ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 472 อุบัติเหตุตลอดเส้นทาง



ตอนที่ 472 อุบัติเหตุตลอดเส้นทาง

“ถ้าเป็นเพียงแค่หมาป่าแน่นอนว่าไม่สามารถทำร้ายยอดฝีมือ เหล่านี้ได้ แต่ช่างบังเอิญที่เมื่อคืนที่ยอดฝีมือเหล่านี้กลับดื่มเหล้า จนเมามาย” เสี่ยวหลงถอนหายใจเงือกหนึ่ง มุมปากด้านข้าง พยายามปกปิดรอยยิ้มเยาะหยัน “วิธีการสกปรกเช่นนี้ใช้ได้ผล ดูแล้วพวกเขาคงจะให้ความสำคัญกับการสำรวจแหล่งชุมสมบัติ ครั้งนี้มากกว่าที่พวกเราคาดการณ์ไว้อีก”

หลินซีนเยียนเข้าใจความหมายของเขา “ความหมายของเจ้า คือมีคนวางยายอดฝีมือเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว อีกทั้งยังดึงดูด หมาป่ามาจู่โจม ดังนั้นมองแล้วจะดูเสมือนกับเป็นอุบัติเหตุ เยี่ยง นั้นคนที่ตายครั้งนี้คือคนของตระ ไหนเล่า”

น้ำเสียงเสี่ยวหลงที่ตอบกลับ ตอบว่า “คนที่ตายคือคนของห รงเย่ หนึ่งในนั้นมีผู้อาวุโส และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคือคนของตระ กูลหลิง คนของตระกูลหลิงเมื่อตอนรีบเข้าไปช่วยจึงได้รับบาด เจ็บ”

“หึหึ” หลินซีนเขียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ “ตระกูล หลังไปช่วย ยังได้รับบาดเจ็บอีก” คนของตระกูลหลิงก็นับว่าเป็น ยอดฝีมือ หรือว่าแม้แต่หมาป่าไม่กี่ตัวก็รับมือไม่ไหว บางส่วนที่ ได้รับบาดเจ็บนี้แสดงให้เห็นว่ามีความจอมปลอมอยู่มาก

แต่ถึงแม้ภายในใจทุกคนจะรู้อยู่ว่าอันใดเป็นอันใด ทว่าอย่าง น้อยสิ่งที่เห็นก็คือคนของตระกูลหลิงเป็นเพราะช่วยคนจึงได้รับบาดเจ็บ พูด ในด้านตระกูลหนึ่งก็คือบุญคุณไม่ใช่ความแค้น ถึง แม้ตระกูลทรงอยากจะแสดงโทสะ ก็ไม่เป็นการดีที่จะฉีกหน้า ตนเอง

ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุยสนทนากัน ทรงเย่ก็ส่งคนมาแจ้งให้ พวกเขาเตรียมตัวออกเดินทาง เหมือนกับเป็นเพียงอุบัติเหตุ การจู่โจมของหมาป่าฉากหนึ่ง ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการเดิน ทางครั้งนี้แม้แต่น้อย

หลินซีนเยียนและเสี่ยวหลงช่วยกันเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่อง ใช้ในการเดินทาง หลังจากกินอาหารกันอย่างลวก ๆ กองกำลัง ก็ได้เริ่มเดินทางเคลื่อนขบวนอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง ถึงแม้จะเป็นเช้า ตรู่ แต่อยู่เขตทะเลทรายที่เวิ้งว้างว่างเปล่าเยี่ยงนี้ พระอาทิตย์ยัง คงร้อนแผดเผาจนทำให้ผิวของคนแห้งเหี่ยวจนเจ็บปวด

หลินซีนเยียนปิดปากปิดจมูกด้วยผ้าโปร่งบาง นั่งบนหลังอูฐ โยกไปโยกมา คนกลุ่มหนึ่งพึ่งจะเดินทางไปได้ประมาณหนึ่งชั่ว ยาม ด้านหน้าสุดก็มีเสียงร้องอันน่าหวาดกลัว ตามเสียงที่ร้อง ออกมากองกำลังก็เริ่มทยอยถอยหลังกันอย่างวุ่นวาย

เสี่ยวหลงรีบจับเชือกบังเหียนของหลินซีนเยียนทันที บังคับอูฐ ให้มั่นคงแทนนางและหนีหว่าน รอจนผู้คนรอบตัวอยู่ในความ สงบเขาจึงค่อยปล่อยเชือกบังเหียน แต่สีหน้าของทั้งขบวนยังคง ระมัดระวังกันอย่างมาก

“ด้านหน้าเกิดเรื่องอันใดขึ้น” หลินขึ้นเขียนถึงชายหนุ่มคน หนึ่งที่ถอยหลังมาอยู่ข้างนางเพื่อสอบถาม
ชายหนุ่มคนนั้นเห็นว่าเป็นหลินขึ้นเขียน ซึ่งเป็นคนพิเศษที่สุด ในขบวนนี้ และเป็นผู้หญิงที่ประมุขทุกตระกูลกำชับให้ดูแลและ เคารพเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงรีบตอบคำถามด้วยความนอบน้อม ด้านหน้ามีคนตกลงไปในหลุมทรายดูดขอรับ”

“หลุมทรายดูด?” หลินชิ้นเยียนมีความประหลาดใจ หันกลับ ไปมองเสี่ยวหลง “ไม่ใช่ว่าคนของทรงเยสำรวจพื้นที่ก่อนแล้ว หรือ ตั้งแต่ตอนเช้าสถานที่ที่พวกเราเริ่มออกเดินทางจนถึงแหล่ง ขุมสมบัติเก๋งจีน ก็ล้วนไม่มีหลุมทรายดูดมิใช่หรือ ทำไมอยู่ๆ

เสี่ยวหลงสายศีรษะไปมา ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ คนนั้นตอบด้วย ความแค้นเคือง “ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่ว่าชัยภูมิพื้นที่ทะเลทราย เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หลุมทรายดูดก็ปิดบังซ่อนเร้นอีก บางทีคนที่ไปสํารวจชัยภูมิก่อนหน้านั้นอาจจะสำรวจไม่พบหลุม ทรายดูดละขอรับ”

หลินซีนเยียนเหลือบมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างมีนัยยะ นี่จึง ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มคนนี้คือคนของตระกูลหรง เลยไม่ แปลกที่จะพูดแทนตระกูลทรงเช่นนี้

“ที่พี่ชายพูดก็ดูมีเหตุผล” หลินซีนเยียนไม่ได้โต้แย้งคำพูด ของชายหนุ่มคนนั้น เพียงแค่ขี่อูฐมุ่งไปข้างหน้าที่เบียดเสียด ระหว่างกำลังเข้าไปข้างหน้านั้นก็ได้ถามเสี่ยวหลงที่อยู่ด้านข้าง “เสี่ยวหลง พวกเราจะพนันสักตากันหรือไม่ ดูว่าคนที่ตกลงไปใน หลุมทรายดูด จะเป็นคนของตระกูลไหน”
“อืม…… “เสี่ยวหลงหยุดไปชั่วครู่ แล้วพูดด้วยความสงสัย “ข้า เดาว่า ไม่ได้เป็นคนตระกูลหลินหรอกหรือ

หลินซ๊นเขียนหัวเราะอย่างเงียบ ๆ ระหว่างพูดคุยกันอย่างสนุก ก็ได้ถึงหน้าสุดของขบวนเรียบร้อยแล้ว ได้มองเห็นหลังสู่น้ำคน ติดตามจำนวนหนึ่ง โยนเชือกไปในหลุมทรายดูด ส่วนปลายสุด ของเชือกนั้นมีสว่านเหล็กติดอยู่ สว่านเหล็กลงไปในหลุมทราย ดูดนำพาให้เชือกลงไปข้างล่างได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่น่า เสียดาย หลุมทรายดูดยังน่ากลัวกว่าบ่อน้ำมาก คนเมื่อตกลงไป แล้วก็จะค่อยค่อยขาดอากาศหายใจตายไป แล้วจะยังมีคน สามารถจับสว่านเหล็กขึ้นมาได้ที่ไหนกัน?”

“เสี่ยวหลงเจ้าเดาถูกแล้ว เป็นคนของหญิงสู่จริง ๆ” หลินซืน เยียนเก็บอารมณ์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อตอนมีชีวิตที่กำลังจะ ดับขันธ์อยู่ นางจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก

นี่ยังไม่ได้เข้าไปในแหล่งชุมสมบัติเก๋งจีน สามตระกูลใหญ่ แห่งหยินชื่อทั้งหลายก็เริ่มต่อสู้กันแล้ว

หลินซีนเยียนอดไม่ได้ที่จะแหงนมองท้องฟ้า พระอาทิตย์ยัง คงอยู่ทิศตะวันออกเหนือขอบฟ้าเล็กน้อย ยังมีเวลาห่างจากตอน เที่ยงอยู่บ้าง นางไม่รู้ว่า ในช่วงเวลานี้ จะมีอีกกี่ชีวิตกับการต่อสู้ ครั้งนี้ ที่ใช้รูปแบบ อุบัติเหตุจนทำให้เกิดการสูญเสีย

ผ่านเวลาไปไม่นานของการช่วยชีวิต หลังยังคงไม่สามารถ ช่วยผู้ใดมาจากหลุมทรายดูดได้แม้แต่คนเดียว เมื่ออยู่ใน การปลอบใจและเร่งให้ดำเนินการของทรงเย่ กองกำลังเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง

หลินซีนเยียนพาเสี่ยวหลงกลับไปอยู่กลางขบวนเหมือนเดิม ด้วยความไม่ตั้งใจนางหันศีรษะเหลือบไปมองด้านหลังสุดของ ขบวน ชายชราที่รับหน้าที่ย่างแกะและทำอาหารคนนั้นยังคง ง่วงเหงาหาวนอน ดวงตาหงอยเหงาเศร้าซึมตลอดเวลา ก็เหมือน กับนอนไม่ยอมตื่นตลอดเวลา เสมือนรู้สึกว่ามีคนสำรวจตนเอง อยู่ ชายชราคนนั้นก็เลยยกศีรษะขึ้นเหลือบมองมาทางหลินซีน เขียน แต่ว่าเขานั้นไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แล้วก้มศีรษะลงเช่นเดิม อีกครั้ง

หลินซีนเขียนก็ไม่ได้สนใจกับการส่งสายตาสื่อกันแค่ ประเดี๋ยวเดียวมาเก็บมาไว้ในสายตา เพียงแค่อดไม่ได้ที่จะให้ เสี่ยวหลงไปด้านหลังสุดเพื่อถ่ายทอดแทนนางไม่กี่ประโยค ความหมายคร่าว ๆ คือให้ชายชราคนนั้นระวังความปลอดภัย ของตนเองให้มาก เยี่ยงไรก็เป็นเขตทะเลทรายโล่งกว้าง มี อันตรายที่ไม่รู้อยู่ แต่ไหนแต่ไรล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่าง กะทันหันทั้งนั้น

เป็นไปตามที่หลินซีนเยียนคิดไว้จริง ๆ ขบวนไม่เพียงเดินทาง ไปเพียงพักหนึ่ง ก็ได้พบหลุมทรายดูดอีกครั้ง มีประสบการณ์จาก ครั้งก่อน ครั้งนี้คนที่ตกลงไปในหลุมทรายเลยมีน้อย มีเพียงแค่ ตระกูลหลีสองคนที่ไม่ทัน “ระมัดระวัง” หล่นตกลงไป

หล่อวิ๋นซ่านก็ไม่ได้พูดอันใด เพียงแค่ตลอดทางมีสีหน้ากลืน ไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง หลังจากเขาได้รับคำสั่งจากหลายไม่ ประโยค ก็ขอมาอยู่ข้าง ๆ หลินซีนเยียน เขาเหลือบมองหลินซีนเยียม ริมฝีปากสั่นอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เปิดปากพูดประโยคหนึ่ง “ระวังตัวด้วย

สีดำ แต่กลับทำให้หัวใจของหลินขึ้นเขียนอบอุ่น หล่อขึ้นท่าน สำหรับนาง นางไม่ได้เกลียดและไม่ได้รัก แต่สำหรับความใส่ใจ เยี่ยงนี้ กลับทำให้จิตใจของนางรู้สึกซาบซึ้ง

นางพยักหน้าเบา ๆ ไม่ได้พูดอันใด และไม่ได้ตอบใด ๆ กลับไป หล่อนซ่านถอนหายใจเลือกหนึ่ง ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วก็กลับ ไปในขบวนของดนตระกูลหลี่

หลินซีนเยียนถอนสายตากลับ ไม่รู้ความเข้าใจผิดของนาง หรือไม่ นางรู้สึกตลอดว่าก่อนหน้าที่หล่อนซานจะมาคุยกับนาง ข้างหลังมีสายตาที่เย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองตนเองอยู่

“อ๊า!” ทันใดนั้น ด้านหน้าก็มีเสียงกรีดร้องดังมาอย่างฉับพลัน ตามเสียงร้องที่ดังขึ้น สามารถเห็นได้ว่าอูฐด้านหน้าล้มลงช้า ๆ คนบนอูฐก็หล่นตามลงมาบนพื้นทรายด้วย หลังจากนั้นมีท่าที เจ็บปวดทรมานกอดร่างกายตัวเองแล้วร้องอย่างโหยหวน

“แม่นางระวัง” เสี่ยวหลงก็ตื่นตระหนกมาก ไม่สามารถจัดการ กับกำแพงชายหญิงได้ เสี่ยวหลงกระโดดจากอูฐของตัวเองถึงอูฐ ที่หลินซึนเขียนและหนีหว่านนั่ง หลังจากนั้นแบ่งมือซ้ายขวากอด ทั้งสองคน ขาหนึ่งก็เหยียบบนหลังอูฐไว้ หลายคนก็กระโดดถอย ห่างออกสิบจิ้ง

เมื่อตอนเขากระโดดลงมา อูฐที่หลินซีนเยียนและหนีหว่านนั่ง อยู่ก็ได้ล้มลงบนพื้นทรายแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ