ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่437 แขกเยือนตระกูลหลิง



ตอนที่437 แขกเยือนตระกูลหลิง

แขกเยือนตระกูลหลัง

“ท่านไม่ไปแล้ว?” มุมปากของ หลินซีนเยียนเจือรอยยิ้มจางๆ ไม่ได้มี แววเสียดสีเมื่ออีกฝ่ายตกต่ำ และไม่ ได้มีแววสุขอันสุดแสนสำราญใจ

หลี่ห่ายพยักหน้าติดต่อกัน “ไม่ ไปแล้ว ไม่ไปแล้ว ข้ายังต้องเจรจา ความร่วมมืออย่างจริงใจกับแม่นาง หลินอยู่ จะไปได้อย่างไรกัน

“ในเมื่อท่านมีความจริงใจเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเรานั่งลงเสวนากันไม่ดี กว่าหรือ” หลินซีนเยียนผายมือออก

ภายในสวนมีโต๊ะหินหนึ่งตัว แต่ ว่าเป็นฤดูแรกตรุษ สวนในยามราตรี ค่อนข้างหนาวเย็น ดังนั้นโต๊ะหินจึง ไม่ใช่สถานที่ที่ดีในการต้อนรับแขก สักเท่าไหร่ แต่ว่าปัจจุบันพวกนางเป็น เพียงเชลย ไม่มีคุณสมบัติในการ เลือกสรรสถานที่ ภายในห้องเป็น เคหะสถานส่วนบุคคล ยิ่งไม่สะดวกให้ บุรุษหลายๆ นายเข้าไปด้านใน

หลี่ห่ายสัญจรนอกแดนเป็นเวลา ยาวนาน ย่อมรู้หลักการข้อนี้ดีเป็น ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่ได้กล่าวมาก ความอะไร เพียงเดินตามไปยังหน้า โต๊ะหินโดยพลัน

สวี่ห้าวเข้าห้องไปหยิบกาชาใส และถ้วยชาอยู่หลายใบ หลังจากรินให้ คนไม่กี่คนเสร็จแล้วจึงลากตัวอี้เซิงมา นั่งลงด้านข้าง

“แม่นางหลินตอนนี้สามารถกล่าว ถึงสิ่งที่ต้องการ หรือคาดหวังว่าพวก เราตระกูลหลี่จะเป็นธุระแทนท่านเรื่อง ใดได้แล้ว ” หลังจากหลี่ห่ายดื่มชาอึก หนึ่งแล้วจึงเริ่มเจรจาธุระ

หลินซีนเยียนกลับไม่รีบร้อน “ไม่ รีบ ดื่มชาพักผ่อนก่อนค่อยว่ากัน ใช่ แล้ว ตอนนี้หล่อวิ๋นซ่านเป็นอย่างไร บ้าง”

ดวงตาของหลี่ห่ายเปล่างประ กายวิบวับ สายตาที่มองหลินซีนเยียน นั้นยิ่งทอแสงขึ้นแล้ว “หลานชายข้า คนนั้นตอนนี้ไม่ใช่ผู้สืบทอดหัวหน้า ตระกูลแล้ว แต่เป็นหัวหน้าตระกูลหลี่ ตัวจริงเป็นที่เรียบร้อย

“โอ้?” หลินซีนเยียนอดตกใจไม่ ได้ พลางเอ่ยถาม “เรื่องเป็นมา อย่างไร เวลาที่พวกเราแยกย้ายกันก็ ไม่นาน เหตุใดภายในเวลาอันสั้นก็เกิด เรื่องการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ได้ เพียงนี้”

“นี่พูดไปก็ยาวเหยียด เหตุสุดวิสัยที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ พวกเราเองก็ไม่ได้คาดคิด หลังจาก แยกย้ายกันครั้งนั้น ข้ากับเขากลับถึง รกรากเดิมตระกูลหลี่ หัวหน้าตระกูล ได้ป่วยหนักแล้ว เป็นช่วงที่กำลังจะ เปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจ ข้าเคยสัญญา จะยืนหยัดข้างกายหลี่อวิ๋นซ่าน สนับสนุนเขาให้ขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้า ตระกูล และเขาเองก็ฝ่าฟัน ท่ามกลาง บททดสอบสุดท้ายของผู้สืบทอดก็ ผ่านอย่างราบรื่น และกลายเป็น หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูล หลี่ของข้า”

“อ้อ.. ” หลินซีนเยียนรับคำ “ที่แท้ ก็เป็นเช่นนี้”

ถึงแม้หลี่ห่ายจะกล่าวอย่างเรียบ ง่ายธรรมดา ทว่าหลินซีนเยียนกลับ สามารถจินตนาการออกถึงช่วงเวลาที่ จะเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจหัวหน้าตระกูล นั้นจะเป็นวิกฤตลมพายุอย่างไร โดย เฉพาะต้นตระกูลขุนนางใหญ่เร้นลับ เหล่านี้ หนึ่งในการเปลี่ยนแปลง อำนาจบางครั้งก็อาจไม่ผ่อนคลาย น้อยกว่าการเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจของ ฮ่องเต้เลย ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลใน ปัจจุบันของหลี่อวิ๋นซ่าน ก็น่าจะใช้ เลือดของคนจำนวนมากมาแลก เปลี่ยนกระมัง

“แต่อย่างไรเสียก็เพิ่งรับช่วงต่อ ได้ไม่กี่วัน ดังนั้นตอนนี้หัวหน้าตระกูล เองก็กำลังง่วนกับการกวาดล้างและ จัดระเบียบอำนาจภายในตระกูลอยู่ หากไม่ใช่ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ฮ่องเต้ประเทศหมัน ว่าตามหลักแล้ว ข้าเองก็ควรจะอยู่ช่วยเหลือข้างกาย เขา ดังนั้น…เวลาของข้ากระชั้นชิดนัก ถ้าหากแม่นางหลินสามารถเห็นแก่ หน้าของหัวหน้าตระกูลข้ามาเจรจา ความร่วมมือกับพวกเราโดยเร็วด้วยล่ะ ก็ ข้าก็จะสามารถรีบรุดกลับไปช่วย เหลือได้โดยเร็ว”

หลี่ห่ายรู้อยู่แก่ใจว่าหลินซีนเยียน มีท่าทีถ่วงเวลาอยู่ ดังนั้นจึงอ้างถึงหลี่ อวิ๋นซ่านอย่างไม่ให้เหลือร่องรอย หลี่ อวิ๋นซ่านนั้นมีพระคุณต่อหลินซีนเยียน และหลินซีนเยียนก็เป็นคนที่ให้ความ สำคัญต่อความรู้สึกมากคนหนึ่ง

และนั่นเอง ตอนที่หลี่ห่ายกล่าว ประโยคนี้ออกมา หัวคิ้วของหลินซีน เยียนก็มุ่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

“ได้ เห็นแก่หน้าของหลี่อวิ๋นซ่าน พวกเราเจรจากันก่อน อันที่จริงของที่ ข้าต้องการนั้นง่ายมาก ก็คือ…

เพียงแต่คำพูดของหลินซีนเยรี ยนยังไม่ทันกล่าวจบ ก็ได้ยินการ ปรากฏตัวของเงาคนจำนวนหนึ่งบนจั่ว ห้อง หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งโยนหินลงมา ทางโต๊ะหิน หินก้อนนั้นมีความแน่นดุจ ทองพันชั่ง ตรงดิ่งมาพลิกคว่ำถ้วย ชาตรงหน้าหลี่ห่าย น้ำชากระเซ็นออก มา ทำให้หน้าโต๊ะค่อนข้างเละเทะ อย่างเห็นได้ชัด

“ผู้อาวุโสตระกูลหลี่ ไม่ได้เจอกัน นาน” ไม่กี่คนบนจั่วห้องโรยตัวยัง ภายในสวน คนเดินที่เดินอยู่ด้านหน้า คือชายชราอายุกว่าศตวรรษคนหนึ่ง เขาลูบเคราไปพลางเดินมายังเบื้อง หน้าหลี่หายไปพลาง “เพียงแต่ การ ดื่มชานี้เหตุใดจึงไม่รอคนชราเสียก่อน นี่ก็ไม่ค่อยจะสุภาพเท่าไรเลย”

“หลิงหง?” ราวกับหลี่ห่ายชิดเชื้อ กับชายชราคนนี้ จึงโพล่งชื่อของคน ชราคนนี้ออกมาโต้งๆ

“คนชรานับว่ามีมีเกียรติจริงๆ ผู้ อาวุโสหลี่ยังจำคนชราได้” หลิงหง ประสานมือคารวะ จากนั้นจึงนั่งลงด้าน ข้างหลี่ห่ายอย่างเป็นกันเอง ไม่กี่คน ข้างหลังเขาอยู่บริเวณข้างหลังเขา อย่างเคารพประมาณหนึ่งจ้าง แต่ละ คนรออยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

มุมปากหลี่ห่ายกระตุก ดูแล้วไม่ ได้มีแววปรีติในการพบปะกับคนคุ้น เคยเลยสักนิด แต่บริเวณกรอบตากลับ มีแววหมิ่นแคลน เขากล่าวแผ่วเบา “จะจำไม่ได้ได้อย่างไรเล่า ผู้อาวุโส ตระกูลหลิงที่มาขโมยเหล้าตระกูลหลี่ ของข้าดื่มในตอนแรก ก็คงมีแต่ท่าน หลายปีขนาดนี้แล้ว อุปนิสัยลักเล็ก ขโมยน้อยของท่านก็ยังไม่เปลี่ยนมา อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ซ้ำยังคว่ำถ้วยชา ของตาแก่อีก!”

“ไม่ใช่แค่ชาถ้วยเดียวหรอกหรือ มา ตาแก่จะเทให้เจ้าเต็มถ้วยด้วยตัว เอง” หลิงหงพูดพลางหยิบถ้วยชา เปล่าด้านข้างหนึ่งใบ รินชาให้หลี่ห่าย

หลี่ห่ายแค่ยเสียงเบา ไม่ได้เอ่ย คำ และไม่ได้ดื่มชาถ้วยนั้น

หลิงหงรินชาให้เขา ก่อนรินให้ ตนเองหนึ่งถ้วย จากนั้นจึงค่อยหัน หน้าไปมองหลินซีนเยียน “โอ้ว ตุ๊กตา สาวนี้ช่างน่ามองนัก”

ตอนที่เขาปรากฏกายตรงจั่วห้อง นั้น ได้กวาดสำรวจคนภายในสวนนี้ เรียบร้อยแล้ว คนที่สามารถเตะตาเขา ได้ มีเพียงหลี่ห่ายและชายเครายาวที่ นั่งอยู่อีกข้างคนนั้น สำหรับเขาแล้วคน อื่นไม่ได้มีภัยคุกคามต่อเขาเลยสักนิด โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่เป็นวรยุทธ์สัก เสี้ยวคนนี้ ดังนั้นตอนที่เขาตามมายัง เบื้องหน้านี้ ไม่ได้มีท่าทีสนใจหลินซีน เยียนเลยสักนิด

หลินซีนเยียนถูกเขาแขวนอยู่ด้าน ข้างเรื่อยมา แต่กลับไม่ได้แสดงออก ถึงความไม่พอใจอะไร เพียงแต่ในอก ได้คาดคะเนต่ออารมณ์ของหลิงหงผู้นี้ มากขึ้นหลายขนัด เดาว่าเป็นอีกหนึ่ง คนที่ไม่เห็นผู้หญิงในสายตาก็เท่านั้น

เห็นว่าหลินซีนเยียนไม่ได้มีแวว ยีหระต่อตัวเองสักน้อย หลิงหงค่อน ข้างไม่เป็นสุข หันหน้าไปถามสวี่ห้าว “วรยุทธ์ของเจ้าไม่เลวเลย เจ้ามาพูด สักหน่อย ในนี้ใครกุมอำนาจ สาย โลหิตของประเทศหมันนั่น? หรือว่า ตุ๊กตาตัวน้อยข้างเจ้านี่?”

น้ำเสียงของหลิงหงดูหมิ่นเต็ม ปากเต็มคำ ทำให้สวี่ห้าวและอี้เซิงต่าง ก็ไม่พอใจ ทั้งสองมองกันและกันแวบ หนึ่ง แต่กลับลอกเลียนท่าทางของ หลินซีนเยียนคือไม่ไปยี่หระเขาเสีย

อากัปกิริยาของพวกเขา ทำให้ หลิงหงค่อนข้างขายหน้า เขาตบโต๊ะ หินหนึ่งฉาดอย่างพิโรธ เกรี้ยวกราด ใส่สวี่ห้าว “อย่าไม่ดื่มเหล้าศักดิ์สิทธิ์ ไปดื่มเหล้าคุก ช่วงเวลาตอนนี้ พวก เจ้ายังมีคุณสมบัติชักสีหน้าต่อหน้าตา แก่ ขอร้องตาแก่ดีๆ ประจบตาแก่ดีๆ บางทีตาแก่ยังอาจจะช่วยพวกเจ้าสัก ตั้ง ไว้ชีวิตพวกเจ้าไม่กี่คนเอาไว้ มิ เช่นนั้น ตระกูลหลิงของข้าที่มักจะ ผลักดันคนขึ้นสู่ตำแหน่ง และมันจะดี กว่าเปลืองแรงรักษาอำนาจของพวก เจ้า ยังไม่สู้ไปเจรจาสนธิสัญญากับโจ ว่เฉิงนั่นดีกว่า! ขอเพียงเขาสามารถ มอบของที่พวกเราต้องการได้ พวก เราก็ไม่แยแสว่าผู้ใดจะนั่งบัลลังก์ ฮ่องเต้ประเทศหมันนี้!”

“อย่างนี้ เช่นนั้นท่านก็ไปหาโจว่ เฉิงก็หมดเรื่อง เหตุใดจึงมาหาพวก เราที่นี่ก่อน” หลินซีนเยียนเปล่งเสียง ยะเยียบ ไม่ได้ถูกไขว้เขวด้วยน้ำคำ ของหลิงหงแม้แต่น้อย หากว่าโจว่เฉิง ควบคุมได้ง่ายเพียงนั้นล่ะก็ ตระกูล หลงก็อาจจะมาหาพวกเราอีก? เทียบ กับโจว่เฉิงที่ไม่ง่ายต่อการควบคุมแล้ว อี้เซิงที่ไร้ซึ่งภูมิหลังเห็นได้ชัดว่า สามารถดึงดูดความสนใจของตระกูล หรงได้มากกว่า

หลิงหงเห็นว่าหลินซีนเยียนเริ่ม ปริปากพูดก่อนใครเพื่อน สีหน้ายิ่งไม่ เป็นสุข ชี้ปลายจมูกของหลินซีนเยียน พลางตะโกนกล่าว “พวกเราผู้ชายพูด คุยกัน จะมีที่ให้ผู้หญิงคนหนึ่งอย่าง เจ้าแทรกลิ้นได้ที่ไหน สาวใช้คนหนึ่ง ปรนนิบัติรินชาดีๆ ก็พอ ที่นี่มี คุณสมบัติให้เจ้าเอ่ยปากเสียที่ใด”
201554047_1014254336051612_102126799027077341_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ