ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 476 ตำนานตระกูลเพิ่ง



ตอนที่ 476 ตำนานตระกูลเพิ่ง

นางยกแผนที่ขึ้น มองไปทางทิศทางของแสงอาทิตย์ พลันเทียบ ทิศทางอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ชี้ไปที่ทิศตะวันตก กล่าว “อ้างอิงจากสัญลักษณ์บนแผนที่ พวกเรามุ่งหน้าไปทางนั้น ออก เดินอีกสักครึ่งวันควรจะสามารถไปถึงขุมสมบัติเก๋งจีนแล้ว”

ทั้งสามคนมองไปทางทิศนั้นในเวลาเดียวกัน ไกลออกไปภาย ใต้แสงอาทิตย์ ระหว่างเทือกเขา เมฆหมอกบางตาเย้ายวนใจ ทิวทัศน์เช่นนี้ไม่สมควรปรากฏอยู่กลางทะเลทรายตั้งแต่แรก ถ้า หากไม่ใช่หลินซีนเยียนให้พวกเขามอง พวกเขาก็ไม่สามารถ ค้นพบพื้นที่ใหญ่เท่าหัวแม่มือที่เดิมที่ยังหลบซ่อนอย่างลึกลับ

“จากที่มองดูอาณาเขตนั้น ยังมีกลิ่นอายมังกรซ่อนอยู่จริงๆ ทรงเยถอดถอนใจประโยคหนึ่ง พาให้หลังเลิกคิ้ว

“ทำไม? เจ้าบ้านตระกูลทรงสามารถดูฮวงจุ้ยได้ด้วยหรือ?” หลิงสู่ยิ้มพลางกล่าวหยอกล้อ

ทรงเย่โบกมือกล่าว ไม่สามารถ ข้าเพียงแต่ได้ยินตำนาน เกี่ยวกับขุมสมบัติเก๋งจีนมาเรื่องหนึ่ง”

“โอ้” หลิงสู่ราวกับเกิดความสนใจ เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เช่นนั้น ไม่รู้เล่าออกมาให้พวกเราฟังสักหน่อย พอดีที่ตอนนี้กำลังพัก ผ่อน ท่านเจ้าบ้านทรงสามารถเล่าตำนานนั้นเพื่อให้คนธรรมดา มีโอกาสฟังได้หรือไม่”
ทรงเย่หัวเราะเหอเหอสองสามคำ เลือกก้อนหินที่อยู่ด้านข้าง ก้อนหนึ่งแล้วนั่งลงบนนั้น “เช่นนั้นข้าก็จะบอกกล่าวกับพวกเจ้า อย่างไรเสียก็เพื่อความสนุกเรื่องหนึ่งแล้วกัน”

หล่อวิ๋นซ่านและหลินซีนเขียนเหลือบมองกันและกัน กลับทั้งไม่ ร้อนใจ และเลือกบริเวณที่ค่อนข้างสะอาดนั่งลง

รอจนทั้งสองสามคนนั่งลงแล้ว ทรงเยจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องอย่าง เชื่องช้า “ความจริงแล้วตำนานนี้ข้าก็ได้ยินท่านปู่ของข้าบอกเล่า มา ว่ากันว่าขุมทรัพย์สมบัติทองเก๋งจีนนี้คือสิ่งที่ตระกูลเพิ่งเหลือ ทิ้งไว้ พวกเจ้าย่อมต้องรู้จักตระกูลเฟิง ครั้งหนึ่งเคยเป็นตระกูลที่ เป่าลมเรียกฝนอยู่บนมหาทวีปนี้ ภายหลังไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด ตระ กูลเพิ่งค่อยๆ ตกต่ำลงไป ชนรุ่นหลังของตระกูลเฟิงก็ตกต่ำลง เป็นตระกูลทาสสูญสิ้นไปแล้ว…”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ทรงเย่มองไปทางหลิง ผู้คนในที่นี้ล้วนเป็น บุคคลสำคัญที่มีอำนาจอิทธิพล ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยตรงๆ แต่ผู้ใด ก็รู้ว่าชนรุ่นหลังของตระกูลเพิ่งท้ายที่สุดแล้วก็เป็นสกุลทาสของ สกุลหลัง

หลิงสู่ไม่ได้เอ่ยค่าและก็ไม่ได้ขัดแย้งความคิดของทรงเย่ กระนั้นสีหน้าเรียบเฉยยิ่งราวกับเรื่องราวที่ทรงเย่เอ่ยถึงไม่ได้มี ความเกี่ยวข้องใดๆ กับสกุลหลิงเลย

“ฟังจากที่ท่านปู่ของข้าเล่า ตระกูลเพิ่งไม่เพียงแต่มีสายเลือด ที่พิเศษ อีกทั้งยังครอบครองพลังอันพิเศษอย่างหนึ่ง ก็คือ สามารถล่วงรู้อนาคตได้ เจ้าบ้านคนก่อนของตระกูลเฟิงคาดเดาการล่มสลายของตระกูลเพิ่งได้ แต่ก็ใช้พลังมาสร้างฐานะให้ตัว เองอย่างไม่ย่อท้อ กลืนกินทั่วทั้งมหาทวีปจนสิ้น ดังนั้นในช่วง เวลารุ่งเรืองของตระกูลเฟิง เขาก็นำทรัพย์สินครั้งหนึ่งของตระกูล เพิ่งมาหลบซ่อนไว้ที่สถานที่แห่งหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นยังได้ทิ้งแผ่นที่ เอาไว้ หลังจากที่ตระกูลเพิ่งร่วงหล่นแล้ว ถ้าหากชนรุ่นหลังของ ตระกูลเพิ่งค้นพบขุมสมบัติก็จะสามารถทำให้พลังอำนาจของ ตระกูลเพิ่งกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง โรงเกล่าวพลางเหลือบ มองไปทางหลินซีนเขียนอย่างแฝงนัยยะ

เป็นครั้งแรกที่หลินซีนเยียนได้ฟังเรื่องเล่าของตระกูลเฟิง แต่ เดิมนางยังประหลาดใจ เหตุใดเลือดเนื้อของตนถึงสามารถเปิด กลไกของขุมทรัพย์สมบัติทองเก๋งจีนได้ ตอนนี้คาดดูแล้ว เป็นไป ได้หรือไม่ว่านางก็คือชนรุ่นหลังของตระกูลเฟิง เป็นไปได้หรือไม่ ว่านางก็คือเทพธิดาในคำเล่าขานของผู้เฒ่าตระกูลเฟิงนั่น? อีก ทั้งอายุของนางกับเทพธิดาตระกูลเฟิงก็ไม่เหมือนกันนะ

“ตำนานอย่างไรเสียก็เป็นเพียงตำนานเท่านั้น ถ้าหากตระกูล เพิ่งทรงพลังถึงเพียงนั้นจริง ก็ไม่ควรจะตกต่ำถึงกับเป็นตระกูล ทาส ข้าว่านะ ตำนานเรื่องนี้ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าปรัมปรา หลี่ อวิ๋นซ่านสีหน้าไม่พอใจที่ทรงเย่มองหลินซีนเยียน ดังนั้นจึงอดส่ง เสียงเอ่ยออกมาไม่ได้

ทรงเยี่ยังคงยิ้มดังก่อนหน้า “ข้าไม่ได้กำลังเล่าเรื่องนะ และก็ ไม่ได้บอกว่าขุมทรัพย์สมบัติทองนั้นจะต้องเป็นของตระกูลเพิ่งนี้ พูดถึงอีกครั้งก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาร้อยปีก่อนหน้าแล้ว ผู้ใดจะ สามารถบอกยืนยัน
“ช่างที่เขาว่าเป็นสมบัติของใครทิ้งไว้ อย่างไรผ่านครั้งนี้ไป ก็ เป็นของพวกเราสามตระกูลใหญ่แล้ว เจ้าว่าใช่หรือไม่ เจ้าบ้าน หลัง เจ้าบ้านหล?” ทรงเย่หัวเราะท่าทางราวจิ้งจอกตัวหนึ่ง

หลังสู่พยักหน้า หล่อวิ๋นซ่านไม่ได้ตอบรับกลับขมวดคิ้วอุ่นขึ้น มาโดยไม่รู้ตัว

ทั้งกลุ่มพักผ่อนแล้วก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ภายใต้การนำ ของแผนที่ เวลาบ่ายในที่สุดพวกเขาก็มาถึงพื้นที่ที่เดิมที่มองไป แล้วมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือนั้น

ใจกลางทะเลทรายอันกว้างไกลสุดสายตา พื้นที่ที่เดิมที่มี ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ หลังจากเดิน ใกล้แล้วเพิ่งจะค้นพบว่ามี ขนาดใหญ่เหนือกว่าคาดคิดนัก ตอนแรกมองไปแล้วราวกับห้วย เล็กๆ แห่งหนึ่ง เดินเข้าใกล้แล้วถึงได้รู้ว่าเดิมแล้วเป็นโกรกธาร ขนาดมหึมาราวกับสนามบอลหลายสนาม

“ควรจะเป็นที่นี่ละ” หลังจากที่หลินซีนเยียนเทียบกับแผนที่อยู่ ครู่หนึ่งก็สรุปออกมา

หล่อนซ่านก็พยักหน้า “ใช่แล้ว เช่นนั้นขุมทรัพย์สมบัติทองที่

ชนรุ่นก่อนฝังเอาไว้ก็ขบคิดได้แยบคายนัก ด้วยสายตาอันสับสน ของปุถุชน ยังคิดว่าขุมทรัพย์สมบัติทองเก๋งจีนเหล่านี้เป็นถ้ำ เทียบกับครั้งก่อนที่พวกเราไปหมิงกวงเสีย ถ้าหากครั้งนี้ไม่ได้ เห็นแผนที่อันสมบูรณ์ พวกเราก็อาจคิดว่านั่นคือขุมทรัพย์สมบัติ ทองเก๋งจีนของจริงแล้ว พวกเราด้วยเพราะเหตุนี้ได้สำรวจที่ถ้ำ บนเขาเหล่านั้น ตอนนี้คิดดูแล้ว ภายในถ้ำบนเขาเหล่านั้นหากมีสมบัติอยู่จริงก็เพียงสองชิ้นเท่านั้น และขุมทรัพย์สมบัติทองของ จริง….ก็คือที่นี่”

หลินขึ้นเขียนก็พยักหน้า ครั้งหนึ่งเคยใช้เศษแผนที่ในครอบ ครองของไม่จื่อเพิ่งคำนวณดู ก็ค้นพบแล้วว่าขุมทรัพย์สมบัติทอง สมบัติเก๋งจีนสมควรอยู่ในทะเลทรายผืนนี้ และสถานที่ที่หล่อขึ้น ท่านพานางไปก่อนหน้านี้ก็ไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ในใจนางจึงมี ความเชื่อมั่นอยู่ คาดเดาเหตุผลภายในที่นี่ได้

“เหล่าบรรพบุรุษของตระกูลเฟิง ทรงปัญญาโดยแท้” หลินซีน เขียนพยักหน้าพลางกล่าว เพียงแต่ไม่รู้ว่าภายในถ้ำที่นี้ ถ้าหาก โครงสร้างเหมือนกับถ้ำบนเขาที่พวกเราเคยนำทางไปผิดนั้นหรือ ไม่”

“จุดนี้ข้ากลับไม่กังวลใจ อย่างที่กล่าวว่าจริงๆเท็จๆ บนเขา เหล่านั้นบางระดับก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นของจริง เพราะว่าสมบัติ ภายในพวกมันนั้นเป็นของจริง เพียงแต่จํานวนขุมทรัพย์สมบัติ ทองภายในนั้นย่อมไม่มากเท่ากับที่นี่เท่านั้น เหล่าบรรพบุรุษตระ กูลเพิ่งเพื่อล่อลวงผู้คนทั้งใต้หล้า ขนาดทรัพย์สมบัติมหาศาล ขนาดนั้น เช่นนั้นขุมทรัพย์สมบัติทองสมบัติของจริง ขากลับคาด หวังมากโดยแท้จริง” หล่อนซ่านกล่าว

ทรงเย่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ก็อดเอ่ยแทรกไม่ได้ “ถูกต้อง ข้าก็คาดหวังมากนัก ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าแผนที่ สมบัตินี้ ข้าก็อาจจะคิดว่าสถานที่นี้เหมือนกับเหมืองทองขนาด เล็กแห่งหนึ่งเท่านั้น ครั้งนี้โชคดียิ่งนักที่แม่นางหลินอยู่ที่นี่
หลินชิ้นเยียนหัวเราะอย่างสุขกายใจผสานไปกับทรงเย่ หลัง จากเอ่ยถ่อมตัวสองสามประโยคแล้วเอ่ยถาม “เจ้าบ้านทรง เกรงใจเกินไปแล้ว ตอนนี้พวกเราเพียงเพิ่งมาถึงทางเข้าเท่านั้น บางทีภายในหนทางข้างหน้ายังมีแบบทดสอบอยู่อีกนะ”

“แม่นางหลินกล่าวถูกต้อง ไปกันเถอะ ถือโอกาสที่ตอนนี้ยัง อีกหลายชั่วยามกว่าฟ้าจะมืด พวกเรายังสามารถกระทำการได้ อีกหน่อย” ทรงเย่ส่งสัญญาณเชื้อเชิญ

ครั้งนี้หลินขึ้นเขียนไม่เกรงใจ ถือแผนที่เดินไปทางฟากที่ แข็งแกร่งที่สุดของกองกำลัง

หลอนซ่านไม่วางใจอยู่บ้าง คิดอยากเดินไปข้างกายหลินซีน เขียนอยู่หลายครั้ง ทว่าทรงเย่กับหญิงสู่กลับกวาดสายตามองมา อย่างเย็นชา อย่างไรเสียทั้งสามตระกูลก็ได้ทำข้อตกลงอยู่ก่อน แล้ว ตระกูลที่เดินไปข้างหน้าจะต้องมีสิทธิ์เลือกก่อน ดังนั้น สายตาของพวกเขาจึงแสดงออกอย่างชัดแจ้ง ก็คือให้หล่อน ซ่านเดินไปด้านหลังที่สุดของกองกำลัง

หล่อนานไม่มีทางเลือกจ่าต้องถอยกลับไป อย่างไรเสีย เสี่ยวหลงบนหลังหนีหว่าน เดินเคียงข้างหลินขึ้นเขียนอย่างระ แวดระวัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ