ตอนที่ 215 ยามต่ำใจท่านปรากฏ
ที่แท้นางกำนัลที่นำทางมาก่อนหน้านี้มีนามว่าอี้ เหมย ตอนนี้นับว่าหลินซีนเยียนได้ลิ้มรสกรุ่นมาแล้ว เดาว่าก่อนหน้าที่อี้เหมยผู้นี้เรียกให้นางพักบริเวณหน้า ประตูล้วนพกลมทั้งสิ้น ความตั้งใจจริงคงไม่พ้นการ จงใจถ่วงเวลาเพื่อให้ฮองเฮาลงทัณฑ์ก็เท่านั้น
นี่เพิ่งเข้าวัง ก็พบปะกับเพทุบายที่แสนป่าเถื่อน
อี้เหมยโค้งกายให้แก่แม่นมอาวุโส จึงค่อยมาหยุด ตรงหน้าหลินซีนเยียน นางไม่พูดพร่ำทำเพลง ง้างมือ ขึ้นแล้วตบหลินซีนเยียนหนึ่งฉาด หลินซีนเยียนตะลึง เดิมทีนึกอยากยกมือขึ้นป้องกัน แต่กำลังจะขยับ กลับ เห็นฮองเฮาปรายตามองมาอย่างเยือกเย็น นางลังเล อยู่เล็กน้อย สุดท้ายก็ลดมือลง น้อมรับแรงตบอย่าง แน่วแน่
“ตบนี้เพื่อสั่งสอนให้เจ้ารู้จักตรงต่อเวลา ต้องเจียม ตัวต่อสถานะของตน อย่าคิดว่าภายหน้าจะกลายเป็น สนมรองของอู่เซวียนอ่องแล้วตนเองจะผยอง เจ้า คงจะจดจำได้แล้ว เจ้าสามารถกลายเป็นสนมรองของ อู่เซวียนอ๋องได้อย่างง่ายดายรีไม่ ยังต้องดูว่าเรียนรู้กฎ ระเบียบเป็นอย่างไร”
แม่นมอาวุโสยืนอยู่ด้านข้าง โพล่งตะโกนอย่าง
อหังการ ส่งสัญชาตญาณผ่านสายตาให้อี้เหมยลงมี
อกับหลินซีนเยียนอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ ล้วนมิได้รอฟังคำบัญชาจากโอษฐ์ของฮองเฮา
“เอาล่ะ แม่นมซุน นางเพิ่งเข้าวังวันแรก นับว่าให้ โอกาสนางสักครั้งเถอะ” ฮองเฮานำเอาดอกไม้สีชาด สดหนึ่งดอกปักเข้าในแจกัน สายพระเนตรมิได้เหลือบ มองมาทางหลินซีนเยียนสักนิด
ตีคนจนเสร็จแล้ว ยังมีหน้าบอกว่าให้โอกาสนาง สักครั้ง
หลินซีนเยี่ยนอดแสยะยิ้มเย็นในใจมิได้
แม่นมซุนตอบรับ แต่กลับยกมือเรียกนางกำนัล สองนางพลางออกคำสั่ง “วันนี้พวกเราให้สนมรองท่าน อ๋องตามพวกเจ้าไปช่วยงานให้ห้องเครื่อง พวกเจ้าต้อง ดูแลว่าที่สนมรองท่านอ๋องของพวกเราให้ดีล่ะ อย่าให้ นางแขนขาดขาขาด หากว่าท่านอ๋องถามขึ้นมา พวก เราคงยากจะอธิบายใช่หรือไม่ ใช่แล้ว วันนี้ฮองเฮา อยากเสวยโจ๊กใบบัวใส พวกเจ้าไปสระบัวในสวนผกา หลวงเก็บเกี่ยวใบบัวกลับมาสักหน่อยเถิด”
นางกำนัลทั้งสองน้อมรับบัญชา ดึงหลินซีนเยียน ให้เดินออกมาทางข้างนอก หอบผ้าผ่อนที่นางถือมา ตลอดร่วงตกลงบนพื้น นางนึกอยากเก็บ ทว่าแม่นม อาวุโสผู้นั้นใช้เท้าเตะห่อผ้าของนางกระเด็นไปข้างๆ “แม่นางหลิน เจ้าตามไปทำการทำงานเถิด นี่เป็นวัง หลวง มิใช่จะนำของสิ่งใดเข้ามาก็ได้ ของพวกนี้ข้าจะ เรียกคนมาเอาไปทิ้งเสีย ในวังหลวงไม่มีของสิ่งใดกัน เล่า ยังจะให้เจ้านำของนอกวังเข้ามาอีกรี”
หลินซีนเยียนโกรธจนกัดฟันกรอด จ้องนางกำนัล คนนั้นที่เก็บห่อผ้านางขึ้นมาแล้วนำออกไปตาเขม็ง แม้ว่าในห่อผ้านั้นมีเพียงอาภรณ์เรียบง่ายไม่กี่ชุด เท่านั้น แต่ว่าความรู้สึกเช่นนี้กลับไม่ค่อยสู้ดีจริงๆ
รอจนกระทั่งออกจากพระตำหนักยงเหอแล้ว นาง กำนัลทั้งสองซึ่งจับแขนของหลินซีนเยียนจึงผละ ปล่อยมือออก อายุอานามของนางกำนัลทั้งสองล้วนยัง เยาว์วัย ยังไม่ถึงยี่สิบปี กำลังอยู่ในวัยสะพรั่งบาน การ ควบคุมอารมณ์ก็มิได้เข้มงวดเฉกเช่นแม่นมอาวุโสผู้นั้น
หนึ่งในนั้นเห็นว่านางขุ่นเคืองใจ เดินพลางปลอบ ประโลมไปพลาง “แม่นางหลิน ท่านอย่าได้สลดไปเลย นับรวมแล้วท่านจะอยู่ในวังหลวงเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ซ้ำยังเป็นคนของอู่เซวียนอ๋อง ต่อให้ฮองเฮาไม่เอ็นดู ท่าน แต่มิอาจทำอันใดเกินเลยให้อู่เซวียนอ่องไม่ภิรมย์ พักตร์หรอกเจ้าค่ะ ขอเพียงท่านอดกลั้นไม่กี่วันก็จะดี ขึ้นแล้ว”
ความรวดร้าวฉายแววชัดบนใบหน้า หลินซีนเยียน มีศัตรูคู่แค้นให้ชำระอยู่หนึ่ง ดังนั้นความแค้นเคืองใน ใจจะปล่อยวางอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้เสียที่ใดกันเล่า นางตามหลังทั้งสองไปติดๆ อดถามมิได้ “พี่สาวทั้งสอง สามารถแนะนำข้าได้หรือไม่ เหตุใดข้าเองมิเคยทำผิด ต่อฮองเฮาเลย ฮองเฮากลับจงเกลียดจงชังข้าถึงเพียง นั้น”
ทั้งสองเสมองกันหนึ่งแวบ นัยน์ตาฉายแววลังเลอยู่เล็กน้อย หนึ่งในนั้นพยักหน้าให้กับอีกคน ความ หมายนั้นก็คือไม่ต้องเอ่ยมากความแล้ว
“พี่สาวทั้งสอง พวกท่านแค่บอกข้า เพียงแค่ชี้แนะ สักประโยคเท่านั้น มินับว่าทำผิดกฎราชวังอะไรหรอก ใช่หรือไม่” หลินซีนเยียนเอ่ยพลางดึงเอาปิ่นปักผม
ออกมาหนึ่งคู่ มอบให้ใส่มือทั้งสองคนละหนึ่งข้าง
ปิ่นปักผมอันนั้นเป็นของที่โม่จื่อเฟิงมอบให้เมื่อ หลายวันก่อน ว่ากันว่าเป็นของที่ช่างไม้ฝีมือเลิศที่มีชื่อ เสียงที่สุดในเมืองเฟิ่งชีใช้เวลาหนึ่งปีในการประดิษฐ์ ขึ้น สามารถสะดุดตาของโม่จื่อเฟิงได้ จะต้องมี ธรรมดาเป็นแน่ นางกำนัลทั้งสองซึ่งกำลังยึกยักอยู่เมื่อ ได้เห็นปิ่นปักผมอันนี้ บัดดลก็ใจเต้นระรัว
หนึ่งในนั้นกัดฟันเอ่ย “อย่างอื่นก็มิได้มีอันใดต้อง ปิดบัง ว่ากันแล้วนี่ก็มิใช่ความลับอะไร ฮองเฮาไม่รอ พบแม่นาง ก็แค่เพียงเพราะชายาเอกของอู่เซวียนอ๋อง เรียกฮองเฮาว่าท่านพี่หญิงก็เท่านั้น”
ฮองเฮาเว่ยชิงเฟยเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซียวฉาง
เยว่ หลินซีนเยียนสระพรึงเพริศ เหตุใดโม่จื่อเฟิงจึงไม่
บอกข่าวคราวนี้แก่นาง หรือว่าเขามีเหตุจำเป็นจะต้อง หลบหลีกปัญหาข้อนี้ หากว่าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เช่นล่ะก็ฮูหยินของท่านเจ้า เมืองเซียวก็มิใช่คนของตระกูลเว่ยหรอกหรือ ตระกูลเว่
ยมีอำนาจทางทหาร ตระกูลเซียวมีราชการพลเรือน
การเกี่ยวดองเยี่ยงนี้ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใด ย่อมเป็นภัยต่อฮ่องเต้อย่างถึงขีดสุดกระมัง
หลินซีนเยียนพลันรู้สึกว่าวงโคจรของเมื่อเพฟิ่งชี นั้นแคบขึ้นมากะทันหัน ตราบเท่าที่ตระกูลทรงอิทธิพล ล้วนใช้วิธีเกี่ยวดองกันผ่านญาติมิตรเพื่อรักษาอำนาจ ของตนให้คงอยู่ ก็มินึกแปลกหากบุคคลผู้ไร้ที่พึ่ง ปราศจากภูมิหลังเช่นนาง ผู้ใดล้วนแต่รู้สึกว่าไม่เหมาะ สมกับตำแหน่งสนมรองของอู่เซวียนอ๋อง
นางพ่นลมหายใจยาว ทว่ากลางใจกลับมีความ มั่นใจเพิ่มขึ้น ถึงแม้ตระกูลเว่ยกับตระกูลเชี่ยวจะอยู่ใน ระดับเดียวกัน และต่อให้ฮองเฮาจะกลั่นแกล้งกันเพียง ใด ฮ่องเต้จะต้องให้นางขึ้นเป็นสนมรองของอู่เซวียนอ๋ องอย่างราบรื่นเป็นแน่ ไม่เกี่ยวกับอย่างอื่น มิใช่นั้น ศัตรูจะบรรลุจุดมุ่งหมาย ก็นับว่ากลอุบายประสบความ สำเร็จ
มิแปลกใจที่โม่จื่อเฟิงเคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน หน้า เรียนกฎระเบียบอันใดกัน ก็แค่เดินผ่านสนาม เท่านั้น
ในเหมันตฤดู กระทั่งสระบัวในสวนผกาหลวงยังไร้ ใบสัตตบรรณบานเบ่ง นอกจากเหล่าใบที่เหี่ยวแห้งไป ค่อนครึ่งแล้ว ที่เหลือล้วนอยู่ในสภาพสีมอใกล้ร่วงโรย
นางกำนัลทั้งสองถลกชายชุดคลุมลงไปในสระบัว
หลินซีนเยียนมอง คงทำได้เพียงถลกชายกางเกงขึ้น
แล้วเดินลุยลงสระบัว
ทว่า แค่ก้าวลงไป นางก็ถูกชลธารแห่งสระจงกลนีแสนเย็นเยียบทำให้หนาวจนสั่นระริก เมื่อมองนาง กำนัลทั้งสองนาง ก็กัดฟันเดินลงไปในสระบัว เฟ้นหา ใบสาโรชที่ยังอ่อนเขียวในสระมาสักกำ
หลินซีนเยียนถอนหายใจอีกครั้ง แต่ก็เอวเอี้ยว เหลียวหาไปพลาง เพียงแต่ผ่านไปชั่วครู่ยาม เท้าทั้ง | สองข้างถูกความเย็นจนเฉยชา ทว่ามือเรียวกลับควาน พบใบสาโรชงอกใหม่ที่ใหญ่กว่าฝ่ามือ
ณ เวลาจุดนั้นมิเร็ว ต่อให้ทั้งสามหนาวเย็นจนปาก ม่วง แต่กลับมิกล้าแอบพัก ทำเพียงกำหมัดแน่นพลาง เฟ้นหาต่อ
คนเดียวหากลำบากนั้นก็แสนยากเข็ญ ทว่าสาม คน กลับมิได้ลำเค็ญเท่าใดนัก
ขณะนั้น หลินซีนเยียนรู้สึกว่ายังคงฝืนทนต่อไป ได้ เพียงแต่ยามที่มีขบวนคนปรากฏตรงบริเวณข้าง สระบัว นางเหลียวศีรษะไปมองเหล่าเจ้านายพวกนั้น นางกลับอดมิได้ที่จะแสบจมูก รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสีย จนอย่างโพล่งร่ำไห้ออกมา
บริเวณข้างสระบัว โม่จื่อเฟิงรอคนออกมาจากห้อง ทรงอักษร ได้ยินว่าฮ่องเต้เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าฝูงใหม่ใน โรงสัตว์ป่า นึกใคร่จะไปชมกับเหล่าสหายร่วมกิจเสีย หน่อย แต่ใครจะรู้ว่าเพิ่งเดินถึงสถานที่แห่งนี้ก็ได้เห็น ฉากเยี่ยงนี้เบื้องหน้า
เขาขมวดคิ้วมุ่น ไม่สนใจสายตาพิศวงรอบด้าน บาทย่างแผ่วเบา เหยียบใบบัวที่ร่วงโรยไม่กี่ใบก็มาถึงบริเวณด้านหน้าของหลินซีนเยียน ก่อนจะเอื้อมมือไป โอบร่างหลินซีนเยียนแล้วดึงขึ้นมาจากสระบัว หลินซีนเยียนรู้สึกเพียงว่าภาพเบื้องหน้าพร่ามัว
ยามที่พยายามเปิดเปลือกตาอีกครั้ง ร่างก็ตกมายังข้าง
สระบัวแล้ว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ