั้งนั้นศิษย์พี่ใหญ่ของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเสียชีวิต “หลิน ซีนเยียนพูดช้าๆเหมือนไม่พอใจในตระกูล

ดวงตาของหล่อวิ๋นซ่านสั่นไหวไปด้วยความแปลกใจการตาย

ของเชียวฝานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาและความสัมพันธ์ของเขา

กับนางก็ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมงานดังกล่าวและอีกอย่างครั้ง

ก่อนที่จากกันไม่มีความเป็นปรปักษ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายแต่ว่า

หลินซีนเขียนกลับตั้งใจทำให้เหมือนว่าเราเป็นศัตรูก็เพื่อหลีก

เลี่ยงความน่าสงสัย?

เพียงช่วงเวลาสั้นๆหล่อวิ๋นซ่านก็เข้าใจหลินซืนเยียนแล้วดัง นั้นเขาจึงถอนหายใจยาวแล้วพูดว่า “ แม่นางหลินขาเข้าใจ ความเกลียดชังที่เจ้ามีต่อตระกูลหลีแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องพวกนี้รอให้เรื่องนี้จบก่อนตระกูลหล ของเราไม่เอาเปรียบแม่นางหลินแน่เราต้องให้สิ่งที่น่าพอใจแก่ แม่นางหลินอย่างแน่นอน

หลินซ๊นเขียนไม่ตอบใดๆดื่มชาอย่างเงียบๆและไม่หันไปมอง ทางด้านหลอีกเลยท่าทีที่แสดงออกมาเช่นนั้นยังเย็นชายิ่งกว่าที่ มีต่อประมุขหลังก่อนหน้านี้อีก

แต่ท่าทีเช่นนี้กลับทำให้ทรงเย่พอใจไม่น้อยเขาเริ่มใส่ไฟ ระหว่างทั้งสองสักพักก็ให้คนพาหล่อซ่านไปห้องพักที่จัดเตรียม ไว้

เฮ้อ”เมื่อคนออกไปแล้วทรงเยถอนหายใจแล้วกลับไปนั่ง ตำแหน่งที่อยู่ คิดไม่ถึงว่าแม่นางหลินจะมีความหลังกับประมุข ของทั้งสองตระกูลดูเหมือนว่าจุดประสงค์การไปหาสมบัติแหล่ง กำเนิดเก๋งจีนครั้งนี้ของแม่นางหลินจะมากกว่าที่ข้าคิดไว้มากวิธี การยืมมืดฆ่าคนก็น่าประทับใจเช่นกัน

ทรงเย่คิดว่าหลินซีนเยียนยืมมือเขาเพื่อกดทั้งสองตระกูลไว้จะ ที่เขามองนั้นเหมือนหลินซืนเขียนที่ไม่มีคนหนุนหลังได้ละเมิดทั้ง สองตระกูลยอมถอยแต่แรกก็อาจจะรอด แต่ตอนนี้ยืมมือเขา กำจัดทั้งสองตระกูลสำหรับนางแล้วนี่เป็นโอกาสที่นางจะมีชีวิต รอด

หลินซีนเขียนสบประมาทเผชิญหน้าอย่างใจเย็น “ประมุขทรง คิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะข้ามีความหลังกับทั้งสองตระกูลข้าจะเสี่ยง เช่นนี้เพื่อช่วยให้ท่านวางแผนงานสำคัญเช่นนั้นหรือมันยังเป็นประโยชน์ร่วมกันของเราที่จะบอกว่าเราต้องการทำสิ่งนี้เพื่อตัว เราเองดังนั้นประมุขหรงไม่ควรคิดว่าข้าใช้ประโยชน์จากมันเป็น เพราะเรามีจุดประสงค์ร่วมกันมันคือคำว่าท่านกับข้าไม่ใช่ข้ากับ พวกเขา ท่านว่าถูกมั้ย? ”

*สามารถได้รับค่าชื่นชมจากท่าน ข้าก็พอใจมาก”แล้วหลินซึน เขียนพูด” ประมุขหรง คนก็รับมาแล้ว หน้าที่เคยเห็นแล้ว เช่นนั้น ข้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน””

*ได้เดียวสักพักกลางคืนข้าจะให้คนไปเรียกเจ้าทรงเย่จับมือ นางออกไปส่งด้านนอกประตู

หลินซีนเขียนก็ตรงไปยังห้องตัวเองไม่ได้ไปสนใจสายตาที่ มองมาจากด้านหลังแต่อย่างใด

ทรงเย่ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างได้เป็นเช่นนี้ก็ดีก่อนหน้านี้ข้า ยังเป็นกังวลอยู่บ้าง ใต้หล้าไม่มีเหยื่อที่โง่เขลา ตอนนี้ได้รู้จุด

ประสงค์ของนางแล้วทางกลับกันข้าก็รู้สึกสบายใจขึ้น

“นั้นมันก็ใช่”ผู้อาวุโสก็เห็นด้วย

หลินขึ้นเขียนไม่ได้ยินที่ทั้งสองพูดคุยกันแต่ว่าในใจก็พอคาด เดาทรงเย่ได้

เมื่อถึงอาหารเย็นประมุขของทั้งสามตระกูลมาพร้อมกันที่ห้อง ที่หรูหราสุด ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีเพียงหลินขึ้นเขียนที่นั่งร่วมโต๊ะ กับพวกเขาผู้หญิงที่ทุกคนดูถูก

เบื้องหน้าทั้งสามตระกูลดูสงบนิ่งไม่มีอะไรแต่ความเป็นจริงกระแสน้ำเชี่ยวกรากสามสิบปีมานี้ทั้งสามตระกูลไม่เคยรวมตัว กันสักครั้งดังนั้นสำหรับทั้งสามตระกูลถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ

ทรงเม่นเหล้าที่เตรียมไว้ออกมาดื่มกับประมุขหลังสู่และประ มุขหลื่อวิ๋นซ่านเพราะหลีนซีนเขียนไม่ค่อยถูกกับหลังสู่จึงขอตัว กลับไปก่อนหญิงสู่และทรงเย่ไม่คิดจะรั้งนางไว้พวกเขาเป็นถึง ประมุขของตระกูลใหญ่เทียบเท่าจักรพรรดิ แต่หลินขึ้นเขียนเป็น เพียงหญิงที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้นภายในพวกเขานั้นดูแคลนสถานะ ของนาง

มีเพียงหล่อวิ๋นซ่านดวงตาสั่นไหวด้วยความคิดถึงเมื่อหลินซีน

เยียนเดินออกไป หลินซีนเยียนกลับไปที่ห้องของนางและกินอะไรนิดหน่อยเป็น เพื่อนหนีหว่านเมื่อนางกินเสร็จก็มีคนเคาะประตูเมื่อนางลุกขึ้น

และเปิดประตูนางก็เห็นมเสี่ยวหลง ยืนอยู่ที่ทางเข้าประตู

“เจ้ากลับมาแล้ว” หลินซีนเยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและ หลีกทางให้เสี่ยวหลงเข้าไป

เสี่ยวหลงตอบรับและเข้าไปข้างในดื่มน้ำแล้วพูดว่า “ข่าวที่แม่ นางหลินให้ข้าไปสืบได้ข่าวคราวมาบางแล้ว

“ลองพูดดูสิ” หลินซีนเยียนปิดประตูแล้วมานั่งตรงข้ามเสี่ยว

หลง

“ประเทศหนานเยวและประเทศเป่ยหมิงอยู่ในช่วงสงครามใน ฐานะผู้พิทักษ์แห่งประเทศเป่ยหมิงและยังเป็นหมากตัวสำคัญ ของตอนนี้ แน่นอนว่าเขาต้องเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพทั้งสาม กองทัพของประเทศเป่ยหมิงเข้าใกล้ชายแดนแล้วพูดตาม หลักผู้พิทักษ์ก็ควรอยู่ที่ชายแดนข่าวสารที่จักรพรรดิของเป่ยหมิง ได้รับก็เป็นเช่นนั้นผู้พิทักษ์ประเทศอยู่ที่นั่นแล้ว แต่ว่าคนของเรา ที่อยู่ในเมืองหลวงของเป่ยหมิงพบคนที่ลักษณะคล้ายเคืองกับ ชายผู้พิทักษ์เมือง…” เสี่ยวหลงพูดช้าๆ

“ความหมายของเจ้าก็คือที่จริงแล้วชายผู้พิทักษ์เมืองยังอยู่ใน เมืองหลวงของเป่ยหมิง? “หลินซินเยียนตาเป็นประกาย

เสียงหลงขมวดคิ้วแน่นไม่แน่ใจบางอย่าง “บางทีอาจจะใช่คน ของข้าที่อยู่ในเป่ยหมิงมีน้อยมากข่าวสารนี้ข้าได้มาจากชื่อโหว คนหนึ่งและอีกอย่างที่ทำให้ข้ามั่นใจว่าชายผู้พิทักษ์เมืองอยู่ใน เมืองหลวงก็คือ กงจื้อ ได้ข่าวว่า กงจื่อตัวติดกับชายผู้พิทักษ์ เมืองอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าครั้งนี้อีกงจื่อไม่ตามกองทัพมาด้วยแต่ กลับอยู่ที่เมืองหลวงดังนั้นข้าคิดว่าไม่แน่เขาอาจไม่มาชายแดน ตั้งแต่แรก

“กงจื่อ………นซีนเยียนพึมพำไปมา ใต้หล้านี้ช่างฝีมือที่ สามารถทําอาวุธได้ดีกว่าของศาลาความลับสวรรค์และในชื่อ คำว่า คนอยู่ที่เป่ยหมิง นอกจากนางก็คิดคนอื่นไม่ออกแล้ว แต่ว่า…นางคิดไม่ถึงว่าจะร่วมมือกับชายผู้พิทักษ์เมือง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ