ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 492 บทสรุปครั้งยิ่งใหญ่ (สอง)



ตอนที่ 492 บทสรุปครั้งยิ่งใหญ่ (สอง)

ท่ามกลางความมืดสลัว ราวกับว่ามีแสงพาดผ่านจากบริเวณ สายตา โสดหู มีเสียงบาดแก้วหูดัง “โครงเคร่ง” กับอีกเสียงที่ดัง “ปัง” ขึ้นในเวลาเดียวกัน เสมือนว่าอาวุธแหลมคมเสียบทะลุ แทรกเข้าผิวหนังก็ไม่ปาน และประดุจกระสุนฝังเข้าในร่างกาย นุษย์ ต่อให้ไม่ได้มองเห็นด้วยตา แต่ยังสามารถรับรู้ได้ถึงฉาก นองเลือด

“ผู้หญิงของข้า ข้าจะปกป้องด้วยตัวเอง”

น้ำเสียงอันแสนคุ้นเคย โทนเสียงอันแสนคุ้นชิน ก็ดังทะลุเข้า โสตหูของหลินซีนเยียนในฉับพลัน นางเปิดเปลือกตาอย่างเร่ง รีบ และก็ได้เห็นคนที่พริ้มพรายคนนั้นจริงๆ

นางไม่ได้เอ่ยค่า ทําเพียงจ้องเขาอย่างนิ่งงัน แววตาลุกโชน ราวกับนึกอยากมองทะลุผ่านร่างกายของเขาก็ไม่ปาน

“เป็นอะไรเล่า เจ้าจ๋าข้าไม่ได้แล้ว?” มุมปากของไม่จื่อเพิ่งกระ ทุกรอยยิ้มบางเบา คำเรียกขานก็เปลี่ยนจากอ๋องเป็นข้าไปแล้ว

หลินซีนเยียนยังคงจ้องเขาแน่นิ่งอย่างโง่เง่า บนใบหน้าไม่มี การแสดงออกเลยแม้เพียงสักนิด มีเพียงแววตาที่ทอประกาย บ วันมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่จื่อเฟิงสวมชุดสีดำยาว ในมือถือดาบยาวเล่มหนึ่ง ปลาย ดาบยังคงมีเลือดสดหยดติ้งๆ ลงเบื้องล่าง บริเวณเท้าของเขาคือทรงเย่ นอนจมกองเลือดอยู่ สีหน้าก่อนตายของทรงเคือ ความตระหนักและความเหลือเชื่อ ส่วนด้านหลังกายของเขามี เสี่ยวหลงยืนอยู่ เสี่ยวหลงถือปืนพกเอาไว้ ปากกระบอกปืนยังคง มีเขม่าควันสีขาวจางๆ อยู่

“สตรี ดูพอแล้วหรือยัง” ไม่จื่อเพิ่งทอดถอนใจ ยื่นมือออก ดึง เอาหัวไหล่ของหลินซีนเยียนเบาๆ ให้นางโถมเข้าสู่อ้อมอก

แผงอกอันแสนคุ้นเคย กลิ่นหอมคละคลุ้งอันคุ้นชิน เสียงอัตรา การเต้นหัวใจอันคุ้นเคย ทำให้หลินขึ้นเขียนค่อยๆ ควานหาสติก ลับมาจากความงงงวย ริมปากของนางขยับ มีคำถามมากมาย มี อีกมากมายที่อยากเอ่ย ทว่าเมื่อปริปาก กลับเอ่ยอะไรออกมา ไม่ได้เลย นางทําเพียงก้มหน้าให้น้ำตาไหลอาบแก้ม ครูต่อมา นางก็เขย่งปลายเท้าขึ้นไปกัดปลายคางของโมจื่อเฟิง

“ผู้หญิงสมควรตาย พอเจอหน้าก็กัดข้าเชียวหรือ” โม่จื่อเฟิง สบถ า ท าบนใบหน้ากลับเปื้อนยิ้ม ในรอยยิ้มนั้น คือความ ทะนุถนอมและพึงพอใจ

หลินซีนเยียนกลับไม่ผละปาก ยังกัดเอาเป็นเอาตาย จน กระทั่งปลายลิ้นคละคลุ้ง นางจึงค่อยๆ และปล่อยคางของเขา อย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก

โม่จื่อเฟิงกลับยิ้มอย่างเจิดจรัสมากขึ้นเรื่อยๆ นางเพิ่งจะผละ ปาก นิ้วมือของเขาก็กุมปลายคางของนาง พลางกล่าวเสียงต่ำ “เจ้ากับพอแล้ว ข้ายังไม่ได้ทํา…

เสียงเพิ่งสิ้นสุด ปากของไม่จื่อเฟิงก็ครอบครองบนเรียวปากของหลินซินเยียน เพียงแต่ การกระทำของเขาที่ดูเหมือนรุนแรง ป่าเถื่อน ความเป็นจริงแล้วกลับอ่อนโยนดุจธารา เขานึกอยาก ใช้เรี่ยวแรงกลืนกินนางเข้ากลางท้อง ทว่ากลับทำใจใช้แรง แม้แต่นิดไม่ได้เลย เกรงว่าการกระทำอันรุนแรงแม้แต่นิดเดียว อาจจะทำให้นางบาดเจ็บได้

ทั้งสองสอดประสานกันท่ามกลางหมอกหนาอยู่อย่างนั้น กลิ่น คาวเลือดรอบบริเวณราวกับสลายกลายเป็นบรรยากาศอันแสน พิศวงที่ดินอยู่ พวกเขาลืมเลือนทุกอย่างรอบด้าน ทำเพียงดิ่ง ลงสู่ท่ามกลางความปรีติยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง

ขอบตาของเสี่ยวหลงรื้นชุ่ม เขาที่ยังไม่ทันเป็นฝั่งฝา เอียงหน้า ออกอย่างค่อนข้างเหนียมอาย

หล่อวิ๋นซ่านที่นอนแผ่อยู่บนพื้นแววตาก็มืดดับลงไปโดย สมบูรณ์ เขาประดุจคนตายแล้วก็ไม่ปาน นอนแผ่หลา ปล่อยให้ โลหิตสดไหลออกจากบริเวณข้อเท้าไม่หยุดหย่อน เขากลับไม่ได้ มีวี่แววนิกอยากจะจัดการกับปากแผลแต่อย่างใด ในลำแสง สว่าง ล้วนเป็นเงาร่างของโม่จื่อเฟิงและหลินซีนเยียนกำลังรัก โลมกัน มีอยู่ชั่วขณะนั้น บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏแววหนึ่งที่ เรียกว่าสิ้นหวังออกมา

บางที ของบางอย่าง ตอนที่เผชิญกับด้านซึ่งโหดร้ายที่สุดก็ถูก เขาปล่อยวางไปแล้วกระมัง

เนิ่นนาน เนิ่นนาน ไม่จื่อเฟิงและหลินซีนเยียนจึงผละปล่อย อย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก
หลินซินเยียนสูดลมหายใจเฮือกแรง แต่กลับกำหมัดและทุบ เข้าบนแผงอกของไม่จื่อเฟิง พร้อมกล่าวด้วยเสียงคำราม “ทุกสิ่ง นี้สรุปว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ท่านไม่พูดกับข้าให้ชัดเจน ข้ากับ ท่านไม่จบแน่!

“เจ้าเป็นภรรยาของข้า ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่จบกับข้าเป็นทุนเดิมอยู่ แล้ว ขายังต้องกลัวเจ้าอยู่อีกเชียวหรือ” ไม่จื่อเพิ่งยิ้มบาง ในน้ำ เสียงดุดัน แววตาอบอุ่น แต่กลับเริ่มต้นปริปากอธิบายต่อนาง แช่มช้า

ที่แท้ ไม่จื่อเฟิงต้องคำสาปนั้นเป็นเรื่องจริง พิษประหลาดบน เรือนกายเขาก็เป็นเรื่องจริง และทั้งสองสิ่งที่จำเป็นต้องใช้วิ่งยะ เยือกแห่งตระกูลหรงจึงจะสามารถกดทับได้เป็นเรื่องจริงยิ่งกว่า ตระกูลทรงคือสถานที่แบบไหน ก็คือสถานที่กินคนไม่ขย้อน กระดูก เขา ในเมื่อก่อน เป็นคนที่ไร้จุดอ่อน เท้าเปลือยเปล่าไม่ กลัวการต้องสวมเกือก ตระกูลหนึ่งไม่อาจบงการเขาได้ ทว่า ปัจจุบัน เขามีหลินซีนเขียน ดังนั้นจะให้คนในตระกูลล่วงรู้การมี ตัวตนของนางได้อย่างไร

ดังนั้น จึงมีละครฉากที่เขาตะเพิดและหย่าเมียฉากนั้นขึ้น

เขาพาหนีหวานมายังตระกูลหรง หากไม่อยากร่างระเบิดตาย กลางบึงยะเยือก ก็จําเป็นต้องใช้หญ้าออนอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าตอนที่ช่วงชิงหญ้าออนนั้นถูกหลินขึ้นเขียนทำแผนแตก ด้วยความเข้าใจผิด เขาไม่เต็มใจวิวาทกับนาง ยิ่งรู้ถึงตำแหน่ง ของอี้เชิงกลางดวงใจนางนาง ยิ่งไม่อดกลั้นจะช่วงชิงโอกาสของ การมีชีวิตของเชิงได้เลย
ณ เวลานั้นเขาทําได้เพียงลองเสี่ยงอันตรายกับบึงยะเยือกสัก ครั้ง ผู้ใดจะรู้บางทีอาจเป็นความเวทนาจากเบื้องบน ท่านหมอที่ มกรอกยาแก่ เชิงคนนั้นยังมีความเห็นแก่ตัว แอบขโมยหญ้า ออมส่วนเล็กๆ เอาไว้ ช่วงเวลาความเป็นความตาย เสี่ยวหลง ได้ส่งหญ้า ออนถึงมือของเขา ดังนั้น เขาจึงสามารถรักษาชีวิต เอาไว้ได้

“เช่นนั้นหนีหว่านเล่า ถ้าหากว่าการตายของท่านเป็นเพียงแค่ ละครตบตา เช่นนั้นไฉนจึงต้องให้หนีหว่านทนทุกข์เพียงนั้นด้วย หลินซ๊นเขียนอดถามไม่ได้

โมจื่อเฟิงกลับทอดถอนใจยาว ในน้ำเสียงเองก็มีความเวทนา อย่างหาที่สุดไม่ได้ ตอนนั้น มีเพียงหนีหว่านที่ตามข้าเข้าสู่ตระ กูลหรง หากอยากได้รับความเชื่อใจจากหมาป่าเฒ่าทรงเยู่ตัวนั้น ไม่ใช้ทักษะสักหน่อยจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ถ้าหากในฐานะผู้ ใต้บัญชาที่ข้าวางใจที่สุด ล้วนไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก เช่นนั้นละคร ฉากนี้ ยังจะแสดงต่อไปได้อย่างไรกัน

“ก็เพื่อได้รับการเชื่อใจจากหมาป่าเฒ่าตัวหนึ่ง ก็เลยให้หนี หวานได้รับของเหล่านั้น… ในใจหลินขึ้นเยียนยังคงโกรธแค้น ไม่สงบ

ไม่จื่อเพิ่งโอบนางเข้าสู่อ้อมอก ในลำคอส่วนลึกเองก็มีก้อน สะอื้น “ซีนเยียน เชื่อข้า ถ้าหากมีวิธีอื่นล่ะก็ ข้าเองก็ไม่อาจทำใจ ให้หนีหว่านทนทุกข์เพียงนั้น ตอนนั้น นายน้อยตระกูลทรง ต้องตานางเข้าให้ หลังจากที่ข้าแกล้งตาย นายน้อยตระกูลหนึ่งก็ ลงมือกับนาง ตอนนั้น หากว่านางคัดค้าน ทุกอย่างก็จะอลหม่านแน่แล้ว ขาเองก็ฝึกฝนตั้งหลายปี ก็รอให้ตระกูลตรงกับสูญ จะให้ เกิดอุบัติเหตุใดๆ ในช่วงเวลาสำคัญได้อย่างไรกันเล่า

หลินซีนเยียนให้ได้สุ่มเสียง เมื่อนึกถึงความน้อยเนื้อที่หนี หวานได้รับหัวใจของนางก็คงปวดเกร็งอย่างสาหัส

ซีนเยียม เจ้าคิดว่า แค่ใช้พละกำลังของเจ้าคนเดียว จะ รวบรวมกองกำลังของตระกูลเร้นลับเหล่านี้ของตระกูลทรงได้ ขนาดนั้นจริงๆ หรือ ต่อให้เจ้าศึกษาวิจัยดินปืนออกมาแล้ว ทว่าเรือนหลักตระกูลหนึ่งมีการคุ้มกันมากหลายปีเจ้าจะสามารถ ติดตั้งระเบิดดินปืนตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ ยังมีอีก ตลอด เส้นทางนี้ เจ้าคิดว่า แค่เจ้ากับคนใต้บัญชาของเสี่ยวหลงไม่กี่คน นั้น ก็จะสามารถทำเหตุสุดวิสัยอันน่าเชื่อถือจนหมาป่าเฒ่านั้นได้ หรือ”

คําว่าเจ้าคิดว่าติดต่อกันของโมจื่อเฟิง ทำให้หัวใจของหลิน ซีนเยียนเต้นตึกตัก เดิมทีนางยังคิด ผู้ใต้บัญชาของเสี่ยวหลง ช่างเก่งกาจเสียจริง เหตุสุดวิสัยทุกครั้งที่ทำล้วนแยบยลปานนั้น ตอนนี้ดูท่า เกรงว่าทุกอย่างล้วนเป็นผลลัพธ์ที่ไม่จื่อเพิ่งวางแผน ไว้ล่วงหน้าหมดเสียแล้ว

“เจ้าแค่ลงมือกับตาระกูลหรง แต่ว่าขากลับกระทำร่วมกันกับ ตระกูลหลี่และตระกูลหลิง แผ่นดินใหญ่นี้ กองกำลังเหล่านี้ของ พวกเขาล้วนมีอยู่นานมากพอแล้ว” ไม่จื่อเฟิงกล่าวอย่างเนิบ นาบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ