ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 445 สถานการณ์พลิกผัน



ตอนที่ 445 สถานการณ์พลิกผัน

องครักษ์หลายนนายได้ยินคำมั่นที่โจวเฉิงมอบให้ แต่ละคนก็ แสดงออกถึงความตื่นเต้น มีผู้ชายสองคนโห่ร้องโถมเข้าสู่ ทิศทางของ โจวเจ๋งอย่างฉับพลัน

สนามการประลองมีดดาบของจริงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ฝูงชนที่รับชมจากละครอยู่ข้างสนามก็ส่งเสียงเป็นกำลังใจกัน กึกก้อง เสียงที่ดังวนไปมาทำให้ทั้งงานเลี้ยงเสมือนกับถึงจุด รุ่งเรืองที่สุด

ภายในมุม ดวงตาของหลินซีนเยียนหรี่ลงเล็กน้อย มองไปทาง เชิงที่อยู่ยังตำแหน่งหลักโดยไม่รู้ตัว ประสบกับเชิงเองก็มอง มาทางนางด้วยพอดี ยังส่งสายตาไปทางสวีห้าวที่สีหน้าเป็น กังวลอยู่

สวีห้าวพยักหน้า ให้ เชิงด้วยความสงบเงียบ ตัวเองก็เอน ใกล้ ข้างกายของหลินขึ้นเยี่ยนมากขึ้น มือหนาลูบดาบยาวใต้โต๊ะ อย่างไร้สุ่มเสียง

เช่นเดียวกับตอนที่โจวเฉิงและองครักษ์หลายนายกำลังกัน อย่างเมามัน หนึ่งในองครักษ์นายหนึ่งที่แต่เดิมไม่ได้ใช้กำลัง เพื่อการวิวาทก็พลันปะทุขึ้น จากนั้นก็ขว้างปืนยาวออกไป เปลี่ยนเป็นกริชคมกับเล่มหนึ่ง กริซนั้นส่องแสงเย็นวาบ พลันก็ เสียบเข้ายังได้เอาของโจวเจ๋ง

“เจ้าหมอนี่ แอบซุ่มโจมตี!” โจวเจ๋งมุ่นเครื่องหน้า แต่กลับไม่ได้ใส่ใจเขาในฐานะขุนพลย่อมรู้หลักการยุทธศาสตร์หลวงทาง ทหารดู เขาเอื้อมมือไปก็คว้าเอาองครักษ์นายหนึ่งมาบังไว้ด้าน หน้าของตนเอง แต่เดิมคิดว่าแบบนี้ก็ปลอดภัยไร้ห่วง ใครจะรู้ว่า องครักษ์ ชูกริช นนั้นกลับไม่ได้เคลื่อนไหวช้าลงสักนิด แต่กลับ ยิ่งเพิ่มความเร็วมาปักกริชเข้าเร็วกว่าเก่า

กริชถูกเสียบเข้าที่ต้นขาขององครักษ์ที่โจวเจ๋งใช้เป็นโล่กำบัง จากนั้นก็ทะลุเข้ามาที่ท้องส่วนล่างของ โจวเจ๋ง!

เดิมที กริชเล่มนั้นก็เป็นคนซ่อนคม ภายในกริชนั้นยังซ่อนใบ มีดแหลมอยู่!

โจวเฉิงรู้สึกว่าท้องน้อยเจ็บระบม จึงผลักองครักษ์โล่กำบัง ออกดูสักหน่อย ท้องน้อยของตัวเองมีเลือดสดไหลออกมา เพียง แต่เลือดนั่นกลับไม่ใช่สีแดงสด แต่เป็นจําพวกสีแดงคล้ำนํา เหมือด

“มีพิษ!” ฉับพลันโจวเฉิงก็ตระหนักขึ้นได้ เรื่องราวได้อยู่นอก เหนือขอบเขตการควบคุมของตัวเองแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นมา ตะโกนเสียงลั่น “มีผู้บุกรุก!

เพียงแต่เสียงพูดของเขาเพิ่งสิ้นสุด ทั้งกายเขาก็ชวนเซลงบน พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง พิษนั่นร้ายกาจกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ เสียอีก แต่ว่าเพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีก็ทำให้เขาทั้งคนล้มอย่างหมด แรงได้ และตอนที่ล้มลง ก็รู้สึกว่า โลกหมุนเปลี่ยนเวียนไปแล้ว ได้ ซึ่งหนทางบังคับร่างกายของตัวเอง โดยสิ้นเชิง

ในรอบงานเลี้ยงมีคนสนิทของโจวเฉิงจำนวนมาก ได้ยินเสียงกู่ร้องของโจวเฉิงก็พลันตอบสนองกลับมา ขบวนทหารกรเข้า มากลางแท่นเริ่มห้อมล้อมองครักษ์ไม่กี่นายเอาไว้ เหล่า ข้าราชการราวกับไม่ได้คาดการว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ดัง นั้นต่างฝ่ายต่างหนีเอาตัวรอดอลหม่าน

ในขบวนคนสนิทของโจวเฉิง ก็มีแม่ทัพเจนสนาม ไม่นานก็ ขบวนทัพทหารมาล้อมงานเลี้ยงไว้ แต่น่าเสียดาย ตอนที่คนของ เขาเคลื่อนไหวนั้น แม่ทัพจํานวนมากก็ลอดออกมาจากปากทาง เข้าสวนดอกไม้ แต่บนรอบกำแพงก็ปรากฏพลธนูเตรียมยังอยู่ แล้ว

ถึงเวลาเช่นนี้ ใครก็ยังไม่รู้ งานเลี้ยง ในวันนี้จะกลายเป็นกับ ดักที่คนอื่นตั้งเอาไว้

โจวเฉิงท่ามกลางความพร่ามัวมองเห็นฉากเช่นนี้ พ่นกระอัก เลือดสดออกมาอีกครั้ง เขาไร้แรงขยับ ทําได้เพียงมองไปทางที่ เกิดเหตุอย่างตาเบิกโพลง ที่ที่เดียวซึ่งไม่ได้เกิดความวุ่นวาย ใดๆ ก็คือคนที่นั่งอยู่บนแท่นหลักของฮ่องเต้โดยตลอด เชิง

“เป็นเจ้า?” โจวเฉิงกัดฟันกรอดโพล่งถามประโยคนี้ออกมา

เด็กหนุ่มที่อายุเพียงสิบกว่าปีคนหนึ่ง ท่ามกลางการเผชิญหน้า กับความสับสนวุ่นวายสีหน้ากลับไม่แปรผัน ทำเพียงมองโจวเจ๋ง ที่ทรุดล้มกับพื้นในฉากรบอย่างเยือกเย็น ยามที่โจวเจ๋งเอ่ย คำถามนี้ออกมา เชิงจึงค่อยหยัดกายขึ้นอย่างไม่ช้าไม่รับ เดิน มาหยุดยั้งเบื้องหน้าของโจวเฉิงอย่างเนิบนาบ

“อืม เป็น ” สามค่าแสนเรียบง่าย เพียงพอให้สีหน้าของโจว์เฉิงแปรเปลี่ยนอย่างมาก

โจวเจ๋งมาถึงตอนนี้ ราวกับยังไม่อยากจะเชื่อการมองเห็นทุก อย่างของสายตาตัวเอง เขาไม่อาจเชื่อไปตลอดกาล เด็กหนุ่ม อายุสิบกว่าปีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ยังอ่อนแอเสียจนเหมือนลูกสุนัข แรกคลอดตัวหนึ่ง วันต่อมากลับลอกคราบกลายเป็นมังกรตัวโต ที่แว้งกัดเขาไปเสียแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ เจ้าจะมีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร กัน…ไม่ ไม่ใช่เจ้า ไม่ใช่เจ้า…” สมองของโจวเฉิงค่อนข้างไม่แจ่ม แจ้ง ทว่าขุนพลที่เดินลงมาจากบนสนาม แกร่งกล้าอย่างเหนือ มนุษย์ธรรมดาจะทำได้ เขาขบคิดอย่างหนักหน่วง “เป็น ใคร…ใคร…”

เชิงไม่ได้ตอบคำถามของเขา ยังมองโจวเฉิงอย่างดูหมิ่น ดูแคลน ก่อนกล่าว “ท่านคิดว่าเสด็จอาของข้าเป็นอย่างไร

โจวเฉิงไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงถามคำถามข้อนี้ จึงไม่ได้ตอบ คําถาม

“เสด็จอาของขาที่มีกองกำลังเช่นนั้น ก็สามารถนั่งอยู่บน บัลลังก์หลักของประเทศหมันได้ ท่านคิดว่า สิ่งที่เขาพึ่งคืออะไร อี๋เชิงถามอีก

ฉับพลันสีหน้าโจวเฉิงก็แปรเปลี่ยน ราวกับทั้งได้ฟังมุกตลก อะไรอะไร แต่ก็ทั้งมีอาการที่ไม่กล้าเชื่อ ในตำนานกล่าวว่า มี บรรดาต้นตระกูลขุนนางที่เร้นลับ กองกำลังฟ้าประธาน เหนือ กว่าผู้ใด สามารถเปลี่ยนแปลงบัลลังก์ฮ่องเต้ได้! หรือว่า…”
“ไม่ผิด” อี้เชิงพยักหน้า ชี้ไปยังบรรดาคนที่กำลังสู้รบปรบมือ กับโจวเฉิง “ท่าน พวกเขา ช่างคุ้นตานักใช่หรือไม่

โจวเพิ่งหันหน้าไปอย่างยากลำบาก มองเห็นเหล่าคนที่กำลังดี รันฟันแทงกันอยู่อย่างพร่าเลือน บนหน้ายิ่งเผยอารมณ์แห่ง ความผวา เนื่องจากท่ามกลางบุคคลเหล่านั้น มีคนที่อยู่ใน กองทัพทหารของเขาจํานวนมาก เพียงแต่เขาไม่เคยคาดคิดว่า คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่ภักดีต่อเขาเท่านั้น ยังไม่ภักดีต่อ บัลลังก์ฮ่องเต้ประเทศหมันด้วย พวกเขา ภักดีต่อเหล่าตระกูล ขุนนางพวกนั้น เห็นได้ว่า รากฐานของต้นตระกูลขุนนางเร้นลับ เหล่านั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด

งานเลี้ยง ในครั้งนี้ ถึงแม้โจวเฉิงจะนำขบวนคนจํานวนหนึ่งเข้า มาภายในวัง ทว่าอย่างไรเสียทัพใหญ่ที่อยู่นอกมอง แต่ไรมาเขา ไม่เคยคิด ในกองทัพของตัวเองยังมีกองกำลังของผู้อื่นแอบแฝง อยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เตรียมรับมือป้องกัน แต่ว่าเวลาเพียงไม่ นาน ลูกน้องของเขาทั้งล้มตาย ทั้งบาเจ็บ เลือดสดได้ไหลรวม กลายเป็นลำธารสายเล็ก หมุนวนไหลเวียน ไหลมารวมกันยัง ตำแหน่งของโว่เฉิง ครู่นั้นเองได้เปียกชุ่มสู่อาภรณ์ของเขา

มันคือโลหิตสดแห่งเหล่าทหารรบของเขา ระอุ ร้อนจัด

ลมหายใจของโจวเฉิงรวยรินเข้าไปทุกที ย้อนมองมายังตัวเอง เสมือนกับรู้ว่าจุดจบของตนเองไม่อาจฝืนกล้ำได้ แม้บนหน้าของ เขามีความไม่สมัครใจ แต่กลับยังคงอดเอ่ยกับอี้เซ็งไม่ได้ “ปล่อยพวกเขาไปเถิด ข้าจะให้กองทัพนอกเมืองของข้าถูกจับกุม โดยไร้ข้อยกเว้น
นี่ดูแล้วเหมือนว่าเป็นเงื่อนไขที่คุ้มค่ามากทีเดียว สำหรับเชิง แล้ว มันเป็นสิ่งยิ่งใหญ่มากที่จะเอาชนะกองกำลังของโจวเจ๋งได้ โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองความพยายามใด ๆ เลย

ดังนั้นยามที่โจวเฉิงเอ่ยปากออกมานั้น เชิงยิ่งสับสนขึ้น เขา ขมวดหัวคิ้ว เสมือนกับกำลังขบคิดอยู่

ขณะนั้นเอง หลินซีนเยียนภายใต้กลายคุ้มกันของสห้าว มายังเบื้องหน้าของเชิง ท่ามกลางความอลหม่าน มีสวีห้าวที่ ฝีมือระดับสูงอยู่ข้างกาย หลินขึ้นเขียนไม่รู้สึกถึงภยันตรายเลย แม้แต่นิด

“อี้เซ็ง” หลินซินเยียนเรียกเสียงแผ่ว ทว่าสายตากับมองเขา อย่างแน่วแน่ก่อนกล่าวกับเขา “ใต้หล้าไม่มีอาหารกลางวันให้ กินเปล่า เจ้าต้องคิดไตร่ตรองให้ดีถึงความหมายของประโยคที่ โจวเฉิงเอ๋ย”

เชิงเงยหน้ามองนางอย่างประหลาด ราวกับค่อนข้างไม่ เข้าใจ

หลินซินเยียนทอดถอนหายใจยาว ยื่นมือไปลูบไล้กระหม่อม ของเชิง กล่าวอย่างเนิบนาบ “เจ้ายังเด็ก แต่ว่าเจ้าเองก็ควรรู้ จิตใจมนุษย์โหดร้าย แม้ว่าจะเป็นคนใกล้ตายก็ตาม

เชิงพยักหน้า และกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว “พี่สาว ความ หมายของท่านก็คือ… โจวเฉิงกำลังโกหกข้า

“ไม่จื่อเพิ่งเคยสอนให้ข้ารู้จักกับหลักการหนึ่ง ตัดรากถอน โดน” หลินขึ้นเขียนน่งชะงัก ก่อนกล่าว “โจวเจ๋งกำลังจะตายอยู่รอมร่อ ทว่าเขายังมีทายาท เขามีทายาท มีทัพม้า ส่วนเจ้า นอกจากการคุ้มกันเพียงอย่างเดียวของสามตระกูลใหญ่แล้วยัง มีอะไรอีกบ้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ