ตอนที่ 490 ความรู้สึก ความยุติธรรมของผู้ใด
เขาไม่รู้ว่าระหว่างแม่บังเกิดเกล้ากับท่านลุงของเขาสรุปแล้วเคย มีอะไรกันแน่ เขารู้เพียง ทุกๆ ครั้ง ขอเพียงท่านแม่รบเร้าระท่าน ลุง ท่านลุงก็ไม่เคยปฏิเสธมาก่อน
บนโลกใบนี้ มักมีความลับบางประการ มีสัจธรรมบางอย่าง ซึ่งไม่อาจเปิดเผยในใต้หล้าได้แม้เพียงสักวัน มีเรื่องราวบาง เรื่อง ที่อาจจะซ่อนกลบเป็นพันๆ ปี แต่กลับยังคงไม่ถูกฝูงชนไป วงรู้ได้เลย
เงาร่างของหลี่หายค่อยๆ หายลับไปท่ามกลางหมอกหนา หล อวิ๋นซ่านจึงค่อยละสายตากลับมา และหมุนกายไปศึกษากลไ ของก้อนหินผันต่อ เพียงแต่ เวลานั้น เขาคาดไม่ถึง แผ่นหลังอันนี้ ท้ายที่สุดแล้วจะทำได้เพียงหลงเหลือเงาๆ หนึ่งในความทรงจำ ส่วนลึกเท่านั้น
ท่ามกลางหมอกหนา ล่าคอของหลินซินเยียนเจ็บปวดอย่าง สุดฤทธิ์ เบื้องหน้าก็มืดดำในชั่วขณะนั้น รอจนสายตาของนาง กลับมาชัดเจนอีกครั้ง คนก็ได้ถูกบีบรุ่นมาด้านข้าง และเบื้อง หน้าของนาง มือของทรงเย่ได้เสียบเข้าไปในแผงอกของคนๆ หนึ่งเป็นที่เรียบร้อย
นางยังไม่ทันได้ตกสะพรึง ก็มองเห็นแผงอกของหลี่ห่ายกลาง โบ๋ โลหิตสดๆ สาดกระเซ็นออกมา กระเด็นตกใส่แก้มทั้งสอง ข้างของทรงเย่ ทำให้ใบหน้าของโรงเย่ยิ่งเปลี่ยนเป็นอำมหิตมากขึ้นเรื่อยๆ
ยาม หลี่หายใกล้ตาย ก็ยังเบิกตากว้างต้องมายังทิศทางของ หลินซินเยียน ท่ามกลางแววตานั้น มีทั้งเสียดาย เสียใจภายหลัง และร้าวราน
“เชอะ!กลางหมอกหนาน ข้าจึงจะอยู่ยงคงกระพัน ของไร้ค่า เหล่านี้ไม่อาจแยกแยะทิศทางได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงต้องตายใน กำมือข้าเท่านั้น ทรงเม่หันกลับไปมองหลินซินเยียนแวบหนึ่ง อย่างได้ใจ จากนั้นก็ยื่นมือไปควักตรงแผงอกของหลี่หายออกมา ต่อหน้าต่อตาของนาง กลางฝ่ามือยังกำหัวใจดวงหนึ่งซึ่งกำลัง เนตึกตักอยู่
“ท่าน…” หลินซินเยียนนักอยากปริปากด่าทอความโหดร้าย ของทรงเย่ แต่ว่าคำพูดยังไม่ทันได้ออกจากปาก ก็มองเห็นทรง เยดเข้าไปในหัวใจดวงนั้นหนึ่งครั้ง นางตกใจหน้าซีด ลืมเลือน คําที่จะก่นด่าเขาก่อนหน้านี้ไปสิ้น
ทรงเย่กัดหนึ่งคำ แววบนใบหน้าก็ดีขึ้นมากโข เขาทอดถอน ใจพลางกล่าว “เฮ้อ ตอนนี้ข้านี้โรคกำเริบ ก็จำต้องพึ่งหัวใจคน เป็นๆ มาบำรุง เอาล่ะ เจ้าเองก็อย่าได้แสดงสีหน้าเช่นนั้นออกมา อย่างไรเสียเจ้า ในตอนนี้ก็ยังมีประโยชน์สำหรับข้า ดังนั้นเจ้า วางใจเถิด เขาไม่อาจกินเจ้าแน่
ไม่อาจกินเจ้าแน่
ประโยคนี้ ดูเหมือนว่าอสูรกายจึงจะเอ่ยค่านี้ได้ กลับคาดไม่ ถึงว่าจะออกมาจากปากของคนๆ หนึ่งได้
กลางใจของหลินขึ้นเขียนเย็นวาบ สีหน้า เป็นแววขัดขาว นางไม่ได้กรีดร้อง ทำเพียงมองร่างไร้วิญญาณของหลีหายที่ทรุด ฮวบลงบนพื้นก็อดเวทนาไม่ได้ นางนึกถึงภัยคุกคามและความ วุ่นวายที่หน่ายมีต่อนาง ช่วงระหว่างนั้นเองก็เห็นอกเห็นใจหล หายขึ้นมา บางที สำหรับนางแล้ว หลีหายไม่ใช่คนที่อะไร ตาย แล้วก็ตายไป แต่ว่าสำหรับตระกูลหรง หล่อขึ้นซ่าน แล้วหลายก ลับมีความจริงใจมากมายเพียงนั้น
มนุษย์ ล้วนมีสองด้านด้วยกันทั้งสิ้น ความชั่วของคน เพียงแค่ เจาะจงไปที่คนบางกลุ่มเท่านั้นเอง ส่วนต่อหน้าของคนที่เขา ห่วงใย เผลอๆ เขาเองก็อาจจะเป็นคนดีคนหนึ่งเดียว
“เอาล่ะ รีบลุกขึ้นมาโดยเร็ว รอข้าจัดการเขาแล้ว เจ้าก็เปิดกล ไลให้ข้าเป็นพอ!” ทรงเยเดินเข้ามาต่อหน้านางและกดเสียงเอ่ย ต่ำ จากนั้นก็จับไหล่ของหลินซีนเขียนให้นางลุกขึ้นมา
ด้านข้างของก้อนหินผัน หล่อวิ๋นซ่านขมวดคิ้วแน่น สังเกตลาย เส้นบนก้อนหินผันไม่วางตา แต่ว่าเขาดูมานานเนิ่นแล้ว กลับยัง คงมองที่มาที่ไปไม่ออกเลย
ทันใดนั้น เขารู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ จึงหันร่างกลับอย่างฉับ พลัน มองเห็นใบหน้าซีดขาวของหลินซีนเขียนอยู่รำไร เขารีบ เปล่งเสียงกระซิบ ออกมา “ซีนเยียน เจ้าไม่เป็นไร…”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ ก็มองเห็นท่ามกลางหมอกหนา ทรงเปลาก หลินซีนเขียนเดินออกมา มือทั้งสองข้างของทรงเย่เปื้อนไปด้วย โลหิตสดเต็มไปหมด ยามที่นิ้วมือกระชับหลินซีนเขียนเอาไว้เลือดสดก็เปื้อนบนลำคอระหงขาวของนาง บาดตาเป็นอย่างยิ่ง
หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำ นึกถึงก่อนหน้าที่ได้ยินเสียงของ หลินขึ้นเขียน ท่านลุงจึงไปตรวจค้นกลางหมอกหนา ใครจะรู้ ว่าการไปครั้งนี้จะไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย เขาสะอื้น น้ำเสียง ค่อนข้างสั่นเครือ โดยไม่รู้ตัว “เจ้า เจ้าฆ่าท่านลุงของข้าว
“เฮอะ!” ทรงเข่แค่นหัวเราะเย็น “เขาต้องตายตามธรรมชาติ อยู่แล้ว ก่อนตายก็ได้ถวายพละกำลังให้ข้าสักเล็กน้อยก็นับว่า เป็นบุญของเขาแล้ว”
เมื่อมั่นใจเกี่ยวกับหน่ายแล้ว หล่อวิ๋นซ่านก็ตาแดงก่ำ ตะโกนร้องลั่นพร้อมชักดาบยาวตรงบริเวณเอวออกมา ปลาย ดาบไปทรงเย่ และกล่าวอย่างเดือดดาล “วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า เสีย!”
“เจ้ากล้าดี” ทรงเย่ยิ้มเย็นๆ จากนั้นก็ออกแรงบนมือ บีบ บังคับให้หลินซีนเยียนสูดลมหายใจและไอติดขัดออกมา “ไม่ ต้องเอ่ยถึงวรยุทธ์ของเจ้าไม่เข้า ก็ต้องบอกว่าตอนนี้ นางอยู่ใน กํามือของข้า เจ้าอยากฆ่าช้า ไม่แยแสชีวิตของนางแล้วหรือไร
หล่อวิ๋นซ่านเบิกตากว้าง นัยน์ตาเป็นสีแดง มือที่ซูดาบอยู่ สั่นระริกไม่หยุด “เจ้า เจ้าปล่อยนางนะ!
“เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือ” ทรงเย่แค่นเสียเย็น “ตอนนี้นาง ค่าเชียวนะ มีนางอยู่ ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ต้องลงมือก็ทุบได้แล้ว”
มุมปากของหล่อวิ๋นซ่านขยับ ราวกับว่านึกอยากกล่าวอะไร บางอย่างมาดัดค้านค้าของเขา ทว่าจนเล่าจนรอดก็ไม่ได้เอ่ยออกมาเลยสักประโยคเดียว
“ตอนนี้ อันดับแรกใช้ดาบฟันข้อเท้าของตัวเองขาดเสีย!” ใน น้ำเสียงของทรงเข่แฝงไปด้วยความโหดร้ายอันป่าเถื่อน
ค่าของเขาเพิ่งสิ้นสุดลง สีหน้าของหล่อวิ๋นซ่านพลันขาวซีดทั้ง ไบ หลินซีนเขียนเองก็เบิกตากว้างสีหน้าตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน
หลินซีนเยียนกัดฟันกรอดกล่าว “ทรงเย่! ท่านฆ่าช้าก็พอแล้ว อย่างไรเสียไม่จื่อเฟิงก็ตายลงในตระกูลทรงแล้ว ก็ให้ขาตายไป เป็นเพื่อนเขาด้วยเลยเสีย!”
“โอ้ว…เจ้ายังห่วงใยผู้ชายคนนี้อยู่มาก ท่าไม เจ้าไม่เพียงแต่ มีความรู้สึกต่อไม่จื่อเฟิง และยังมีใจให้กับผู้ชายคนนี้ด้วย? สาว น้อย เจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอก แม้แต่พะเน้าพะนอผู้ชายเองก็ครบครัน เพียงนี้เชียว” จนถึงป่านนี้แล้ว ทรงเย่ไม่ได้มีศีลธรรม ใดๆ แล้ว ดังนั้นยามที่เอ่ยคำก็ยิ่งไม่เสนาะหูขึ้นเรื่อยๆ เขาชะงักสักนิด ก่อนกล่าว “ในเมื่อพวกเจ้ามีความชอบพอกัน เช่นนั้นข้าก็จะเฝ้า สังเกตการณ์ดูหน่อย ความรู้สึกนี้ในระหว่างพวกเจ้านั้นจะมี ความหนักแน่นมากเพียงใด
“ท่าน…วิปลาส!” หลินซีนเยียนเกือบจะกัดฟันหัก
“ฮ่าๆ…” ทรงเแหงนหน้าระบิดหัวเราะขึ้นมา “ข้าวิปลาส ฮ่าๆ…ใช่ ข้านี่แหละคนวิปลาส! ยิ่งของที่ข้าไม่ได้ครอบครอง ก็ ยิ่งชื่นชอบเห็นมองมอดดับอยู่ตรงหน้าข้า ความรู้สึกอะไรของ พวกเจ้าหนอ รักหนอ ในมุมมองผู้ชายตระกูลหรงของข้าก็ไม่มี ค่าให้เอ่ยถึงโดยสิ้นเชิง อีกอย่างเขาเป็นถึงหัวหน้าตระกูลหลเขียว ทำให้ทารุณตัวเองต่อหน้าข้า เจ้าไม่รู้สึกถึงความวิเศษวิโส ยิ่งนักหรือ”
ตรรกะของทรงเยีผิดเพี้ยนไปเป็นที่เรียบร้อย ทำให้หลินขึ้น เยียนซึ่งเป็นคนปกติธรรมดาไร้หนทางเข้าใจได้โดยสิ้นเชิง นาง ทำได้เพียงอุ่นหัวคิ้วมองไปทางหล่อวิ๋นซ่าน พลางกล่าว “หล่อขึ้น ท่าน ท่านควรจะทำอะไรกระมัง ไม่ต้องกังวลกับช้า เต็มที่ขาก็ไม่ ได้คิดจะมีชีวิตออกไปจากที่นี่อยู่แล้ว”
“หลื่อวิ๋นซ่าน เจ้ายังจะแน่นิ่งทำอันใดอีก ข้าจะนับสามครั้ง เจ้าไม่ลงมือ ข้าจะเป็นคนลงมือเอง! วะฮะฮ่า ช่างน่าเสียดายตัว หนังแผ่นอันนี้เสียจริงๆ” ทรงเยแสร้งทำเป็นส่ายหน้า ก่อนจะ กล่าวเป็นจังหวะ “สาม สอง…”
ในดวงตาทั้งคู่ของหล่อวิ๋นซ่านแดงเลือก มีเพียงใบหน้าซีด ขาวของหลินซ๊นเขียนสะท้อนออกมา มือของเขาสั่นเทา นึกอยาก ข้ามสถานการณ์ตรงหน้าไปเสีย แต่ว่ามือข้างที่รัดสําคอของหลิน ซีนเยียนเอาไว้กลับบาดตาเสียปานนั้น เขามองนิ้วมือของทรงเย่ บีบรัดแน่นขึ้นตาปริบๆ จากนั้นก็เห็นใบหน้าของหลินขึ้นเขียน จากขาว ดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง…
ท้ายที่สุด เขายังคงซูดาบยาวขึ้น ตวัดขึ้น ตวัดลง เขาทรุดฮวบลงมา บริเวณข้อเท้าทั้งสองข้าง เปียกชุ่มไปด้วยโลหิตสด
ในท้ายที่สุด เขายังคงเลือกสิ่งที่ผุดผ่องที่สุดในดวงใจของตัว เอง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ