ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่230นางต้องการเป็นนางเอก



ตอนที่230นางต้องการเป็นนางเอก

“ฮูหยิน..ชิงจู่สะอื้นอยู่ในลำคอ ภายในใจโศกเศร้า แทนหลินซินเยียน

หลินซินเยียนหันมาเห็นความเจ็บปวดใจในดวงตาชิงจู่ เพียงชั่วครู่ก็เข้าใจได้ในทันที นางรู้สึกซาบซึ้ง ชิงจู่และ นางไม่ใช่ญาติกัน แต่ในเวลาเช่นนี้ยังเป็นกังวลแทนนาง กลับเป็นสตรีที่มีจิตใจดีงามผู้หนึ่ง

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถิด คราแรกท่านอ๋องของพวก เจ้ายังคิดว่าข้าเป็นหญิงหอนางโลม กลับยืนกรานตบแต่ง ข้าเป็นชายารอง เมื่อเทียบกันแล้วข้าไม่มีสินเดิมก็ไม่เป็นไร กระมัง จะว่าไปข้าก็ลืมไปแล้ว ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทยังเคย รับปากข้าว่าจะมอบบ้านฝั่งภรรยาระดับสูงให้ข้าด้วยมิใช่ หรือ? แต่ทว่าในตอนนี้พ่อข้าก็พบตัวข้าแล้ว เทียบกันแล้ว ฝ่าบาทก็ไม่จำเป็นจะต้องสิ้นเปลืองแรงหาพ่อบุญธรรมให้ กับข้าแล้วไง”

รอยยิ้มของหลินซินเยียนยังคงสุขุม ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ส่งผลกระทบใดๆกับนางเลย แต่มันไม่เป็นไรจริงๆหรือ? บางที คงมีเพียงนางที่รู้ใจตนเอง ว่าในรอยยิ้มนั้นมีความ ขมขึ่นมากแค่ไหน?

ครอบครัวที่ทั้งมีความสุขและความโดดเด่น ใครบ้างที่ไม่ ต้องการ แต่บางสิ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการจะได้มา หากโชค

ชะตาเป็นเช่นนี้แล้ว ยอมฝันกลางวันดีกว่าจะที่เห็นความ

เป็นจริงเร็วๆ
เจ้าของร้านได้เลือกชุดแต่งงานที่เนื้อผ้าคุณภาพไม่เลว นักให้กับหลินซินเยียน หลินซินเยียนเลือกอยู่นานสองนาน ก็เลือกได้ทีเหมาะสมกับคุณภาพและราคา เจ้าของร้านวัด ขนาดของตัวนางเพื่อตัดเย็บ อีกทั้งรับปากว่าภายในสอง วันจะนำไปส่งถึงในจวนอู่เซวียนอ๋องด้วยตนเอง

ถึงแม้แม่ทัพฮูหยินจะรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึกๆ แต่กลับยัง ออกเงินจ่ายแทนหลินซินเยียน ขนาดผืนที่แพงที่สุดก่อน หน้านี้ แม่ทัพฮูหยินยังเต็มใจซื้อให้แก่นาง

อย่างไรก็ตามหลินซินเยียนไม่ได้สนใจที่จะคุยกับนาง

เพียงแค่หลังจากที่ซื้อขายกับเจ้าของร้านเสร็จก็พาชิงจู๋

จากไป โดยที่ตลอดเวลานั้นหลินซินเยียนทำกับนางราว

เป็นอากาศธาตุ หลังจากที่หลินซินเยียนขึ้นรถม้าจากไป แม่ทัพฮูหยินที่ ยืนอยู่หน้าร้านตัดเสื้อก็ถ่มน้ำลายอย่างกักขฬะ “อะไรกัน คิดว่าตนเองได้เกาะอ๋องอู่เซวียนก็คิดว่าสูงส่งนักหรือไง! ก็ แค่นังคนชั้นต่ำ!”

เพียงแค่พูดไปอย่างนั้น แต่ภายในใจแม่ทัพฮูหยินกลับ อดไม่ได้ที่จะคับคั่ง นางได้ใคร่ครวญและก็ฉีกเสื้อผ้าบาง ส่วนของตนเองให้ขาด หลังจากนั้นก็ขยี้จนตาแดง จ้องไป ที่กลุ่มหญิงรับใช้ที่อยู่ข้างๆ “รู้ใช่ไหมว่ากลับไปจวนแม่ทัพ แล้วควรจะพูดอย่างไร?”

เหล่าหญิงรับใช้ต่างมองตาสบตากัน จนในที่สุดก็มีคน ตอบออกมาด้วยความมีไหวพริบ “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ให้พูด ว่าฮูหยินถูกคนอื่นรังแก คุณหนูสี่พบเห็นเข้ากลับช่วยเหลือคนอื่นรังแกฮูหยิน”

แม่ทัพฮูหยินพยักหน้าอย่างพอใจ “ฉลาดนี่!” เหล่าหญิงรับใช้ไม่กล้าที่จะหายใจ ทำได้เพียงแค่พยัก หน้าถี่รัว

แสงอาทิตย์ส่องแสงทะลุผ่านยอดไม้กระทบลงบนผิวน้ำ ในสระ ทอประกายดึงดูดสายตาผู้คน

หลินซินเยียนถืออาหารปลานั่งอยู่ในศาลาริมสระ เมื่อ เหวี่ยงอาหารปลาออกไป ปลาฝูงใหญ่ก็ว่ายเข้ามารวมตัว ในทันที ขนาดของแต่ละตัวนั้นใหญ่จริงๆ

เพียงแต่ว่า ในขณะที่สายตาของนางกระทบลงบนตัว ปลาที่หลากสีสันเหล่านั้น ความคิดกลับลอยออกไปไกล โดยไม่รู้ตัว

ชิงจู่กำลังอุ้มวี่จิ่งเย้าหยอกอยู่ด้านข้าง วี่จิ่งดูเหมือนจะ ง่วงนอนสะลึมสะลือ ตาปรืออยู่สักพักก็ผล็อยหลับไปใน

ท่ามกลางแสดงแดดอันอบอุ่น “ชิงจู่ เจ้าว่าช่วงนี้ท่านอ๋องของพวกเจ้าไม่ว่างเลยหรือ?” ขณะที่หลินซินเยียนลืมตัว พลันได้ถามประโยคนี้ออกไป

โดยไม่ได้ตั้งใจ

โม่จื่อเฟิงหายไปจากสายตาของนางได้สองวันแล้ว คนในจวนอ่องแห่งนี้ล้วนเป็นของเขา นอกจากชิงจู่แล้ว นางรู้สึกว่าคงไม่มีใครที่สามารถจะบอกความจริงกับนาง ได้

แต่เมื่อชิงจู่ได้ยินคำถามของนาง อารมณ์บนใบหน้าเผยความลำบากใจ จนทอดถอนหายใจยาว “หม่อมฉันทราบ ว่าฮูหยินจะถามอยู่นานแล้ว แต่เห็นฮูหยินข่มเอาไว้ ที่จริง หม่อมฉันก็กังวลเพคะ”

“ชิงจู่ เจ้าพูดมาเถิด ความอดทนในใจของข้าแข็งแกร่ง กว่าที่เจ้าคิดเอาไว้มาก” หลินซินเยียนยิ้มที่มุมปากอย่าง ขมขึ่น ด้วยลักษณะที่เฉลียวฉลาด จะเป็นไปได้อย่างไรที่ จะคาดเดาไม่ได้ เพียงแต่นางไม่อยากที่จะเชื่อก็เท่านั้น

นางเคยใคร่ครวญเกี่ยวกับตนเองอย่างจริงจังอยู่หลาย ครั้ง เหตุใดคนยุคสมัยใหม่และมีความรู้ในระดับสูงเช่นนาง ถึงได้มาปะปนอยู่ในยุคโบราณแสนลำบากเช่นนี้ เหตุใดจึง ไม่เหมือนกับนางเอกซีรี่ย์ละครเหล่านั้น ที่มีราศีนางเอกแผ่ รอบๆตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่างก็เหมือนกับการ อัพเกรดและต่อสู้กับมอนสเตอร์ หรือเลื่อนขั้นยกระดับ อะไรทำนองนั้น

แต่ทว่า ความจริงคือสิ่งที่โหดร้าย เรื่องของโชคชะตาจะ เป็นไปอย่างไรก็ล้วนขึ้นอยู่กับตัวนาง

กล่าวได้ว่าที่แห่งนี้ให้ความสำคัญแก่ผู้ชายมากกว่าผู้ หญิง ผู้หญิงไม่สามารถออกไปทำงานเลี้ยงชีพข้างนอกได้ หากไม่ได้การยอมรับจากครอบครัวฝั่งสามี นี่ไม่ใช่สิ่งที่ นางจะเปลี่ยนแปลงได้โดยลำพัง ก็เหมือนกับนัก วิทยาศาสตร์ตะวันตกในศตวรรษที่สิบแปดเป็นที่ชัดเจนว่า พวกเขามีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขั้นสูง แต่ในแนวคิดของคนธรรมดาสามัญที่ล้าหลังและ ขาดความรู้ พวกเขาคือปีศาจที่จะต้องถูกเผาตายทั้งเป็น!
มีสักเท่าไหร่ที่เข้าใจความเป็นจริง นักวิทยาศาสตร์กลับ ไม่ได้รับการยอมรับและถูกอาฆาตจนกระทั่งตายลง ความ สามารถของพวกเขาไม่เก่งพอ? หรือแนวคิดของพวกเขา ยังไม่สูงขั้นพองั้นหรือ?

ถ้าหากคุณทำงานในบริษัท เวลาที่ประชุมงาน คุณจะคิด ว่าความคิดของตนนั้นถูกต้อง แต่นอกจากตัวคุณแล้วทุก คนล้วนไม่เห็นด้วย ในกรณีนี้ถึงแม้คุณจะเข้าใจความเป็น จริงของคนนั้นๆ แต่ผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายนั้นไม่ต่างจาก ความล้มเหลวใช่หรือไม่?

ปัจจุบันหลินซินเยียนเข้าใจความรู้สึกนี้อย่างลึกซึ้ง! แนวคิดของผู้คนในสังคมนี้ยังหยุดอยู่ที่ยุคสมัยระบอบ ศักดินา หากนางออกไปแสดงทัศนคติของตนในขณะที่ยัง ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งระดับสูง นั่นไม่ใช่การหาเรื่องตาย หรือ?

ความคิดของนางนั้นสับสน รออยู่นานก็ไม่เห็นชิงจู่เอ่ย ปาก จึงส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “ช่างเถอะ เจ้าจงรักภักดี ต่อท่านอ๋อง ไม่มีความผิดแต่อย่างใด”

“ฮูหยิน.” คำพูดของนางกลับทำให้ภายในใจชิงจู่รู้สึก ผิดมากยิ่งขึ้น ชิงจู่ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงกัดฟันเอ่ยปาก “ฮูหยิน หนึ่งบุรุษ สามภรรยา สื่อนุฯมันธรรมดาอย่างมาก แค่ในใจ ของท่านอ๋องมีเพียงท่านก็น่าจะพอแล้วนะเพคะ”

ดูเถิด ไม่ว่าใครก็ล้วนคิดเช่นนี้ ตัวตนอย่างนางสามารถ ได้รับความโปรดปรานจากโม่จื่อเฟิงก็นับว่าเป็นความ เมตตาของสวรรค์แล้ว ถ้าหากนางต้องการไปมากกว่านี้ มี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ