ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 385 เข้าใจผิดหรือว่าเอาใจใส่มากเกินไป



ตอนที่ 385 เข้าใจผิดหรือว่าเอาใจใส่มากเกินไป

แขยง สองคำนี้ เสมือนคมมีดเล่มหนึ่งกรีดแทงขั้วหัวใจของ หลินซีนเขียนอย่างทารุณกรรม รวดร้าวจนนางเกือบจะสูดลม หายใจเข้าไม่ได้

นางถอยหลังอย่างชวนเซ มีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่กล้า เฝ้ารออยู่ที่นี่อีกต่อไป ย่างก้าวของนางงุ่นง่าน ตอนที่โซซัด โซเซนั้นก็ร่วงลงมาบยคานประตู คนทั้งคนก็ล้มหงายหลังตึง

ในชั่วขณะนั้น ไม่จื่อเฟิงที่นอนเอนบนเตียงเปิดเปลือกตา อย่าง กลางสายตาวิตกไร้ซึ่งการปิดบังแม้สักนิด ทว่าเขา ทำได้เพียงนอนแผ่อยู่อย่างนั้น กลับไม่ได้เคลื่อนไหวแต่ อย่างใด และไร้หนทางจะขยับเขยื้อนโดยสิ้นเชิง

เดิมทีหนีหว่านนึกอยากถลาไปถึงหลินขึ้นเขียนเอาไว้ ทว่า นางกลับได้รับแววตาออกคำสั่งจากไม่จื่อเฟิง นางลังเลอยู่ สักพัก และซักมือกลับ ในที่สุด

หลินขึ้นเยียนทรุดเชลงกับพื้น หน้าผากโขกบนแผ่นพื้นอัน ขันแข็ง ผิวหนังแตกถลอก โลหิตสดไหลออกมา ไหลย้อย ตามพวงแก้มของนางลงมา ทั้งเรือนกายของนางปราศจาก ความรู้สึก มีเพียงแววตาแห่งความวาดหวังที่มองไปทางไม่ ชื่อเฟิง แต่น่าเสียดาย ไม่จื่อเพิ่งกลับไม่ได้เหลือบสายตามอง มาทางนี้แม้แต่น้อย
นางรู้ถึงศักยภาพของไม่ซื้อเฟิง ขณะที่นางล้มพับลงนั้น หากว่าเขาเต็มใจ จะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองออกมาแน่ ต่อ ให้เขาไม่สามารถทำได้ ก็ต้องให้หนีหว่านที่อยู่ด้านข้างท่ แทน ทว่า เขาไม่ได้ทำอะไรเลย กระนั้นแล้ว บางทีหนีหว่าน เองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำ

ความเจ็บปวดที่สื่อน่าจากเรือนร่าง เทียบไม่ติดกับความ สูญสิ้นจากกลางใจที่มาอย่างเจ็บยิ่งกว่า นางสะอึกสะอื้น ร่ำไห้ไร้สุ่มเสียง กลับดึงกันไม่ให้ตนเองเผยท่าทีแห่งความ น่าสมเพชออกมาเลยสักนิด ดังนั้น นางกว้าคานประตูด้าน ข้างแน่น นิ้วมือเนื่องจากใช้เรี่ยวแรงมากเกินจำเป็นจึงค่อยๆ ซีดขาว นางหยุดกายตัวตั้งตรง แผ่นหลังยืดอย่างตรงเหยียด ยิ่ง จากนั้นจึงหมุนกายแข็งทื่อ จากไปทีละก้าว

ขณะที่หลินซีนเยียนมายังหน้าประตูห้องของเซียวผ่าน โดยไม่ทันรู้ตัว นางกลับลังเลเสียแล้ว ท้ายที่สุดกลับไม่ได้ ผลักเปิดประตูห้องของเซียวฝาน แต่ทำเพียงเอนพึงประตู ห้องเขารูดกายนั่งลง

ภายในเรือนพักแขก ล้วนเป็นคนของโจื่อเฟิง มีเพียง เซียวฝาน เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของนาง ที่ถือว่าเป็นคนใน ครอบครัวบุญธรรมของนาง ภายในที่แห่งนี้ มีเพียงเขาที่จะ ยืนอยู่ในมุมมองเดียวกับนางใคร่ครวญตรึกตรองถึงความ รู้สึกของนาง ทว่า…นางกลับไม่สมควรไปรบกวนเขาอย่าง เห็นแก่ตัวพรรค์นั้นอีกครั้ง นางคนเดียวก็ลำบากเพียงพอแล้ว ไฉนต้องลากคนๆ หนึ่งมาลุยตะลำเค็ญอีกด้วยเล่า

เพียงแต่ หัวใจ ช่างเหนื่อยล้าจริงๆ การเลือกมีชีวิตอยู่ข้าง กายเชื้อพระวงศ์ จะเป็นการตัดสินแล้วว่าชั่วชีวิตนี้ล้วนต้อง อดกลั้นต่อความโดดเดี่ยวประเภทนี้ใช่หรือไม่ กรณีที่เกิด ความขัดแย้งใดๆ กับเขา ล้วนแสวงหาพวกพ้องที่จะสามารถ ระบายความในไม่เจอสักคน เนื่องจาก ที่นี่ ต่างก็เป็นคนของ เขานี

นางกอดเขาเอาไว้ ขดตัวร้องไห้อยู่หน้าประตู ไร้สุ่มไร้ เสียง ไม่ได้ตื่นตระหนก และยิ่งไม่ให้น้ำตาร่วงเผาะอย่างมี เสียง นางเพียงแค่เงียบเชียบ ให้อย่างเงียบเชียบ โลมเลีย ปากแผลของตนอย่างเงียบเชียบก็เท่านั้นเอง

“ศิษย์น้อง…”

นอกเหนือการบรรยาย ประตูห้องเปิดอกแล้ว เขียวผ่าน ในร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง กัดฟันไว้พลางกราวไม้กลม ยืนอยู่ข้างประตู ข้อมือของเขาสั่นระริกไม่หยุดเนื่องจากการ ใช้แรง จากเตียงถึงหน้าประตูถึงแม้จะมีระยะห่างเพียงแค่ไม่ กี่เมตร ทว่ากลับทำให้เขาต้องฝืนใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี อาภรณ์ทั้งกายยิ่งถูกหยาดเหงื่อเปียกเปรอะ

หลินขึ้นเขียนเงยหน้าขึ้นอย่างแช่มช้า ก็มองเห็นเขียวผ่าน ที่มีสีหน้าเอาใจใส่ แต่กลับอดกลั้นความระทมสุดพลัง นาง องเห็นอาภรณ์ที่ถูกเหงื่อซึมเปียกชื้นบนร่างของเขา ยังมีใบหน้าซีดขาวที่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีปัญหาของเขา ฉับพลัน ในชั่วขณะนั้น หัวใจ กลับยิ่งเจ็บอย่างฉกาจฉกรรจ์

นางหยุดกายขึ้นอย่างอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป กอครั้ง เขียวฝานเอาไว้ ร้องไห้ขึ้นมา “ศิษย์พี่ท่านจะสามารถมี ชีวิตเพื่อตัวเองอย่างดีได้หรือไม่ ท่านรู้ดีว่าท่านเหลือเวลาไม่ มากแล้ว ท่านไม่ต้องทำเรื่องอันใดเพื่อข้าอีกแล้ว ดีหรือไม่”

เขียวฝานถูกนางกอดอยู่กลางอ้อมอกอย่างกะทันหัน ใน ที่สุดร่างกายเริ่มจะฝืนทนไม่ไหว น้ำหนักทั้งเรือนร่างล้วนเอน ทับบนร่างของนาง เขากลับยิ้มอย่างพอใจ “มีประโยคนี้ของ ศิษย์น้อง ข้าศิษย์พี่ตายก็ไร้กังวลแล้ว ไม่ใช่ว่าแค่ตายหรือ ก็ คิดเสียว่าไปรวมกลุ่มกับท่านอาจารย์ล่วงหน้าแล้วกัน ว่าแต่ เจ้า หากว่าน้อยใจเพราะข้าแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ข้าไม่เต็มใจมอง เห็นมากที่สุด ศิษย์น้อง ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นสุข ต่อให้ข้าจะ กลายเป็นทั้งน่าสงสารทั้งน่าเวทนาแบบนี้ ข้าเองก็ยังคงหวัง ว่าเจ้าจะมีความสุข เจ้ามีชีวิตอย่างความสุขแล้ว ภายภาค หน้าข้าล่วงรู้ในโลกใต้พิภพแล้ว จะต้องตายตาหลับแน่

“ศิษย์พี่ ท่านไม่ต้องพูดอีกแล้ว… ” หลินซีนเยียนส่ายหน้า อย่างหมดท่า นางได้ติดหนี้เชียวผ่านมากมายมหาศาล ทว่า เขากลับไม่ได้ร้องขอสิ่งใดต่อนางเลย แม้แต่การร้องขอที่เขา ไม่ต้องการซึ่งเคยกล่าวมาก่อน ก็ถูกตัวเขาเองปฏิเสธเสีย หมด ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ กลับยิ่งผลักไสนางให้จมดิ่งลึกลงไป
เขียวผ่านกดเอาไว้ต่อไปไม่ได้แล้ว เขาทั้งยิ้ม ทั้งร้องไห้ อดยกมือขึ้นไม่ได้ ลังเลอยู่สักพัก ท้ายที่สุดก็วางมือลงบน เอวของนาง “ศิษย์น้อง ให้ข้าได้กอดเจ้าเช่นนี้สักพักคงดี สัก พัก ขอเพียงสักพักก็ได้จริงๆ

การเคลื่อนไหวของเขาระแวดระวัง ประดุจเทิดนางเป็น สมบัติล้ำค่าหายากบนโลก กลัวก็แต่การเคลื่อนไหวเดียวก็ อาจจะทำให้นางกลายเป็นละอองฟองที่แตกสลาย

ความละเมียดละไมของเขา วินาทีที่มือของเขาโอบรัดเอว บางของนาง ในที่สุดก็โล่งเปราะ เสมือนว่าชั่วขณะนั้น เขา ทั้งคนได้ต่ออายุให้ยึดขึ้นมากมายแล้ว

“ช่างเป็นฉากภาพที่หวานซึ้งคะนึงรักเสียจริง เจ้านาย ข้า ก็เคยพูดแล้ว ผู้หญิงแบบนี้ไม่ควรค่าแก่การที่ท่านทำอะไร เพื่อนางตั้งมากมายหรอก ท่านยังกังวลนาง แต่นางกลับมี ชีวิตอย่างดีที่สุดเชียวแหละ

ภายในสวน พลันปรากฏเสียงของหนีหว่าน เพียงแต่ ใน น้ำเสียงของหนีหวาน เปี่ยมด้วยเพลิงโทสะและไม่เต็มใจ อย่างชัดแจ้ง

หลินซีนเยียนดึงสติกลับมาอย่างว่องไว แทบจะผลักเขียว ผ่านออก โดยสัญชาตญาณ กระนั้นก็ไม่ได้ไตร่ตรองถึงเขียว ผ่านในเวลานี้อ่อนแอกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มากนัก ตอนที่หนีหวานเอ่ยประโยคนี้ออกมา บางพลับหวาดกลัว หวาดกลัวว่าจะทำให้ไม่จื่อเพิ่งเห็นแล้วเข้าใจผิดเอา ง่ายๆ กับฉากที่ไม่พากลนี้!

นางหันหน้าอย่างเลี่กลั่ก มองเห็นหนีหว่านเป็นเก้าอี้ล้อ หมุน โม่จื่อเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อหมุน ทั้งกายห่อหุ้มด้วย อาภรณ์ขนจิ้งจอกหนา ในแววตาทั้งคู่ของเขา มีแววความ เงียบสงบก่อนฝนฟ้าคะนอง แต่กลับสามารถทำให้คนรับรู้ถึง กลิ่นไอสังหารอย่างง่ายดาย

เขาเข้าใจผิดแล้ว!

“จื่อเฟิง ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นที่ท่านคิดนะ… ” หลินซีนเยียนรู้ ว่าในสังคมศักดินาน เหล่าบุรุษไม่สามารถยอมรับเรื่องที่ผู้ หญิงนอกใจได้ ฉากภาพประเภทนี้หากว่าวางไว้ในยุค ปัจจุบัน ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนรับได้ นับประสาอะไร ที่แห่งนี้ เป็นยุคโบราณที่เคร่งครัดประเพณี

หลินซีนเยียนที่เป็นกังวลต่อปฏิกิริยาตอบสนองของโม่ จื่อเฟิงยังไม่ทันสังเกต เขียวฝานที่ถูกนางผลักไปด้านข้าง ล้วงผ้าฝ้ายจากในอกเสื้อออกมาอย่างไร้ร่องรอย ค่อยๆ เช็ด คราบเลือดตรงบริเวณมุมปากให้สะอาด

“ไม่ใช่แบบนั้น?” น้ำเสียงของโม่จื่อเฟิงเยือกเย็น สายตา ย้ายไปยังทิศทางของเซียวฝาน แค่นเสียงเบา ก่อนจะขมวด หัวุ่นกล่าวกับหลินขึ้นเขียน “เจ้าว่า ผู้ชายคนนี้ ข้าควรจะ จัดการกับมันอย่างไรจึงจะสาสม ทำเป็นคทาคนโยนทิ้งในบ่อเป็นอย่างไรบ้าง หรือว่าฆ่าทิ้งไปเลย ไม่ฆ่าทิ้งเลย ดู เหมือนว่าจะหมื่นราคาเขาเกินไป ข้าเป็นถึงอ๋องเสวียน ผู้ หญิงของข้ายังกล้าแตะต้อง ให้เขาตายง่ายๆ ไม่ใช่ว่าน่า เสียดายยิ่งหรือ”

หลินซีนเยียนพอได้ฟัง ก็ตื่นตระหนกทันที รีบรุดคุกเข่า ยอบกายไปประคองเซียวฝานเอาไว้ “ไม่ได้ ไม่ได้ ท่านไม่ อาจทําร้ายเขาได้

“จนถึงเวลานี้แล้ว เจ้ายังปกป้องผู้ชายคนนี้ เจ้า เห็น ข้า…เป็นตัวอะไร” ดวงตาทั้งคู่ของโม่จื่อเฟิงปะทุเพลิงโทสะ

ออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ