ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 101 ไม่กล้าลงมือหนัก



ตอนที่ 101 ไม่กล้าลงมือหนัก

เวลานั้น หลินซินเยียนแหงนหน้าขึ้นมองครั้งหนึ่ง การมอง ครั้งนี้ทำให้นางจำรอยยิ้มของเซียวฉางเยว่ได้แล้ว

เมื่อเซียวฉางเยว่คนของตัวเองออกไปจากห้องแล้ว ร่าง ที่เจ็บไปทั้งตัวของหลินซินเยียนล้มพับอยู่บนพื้นแล้ว นาง ต้องใช้กำลังอย่างมากถึงจะลุกขึ้นมาได้ นางไม่ได้เห็นสภาพ ที่ดูจนตรอกของตัวเอง นางแค่ลุกขึ้นภายใต้การประคองของ เอ่อร์ยาอย่างแข็งที่อ แล้วถาม “ยังเดินไหวไหม”

เอ่อร์ยาสูดจมูกขณะประคองหลินซินเยียนแล้วก็ร้องไห้ ออกมา “แม่นาย นี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่ ท่านมาหานางเพื่อที่ จะให้นางตบตีตัวท่านเองหรือ”

หลินซินเยียนถอนหายใจ นางลูบหลังของเอ่อร์ยาเบาๆ “ข้า ทำให้เจ้าต้องมาเจ็บตัวด้วยแล้ว เพียงแต่ถ้าข้ามาหานางคน เดียวก็อาจจะทำให้คนอื่นสงสัยได้ง่าย โดยเฉพาะคนเจ้าเล่ห์ เหมือนจิ้งจอกอย่างโม่จื่อเฟิง ถ้าต้องการจะตบตาเขาก็ต้อง มาจริงๆ”

“แม่นาย ….”เอ่อร์ยาที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเงยหน้าขึ้น มองรอยช้ำที่อยู่บนแก้มของหลินซินเยียน นางสูดจมูก คนคน หนึ่งต้องสิ้นหวังมากถึงจะยอมตกอยู่ใต้เงื้อมมือของคนที่โหด เหี้ยมเช่นนี้ นางส่ายหน้า “แม่นาย เอ่อร์ยาไม่กลัวความ ลำบากเลย”

หลินซินเยียนพยักหน้าอย่างชื่นใจ “เอาละ เช่นนั้นตอนนี้ เจ้าไปหามู่เหอที่จวนอู่เซวียนอ่องนะ”
เอ่อร์ยายังรู้สึกงงงวยเล็กน้อยแต่นางก็ยังคงทำตามที่หลิน ซินเยียนสั่ง

ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หลินซินเยียนชอบนั่งภายใน ห้องโถงพร้อมกับมีกาน้ำชาแล้วมองเมฆตรงขอบฟ้า ตอนที่ นางเพิ่งจะมาถึงโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้ นางยังคงครุ่นคิดว่าหญิง สาวสมัยโบราณที่ชีวิตไม่ยอมออกจากห้องเกินสามก้าวพวก นางจัดการกับชีวิตที่น่าเบื่ออย่างนี้ได้อย่างไร

ตอนนี้นางรู้แล้ว จากมุมมองผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ ผู้ชายเป็นใหญ่นั้น ชีวิตยังมีอะไรที่คุ้มค่าให้เฝ้ารอ สิ่งนั้นก็ เป็นแค่เพียงแค่ฟังคำสั่งของพ่อเมื่อแต่งงานออกไปก็ฟังคำสั่ง ของสามีเท่านั้น ในเมื่อไม่มีสิ่งใดให้เฝ้าคอย เช่นนั้นก็ไร้ซึ่ง ความหวัง ไม่มีความหวังแล้วจะทำเรื่องต่างๆมากมายไปเพื่อ อะไร

มองท้องฟ้าไปก็เป็นเหน็บไปเช่นนี้ บางทีอาจจะนั่ง เอ้อระเหยเพื่อให้เวลาผ่านไปครึ่งวันเร็วๆ

เพียงแค่ หลินซินเยียนกลับไม่ต้องรอนานโม่จื่อเฟิงก็มา พร้อมกับจินมู่แล้ว

เมื่อโม่จื่อเฟิงเดินเข้ามาในห้องก็เห็นนางมองท้องฟ้าด้วย สายตาที่ว่างเปล่า บนใบหน้าของเธอมีรอยข่วน บริเวณลำคอ ยังมีรอยซ้ำ ถึงแม้บนร่างจะมองไม่เห็น แต่เขาก็นึกภาพออก ว่าขนาดความเจ็บบนใบหน้ายังเป็นเช่นนี้ บริเวณที่มองไม่เห็น ก็คงจะเป็นสภาพเดียวกัน

“เจ็บขนาดนี้ทำไมไม่ไปพักในห้อง มานั่งตากลมไม่ทำให้ยิ่ง ไม่สบายเข้าไปใหญ่หรือ” โม่จื่อเฟิงเดินเข้ามา นำเสื้อคลุมกัน ลมของเขามาคลุมไหล่ให้นาง
หลินซินเยียนถือโอกาสจับมือเขาเอาไว้ นางหันไปโปรยยิ้ม

เศร้าสร้อย “ท่านอ๋อง เพราะข้ามีฐานะเป็นหญิงหอนางโลม

ดังนั้นไม่ว่าข้าจะทำอะไร ข้าก็เป็นได้แค่ผู้หญิงไม่มีหน้ามีตา ที่ยื่นอยู่ข้างกายท่าน ใช่หรือไม่” โม่จื่อเฟิงให้นางจับมือเขาไว้อย่างนั้น เขานั่งม้านั่งข้างๆ “มี ความรักใคร่จากข้าแล้วยังไม่พอหรือ”

รักใคร่ ในฐานะของเขาที่เป็นคนเบื้องบนที่สูงส่งแล้ว บาง ครั้งแค่แจกรอยยิ้มให้นางนิดหน่อยนางก็ควรที่จะรู้สึกซาบซึ้ง นะหรือ ช่างน่าขันเสียนี่กระไร

แต่ว่า บนในหน้าของนางไม่ได้แสดงความน่าขันเลย นาง แค่พิงตัวโม่จื่อเฟิงราวกับนกน้อยในร่างของคน “แต่ว่าท่าน อ๋อง ข้าทรมาน แม่นางเซียวก็กำลังจะเป็นพระชายาของท่าน แล้ว เมื่อถึงเวลาที่นางเป็นพระชายาแล้ว ข้าก็เป็นสาวใช้อุ่น เตียงที่พบหน้าใครไม่ได้ ไม่สิ ตอนนี้เป็นบ้านเล็กของท่าน ข้า ยังมีทางรอดไหม ข้าไม่กลัวตาย ข้าแค่รู้สึกว่าถ้าข้าตายแล้ว ข้าจะไม่ได้เห็นท่านอ๋องอีก”

แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่คิดว่าจะต้องมาฟ้องเรื่องของเซียว ฉางเยวให้โม่จื่อเฟิงฟังตรงหน้า เพราะนางรู้ อย่างไรโม่จื่อเฟิ งก็ต้องแต่งงานกับเซียวฉางเยว่ แค่พิสูจน์ว่าเขาเป็นคนเห็น ประโยชน์มาก่อน เพื่อประโยชน์นั้น เขาสามารถแต่งงานกับผู้ หญิงที่เขาไม่ได้รัก ดังนั้นเพื่อประโยชน์แล้วเขาก็สามารถ เสียสละนางได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจะให้ฟ้องเขานะหรือ นาง ไม่ได้ต้องการ

โม่จื่อเฟิงกอดนางไว้ในอ้อมแขน นิ้วมือของเขาลูบไปบน รอยข่วนบนใบหน้าของเธอ หัวคิ้วก็ยับย่น “เซียงฉางเยวรู้ว่าข้ารักเจ้า นางไม่กล้าลงมือฆ่าเจ้าหรอก”

ขอแค่ไม่ลงมือฆ่านาง สำหรับเขาแล้วยังไงก็ได้หรือ

ถึงแม้จะเคยเห็นความใจเย็นของเขามาตั้งแต่แรก แต่เมื่อ ได้ยินเขาพูดเช่นนี้อีกครั้ง หัวใจก็ยังทนความเจ็บปวดรวดร้าว ไม่ไหว

“ท่านอ่อง ปล่อยข้าไปสักพักเถิด” หลินซินเยียนพิงอยู่บน หน้าอกของเขาอย่างน่าเอ็นดู นางใช้ริมฝีปากสัมผัสผิว บริเวณอกเสื้อที่เปิดกว้าง “ข้าไม่อยากเห็นพิธีมงคลสมรส ของท่าน ท่านคิดดูสิ เวลานั้นทั้งเมืองจะต้องคึกคักที่สุด เป็น เรื่องน่ายินดีที่ดังสะท้าน…”

นางพูดอย่างโศกเศร้า นางแสดงความรู้สึกเศร้าโศกบน ใบหน้าได้อย่างที่ต้องการ

โม่จื่อเฟิงเงียบไปสักพัก หัวคิ้วของเขาที่ยับย่นแน่นไม่

คลายออกเลย “แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีผู้หญิงปรากฏอยู่ข้าง

กายข้า เจ้าเป็นคนแรก เจ้าเป็นคนฉลาดและรู้เรื่องมาก ข้า

ชอบเจ้าเหลือเกิน”

“ท่านอ๋องตัดใจให้ข้าไปไม่ได้หรือ” หลินซินเยียนแสร้ง ทำตาลุกวาว จู่โจมจูบริมฝีปากเขา สักพักถึงจะปล่อย

โม่จื่อเฟิงพยักหน้า “ใช่ ข้าตัดใจไม่ลง”

“ได้ยินท่านอ่องพูดเช่นนี้ ข้าดีใจเหลือเกิน” หลินซินเยียน ฝังหัวของเธอลงไปบนหน้าอกของเขา นัยน์ตาของเธอมี ความยั่วเย้าพริบหนึ่ง “แต่ว่าข้าไปไม่นานหรอก ท่านอ่อง ให้ ข้าเห็นท่านแต่งงานกับหญิงอื่น เห็นหญิงอื่นปรนนิบัติหอบ อย่างน่าเอ็นดูอยู่ใต้ร่างท่าน เป็นเรื่องที่ข้าเกินจะรับไหวจริงๆท่านอ่อง ปล่อยข้าจากไปสักระยะเถิด พอดีว่าศาลาความลับ

แห่งสวรรค์กำลังรับข้าเข้าไปแล้ว ให้ข้าได้ไปร่ำเรียนสัก

ระยะ หลังจากนั้น ค่อยหลีกเลี่ยงช่วงเวลาไวต่อความรู้สึกนี้ ไม่ได้หรือ” นางพูดด้วยความจริงใจ พูดประโยคเรื่องศาลาความลับ แห่งสวรรค์ได้คล่องก็เพื่อที่จะให้ตัวเองมีข้ออ้างที่มีเหตุผลฟัง

ขึ้น

“ผู้หญิงริษยามากไปนั้นไม่ดี” โม่จื่อเฟิงไม่เห็นด้วยเท่าไหร่

“เพราะสนใจถึงทำให้ริษยา ท่าน อ๋อง นี่เป็นสันดานเดิมของ มนุษย์ ถ้าจะตำหนิ ก็ตำหนิที่ข้าสนใจท่านอ๋องมากเกินไป แล้ว” หลินซินเยียนกอดเอวของเขาไว้ เมื่อมือของเขาสัมผัส บริเวณแผ่นหลังของนาง นางก็จงใจร้องเสียงเบาอย่างเจ็บ ปวด “ท่านอ๋อง อย่าจับตรงนั้น ตรงนั้นเจ็บ ปวดมาก”

มือของเขาหยุดกลางอากาศ ในที่สุดก็วางมือลงบนเอวของ นาง “ช่างเถอะ เซียวฉางเยว่เข้ามาในวังแล้ว เพื่อที่จะมี อำนาจแล้วบางทีอาจจะนำเจ้ามาประหารได้ เจ้าหลีกเลี่ยงสัก พักก็คงดีเหมือนกัน”

หลินซินเยียนได้ยินเช่นนั้น นางดีใจจนจูบข้างแก้มเขาที

หนึ่ง “ท่านอ๋องคุ้มครองข้าเช่นนี้ ข้าก็พอใจแล้ว” จากก้นบึ้ง ของหัวใจเลย จากที่ตัวเองแสดงเป็นเมียเก็บที่เหมาะสม นาง กลับรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไม่มีที่ติ แนวคิดของผู้ชายเหล่านี้นี่น่าขันตลอด ที่เชื่อว่าผู้หญิงคน หนึ่งสามารถอดทนให้เขามีผู้หญิงคนอื่นในครอบครองได้
โม่จื่อเฟิงอุ้มนางเข้าไปในห้อง วางนางลงบนเตียงอย่าง เบามือ หลังจากนั้นก็ลงมือถอดเสื้อผ้าของนาง

“ท่านอ่อง วันนี้ข้าไม่สะดวก” หลินซินเยียนดึงเสื้อของตัว เองไว้ ใบหน้าของนางฉาบด้วยความเจ็บปวด

โม่จือเฟิงพูดเสียงเบา “เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรหรือ ข้าแค่ จะทายาให้เจ้า” เขาพูดเสร็จก็หยิบขวดกระเบื้องเคลือบเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ “ยานี้เป็นยาที่หมอเทวดาให้ข้ามาเมื่อไป ตอนไปเที่ยวไม่กี่ปีก่อน ประสิทธิภาพไม่เลวเลย กระดูกขาว กลับมีเนื้อขึ้นมาได้ไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้เลย ข้าให้เจ้า ดีเลย จะได้ไม่เหลือรอยแผลเป็นให้ข้าไม่ชอบ”

กระดูกขาวกลับมีเนื้อขึ้นมาได้หรือ ยาแพงขนาดนี้เขาเอา มาให้นางใช้ง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ เขาช่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับ สัตว์เลี้ยงที่เขารักเสียจริง

เพราะความรัก ต่อให้จะเป็นแค่ในนามก็เถอะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ