ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 473 เท่านอ



ตอนที่ 473 เท่านอ

ในเวลาต่อมาเสี่ยวหลงใช้วิชาตัวเบาถอยหลังไปเรื่อยเปื่อย ยังมี ผู้วรยุทธ์จากสามตระกูล และผู้คนที่ตอบสนองได้ไว ส่วนมากจะ เป็นผู้อาวุโสทั้งหลายของทุกตระกูล

พบเพียงแค่เงาคนสิบกว่าคนที่อยู่รอบๆเสี่ยวหลงหล่นตกไป อย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นบรรยากาศก็เคร่งขรึมขึ้นมาโดยสิ้น เชิง เพราะว่าครั้งนี้ นอกจากสิบกว่าคนนี้ คนอื่น ๆ และอู ล้วนล้ม ลงบนพื้นทราย

“ตกลงว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่” ดวงตาของหลิงสู่แดงก่ำ มอง ไปทางทรงเย่อย่างโหดเหี้ยม ความหมายนั้นชัดเจนมาก เหมือน กับกำลังซักถามเขาว่าใช้วิธีการเลวร้ายอันใดจึงได้ทำเรื่องนี้ เกิดขึ้นมาได้

“หลิงสู่! เจ้ามองข้าเยี่ยงนี้หมายความว่าเยี่ยงไร หรือว่ามี

เพียงคนของตระกูลหรงของเจ้าที่ได้รับบาดเจ็บและตายหรือไร?

ข้าทรงเยถ้าเป็นคนทําร้ายพวกเจ้า ก็ไม่ใช้ชีวิตคนตระกูลทรง

ของเรามาแลกกับชีวิตคนของตระกูลหลิงพวกเจ้าหรอก! เป้า

หมายครั้งนี้ของพวกเราคือค้นหาสมบัติ ทําให้คนล้วนตายกันที่นี่

จะไปหาของล้ำค่ากันยังไง? เจ้า ใช้สมองของเจ้าลองคิดทบทวน

ดู ข้าจะทำเยี่ยงนั้นหรือ?”

ทรงเยถึงแม้อยากทำลายคนของตระกูลหลิงให้ตาย แต่ก็ สามารถแยกแยะหนักเบาได้ โดยเฉพาะคนของตนได้แลกให้กับที่นี่ไปมากมายนัก ในใจเขาที่เจ็บปวดนั้น ที่โกรธแค้นนั้น ไม่ น้อยไปกว่าหลังสู่เลยแม้เพียงครึ่ง

หลังได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สีหน้าสงสัยก็เบาลง แต่กลับมองไป ทางหลอนซ่านอีกครั้ง แล้วกล่าวด้วยเสียงคำราม “หลอนซ่าน บิดามองดนตระกูลหลี่ของเจ้าเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บล้มตาย น้อยที่สุด…..

หล่อนซ่านถึงแม้จะยังอายุน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามวันนี้ก็ คือประมุขคนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ตกใจพลังอำนาจของหญิงสู่แม้แต่ น้อย เพียงแค่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็น กล่าวว่า : “ประมุขหลิงอ ย่ากัดคนมั่วซั่ว เจ้าน่าจะดูให้รอบคอบ คนตระกูลหลของข้าถึง แม้จะบาดเจ็บล้มตายน้อยสุด แต่ก็เพราะว่าคนตระกูลหลของข้า เดินอยู่หลังสุด ฉะนั้นจึงสามารถมีเวลามากขึ้นในการถอยหนี ไหน ๆ ก็พูดแล้ว ให้พวกเราตระกูลหลี่เดินอยู่หลังสุด ไม่ใช่ผล จากที่พวกท่านสองตระกูลปรึกษาหารือกันหรอกหรือ พวกท่าน อย่าลืมว่าเมื่อคืนวาน พวกเราตกลงความคิดเห็นตรงกันตลอด ว่าผู้ที่เดินด้านหน้าก็สามารถมีสิทธิ์เข้าไปในแหล่งขุมสมบัติ เพื่อ เลือก ได้ก่อน”

ในแหล่งขุมสมบัติไม่ใช่แค่มีแค่สมบัติแค่ถ้ำเดียวแน่นอน จะ ให้แบ่งส่วนทั้งหมดของสมบัติก็ไม่รู้สภาพตามความจริง ดังนั้น สามตระกูลใหญ่ก็ได้ตกลงความคิดเห็นตรงกันว่าขบวนที่เดินอยู่ ด้านหน้าสุด ก็จะพบเจออันตรายมากสุด ดังนั้นมีคุณสมบัติเลือก ได้ก่อน ขบวนที่เดินอยู่ด้านหลังพบเจออันตรายน้อยที่สุด ดัง นั้นก็ได้เลือกถ้ำทีหลัง
ตำแหน่งด้านหน้าและตรงกลางถูกตระกูลทรงและตระกูลหลัง เลือกแล้ว หล่อนานไม่มีโอกาสเลือกโดยสิ้นเชิง แต่ว่า โชคดีที่ เขาบนเรื่องราวนี้ไม่ต้องไปต่อสู้กับสองตระกูลนั้น เพราะว่าตาม ความคิดของหลินซินเยียน ในใจของเขาก็น่าจะระมัดระวังอยู่ มาก ได้แต่รู้สึกตลอดว่าเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ธรรมดาอยู่บ้าง

หลังจากหลอนซ่านเอ่ยขึ้น หลังและทรงเยทั้งสองก็ไม่ได้ รู้สึกอึดอัดใจอีก เลยกลายเป็นไม่มีค่าใดจะพูด

“ทุกท่านอย่าทะเลาะกันอีกเลย ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโต้เถียง กัน ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจัดการให้แน่ชัดว่าจริง ๆ แล้วเกิด อันไดขึ้นกันแน่ คนของพวกท่านล้วนยังล้มลงบนทรายแล้ว กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดกันอยู่ ถ้าพวกเรารีบจัดการให้แน่ชัดว่า เรื่องราวเกิดขึ้นได้เยี่ยงไร บางทีอาจจะสามารถช่วยชีวิตพวกเขา กลับมาได้” หลินซีนเขียนพูดออกมาในเวลาที่เหมาะสม ขัดขวาง การโต้เถียงอย่างต่อเนื่องของสามตระกูลใหญ่ไว้ได้

ทรงเย่มีน้ำเสียงไม่พอใจออกมา ข้างหลังของเขาเหลือเพียง แค่ผู้อาวุโสสี่ห้าท่าน เขาขมวดหัวคิ้วถามผู้อาวุโสเหล่านั้น : “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น

ผู้อาวุโสเหล่านั้นล้วนส่ายหน้าพร้อมกัน พวกเขามีสีหน้าที่ มึนงงเช่นกัน มองอีกทีคนพวกนั้นส่วนมากเริ่มหายใจออกมาก หายใจเข้าน้อยกันแล้ว สีหน้ายังเริ่มค่อยๆเป็นสีดำ คนกำลัง สืบหาสาเหตุอยู่กล่าวว่า : “อาการของพวกเขาดูเหมือนกับว่า คล้ายจะถูกพิษ”
หลังสู่ก็กำลังสอบถามคนที่อยู่ข้างตนเอง สถานการณ์ของเขา ไม่ได้ดีไปกว่าทรงเย่เท่าไหร่นัก ข้างหลังก็เหลือเพียงคนที่วรยุทธ์ ไม่เลวเพียงกี่คน คนเหล่านั้นก็พูดไม่ได้ว่ามาด้วยเหตุผลอันใด

ข้างหลังของหล่อนซ่านยังเหลืออีกสิบกว่าคน แต่ว่าครั้งนี้ตน ที่เขาพามาวรยุทธ์เดิมทีก็ไม่เท่าคนของทรงเยและหญิง อายุ เหมือนก็จะยังน้อย ดังนั้นก็ไม่ชัดเจนว่าเกิดอันไดขึ้น

“อาจารย์ลุง ท่านมองว่าเป็นเยี่ยงไร?” หล่อขึ้นซ่านไปถามหล หาย ในบรรดาคนเหล่านี้ ผู้ที่คุ้นเคยกับเขตทะเลทรายที่สุดก็คือ หลี่หาย เขาเคยอาศัยอยู่ในทะเลทรายมาก่อน

หลหายเดินไปข้างหน้าไม่กี่เก้าอย่างระมัดระวัง หลังจาก เข้าไปใกล้เพื่อมองดูดวงตาคนพวกนั้น หัวคิ้วบีบตึง กล่าวด้วย สีหน้าหนักใจ “พวกเขาดูแล้วเหมือนจะถูกเฉ่านจอทำร้าย

“เฉ่า น อ?” หลอนซ่านเหมือนกับไม่เคยได้ยินสิ่งนี้มาก่อน กลับกันสีหน้าของหลังและทรงเยสองคนนั้นมีความ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

อย่างไรเสียคนที่มีชีวิตมาครึ่งชีวิตแล้ว อีกทั้งเป็นประมุขของ ตระกูลแห่งหยินชื่อเห็นมามากมามาก หนังสือที่สะสมไว้ใน ตระกูลมีมากมาย ในหนังสือที่บันทึกสิ่งที่แปลกประหลาดไว้มาก เช่นกัน

“เจ้าหมายถึงสิ่งที่เป็นพิษที่สุดในทะเลทรายที่ได้หายสาบสูญ ไปหลายสิบปี เฉ่านจื่อ?”หรงเย่เหมือนจะไม่เชื่อ แม้แต่น้ำเสียง ก็ดูเพี้ยนไปด้วย
หลังก็ทำน้ำเสียงเยาะเย้ย แล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มเย็น “เจ้า อย่าพูดจาเหลวไหลแถวนี้ เจ้าขึ้นชื่อผู้นั้นหายสาบสูญไปหลาย สิบปี แล้วจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้เยี่ยงไร?”

“ประมุขหลังพูดเยี่ยงนั้น หลายสิบปีไม่มีคนพบเจอ ก็ไม่ได้ แปลว่าเจ๋าซินจื่อหายสาบสูญไปสิ้นเชิง แล้วก็อย่าลืมคนที่โดน พิษของเฉ่านจื่อ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ บางทีอาจจะมีคนพบเจอมากมาย แต่ว่าล้วนตายหมดแล้วละ?” หลี่หายไม่เกรงกลัวหลงสู่และทรงเย่เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไร ก็ตามเขาก็เป็นผู้อาวุโสของตระกูลหลี ในฐานะนี้ เขามีเหตุผล พอที่จะไม่รู้สึกด้อยกว่า

ทรงเยส่ายหัว น้ำเสียงไม่ดีนัก “เจ้าพูดว่าพวกเขาถูกพิษของ เฉ่าซินจื่อ เป็นไปได้ว่าเจ้าเคยเจอเฒ่าซินจื่อตัวจริงแล้ว? ”

หลี่หายเสียงเย็น น้ำเสียงไม่ดีกว่าทรงเย่มาก “แท้จริงเป็น เรื่องบังเอิญ ข้าเคยเจอครั้งหนึ่งจริง ๆ” เขาพูดไปพร้อมกับชี้ตรง คนที่ล้มลงบนพื้นที่อยู่ใกล้พวกเขา กล่าวว่า “พวกเจ้าดูดวงตา ของพวกเขา ถูกพิษของเฉ่าซินจื่อดวงตาจะออกเหลือง แล้วริม ฝีปากยังมีสีม่วงอมแดง และก็ยังมี พวกเจ้าดูบนรองเท้าของเขา มีเม็ดยาขนาดเท่าเมล็ดข้าวอยู่ใช่หรือไม่?”

ทุกคนมองไปตามทิศทางที่เขาชี้ เห็นบนร่างกายของคนที่ล้ม ลงบนพื้นนั้นไม่ว่าจะมีมากมีน้อยล้วนมีเม็ดยาอยู่จริง ๆ

หลี่ห่ายกล่าวอีก “พวกเจ้า ด้านหน้าสุดอีก ตรงนั้นมีก้อนหิน ใหญ่ใช่หรือไม่?”
“นจื่อหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางก้อนหินใหญ่ ขึ้นชื่อเข้าใจการ เปิดลม ให้กลายเป็นเม็ดกลมๆ ทรงเยอดไม่ได้ที่จะท่องบท บรรยายหนึ่งที่เคยอ่านในหนังสือโบราณที่เขียนเกี่ยวกับคำพูด ของเจ้าซินจือ ท่ามกลางใบหน้างดงาม ในที่สุดก็เกิดความรู้สึก หวาดกลัวขึ้นมา

“ประมุขทรงความรู้ลึกซึ้งและกว้างขวางยิ่งนัก” หลี่หายพูดซึม

ชม แล้วจึงค่อยๆอธิบาย กล่าวว่า “ใช่แล้ว เฉาในจื่อมีชีวิตอยู่

ท่ามกลางก้อนหินใหญ่ หลังจากคุ้นเคยการพบลมแรง ต้นไม้จะ

ประทุแตก ท่ามกลางต้นไม้ก็มีเจ้าซินจอกลิ้งออกมา โปรยเมล็ด

ข้าวเหมือนจะเล็กใหญ่ แต่เมื่อได้สัมผัสแล้วก็จะถูกพิษ แล้วก็ยัง

ไม่มียารักษาอีก”

สายตาของทรงเย่กับหลิงสู่เสมือนคบเพลิง สถานที่ไกล ๆ เสมือนกับมองเห็นท่ามกลางก้อนหินใหญ่ตรงนั้นมีต้นไม้ที่ประทุ แตกจริง ๆ ดังนั้นท่ามกลางเวลานี้ ทุกคนก็ค่อยค่อยยอมรับคำ พูดของหลี่หายที่พูดเกี่ยวกับเผ่าซินจื่อแล้ว

“ถ้าพบเจอเฉ่าซินจื่อจริง ๆ แล้วละก็ เยี่ยงนั้น………ครั้งนี้ก็เป็น เพียงอุบัติเหตุแล้ว” หลินซีนเยียนถอนหายใจเงือกหนึ่ง บน ใบหน้าเต็มไปด้วยผู้คนเหล่านั้นที่อยู่บนพื้น ผู้คนที่น่าสงสาร อีก คนต่อสู้รับมืออยู่ อีกคนไม่มีลมหายใจแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ