ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 465 เมืองเล็กๆ



ตอนที่ 465 เมืองเล็กๆ

ค่ำคืนที่ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับทำให้ผู้คนหลงใหล

หลิน มเยียนนอนบนผืนทรายที่ปกคลุมด้วยผ้าห่มหนา ๆ และ มองขึ้นไปทั่วท้องฟ้าเขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในกาแลคซีสามมิติ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในทะเลทรายนั้นสวยงามอยู่เสมอ และทำให้ผู้คนไม่กล้าเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง เมื่อก่อนนางไม่ได้มี โอกาสชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ตอนนี้นางมีโอกาส แต่ไม่ ได้ชื่นชมด้วยอารมณ์แห่งความรื่นรมย์

ในหวนค่านิ่งนางคิดว่าตัวเองเห็นภาพไม่จื่อเฟิง ในดวงดาว ภายในใจก็เจ็บปวดขึ้นมาทันที ไม่จื่อเฟิง ตายไปเช่นนี้จริงๆ หรือ?

จริงหรือไม่ที่คนเรามีพื้นฐานความคิดชนิดหนึ่งเมื่อมีช่วงเวลา ที่สวยงามของบางสิ่งอยู่ตรงหน้าแต่กลับคุ้นชินที่จะไม่เห็นค่า ของมันแต่เมื่อเสียมันไปแล้วกลับนึกย้อนเสียดายตอนนี้กลับรู้สึก ว่าตัวเองทําไมถึงได้โง่มากนักทั้งที่มีโอกาสได้

ทันใดนั้นมีดาวตกหนึ่งดวงในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พากันเปล่งแสงอันงดงามออกมา

ดวงตาของหลินซ๊นเขียนสว่างไสว ก็ได้ยินทรงเยอดไม่ได้ที่จะ พูด ซึ่งเป็นบรรยากาศที่พิเศษจริงๆ ที่ได้เห็นดาวหาง

ใช หลิน มเยียนคิดขึ้นมาได้กะทันหันว่าที่นี่เป็นอดีตไม่ใช่ปัจจุบันที่เห็นเป็นเรื่องเล่าของความรักแต่คนที่นี่นั้นกลับมองว่า เป็นลางบอกเหตุ

* แม่นางหลินครั้งที่ไปแหล่งกำเนิดเทิงจีนเจ้ามีความ สามารถเข้าไปได้ขั้นกันในใจขาตอนนี้ไม่ค่อยมั่นใจ” บางที อาจเพราะมีดาวหางก็เลยทำให้ทรงเจิ้งจอกเฒ่าเริ่มรู้สึกมีลาง สังหรณ์ไม่ดี

หลินซีนเยียนยกยิ้มที่มุมปากคิดแล้วคิดอีกแล้วพูดว่า” เจ็ด

มีเจ็ดชั้นที่ไหนกันครั้งก่อนที่ไปแหล่งกำเนิดเกิงจีนนางเพียง แค่ไปบริเวณด้านนอกข้างในสุดมีอะไรซ่อนอยู่บ้างนางก็ไม่ แน่ใจมากนักอย่างไรก็ตามการที่จะให้จิ้งจอกเฒ่าเหล่านั้น ยินยอมพร้อมใจที่จะตามนางไปนางก็ต้องยิ่งเพิ่มความมั่นใจใน ตัวเองมากขึ้นไปอีก

ทรงเย่ได้ยินเช่นนั้นถึงได้ค่อยๆเบาใจ แม่นางหลินข้ายังมีอีก เรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าควรถามหรือไม่?”

“ในเมื่อเราลงเรือลาเดียวกันแล้วท่านประมุขไม่ต้องเกรงใจ หรอกมีอะไรพูดกันตามตรงเถอะ” หลินซีนเขียนยันตัวลุกขึ้น

“ได้ยินมาว่าแม่นางหลินเป็นลูกสาวแม่ทัพใหญ่ของประเทศ หนานเขว หลินเทียนเฉิน ต่อมาก็ถูกเซวียนอ๋องรับเข้าจวนและ ยังคลอดบุตรชายได้คนหนึ่งแล้วเหตุใดเลือดของแม่นางถึงได้ เป็นสายเลือดพิเศษเรื่องนี้ยังมีที่มาอะไรอีกใช่หรือไม่?”

หลินซีนเขียนมีใบหน้าเรียบเฉยแล้วพูดว่า ข้าเป็นลูกสาวของหลินเทียนเฉินแต่ว่าสถานะตัวตนของแม่ขายังเป็นความลับพูด อย่างไม่ปิดบังเลยว่าครั้งนี้ที่เดินทางไปแหล่งกำเนิดเก๋งจีนนี้ก็ เพื่อไปตรวจสอบบางอย่างเท่านั้น โดยเฉพาะเสียนอ๋อง…

หลินซีนเยียนมองเข้าไปส่วนลึกของทรงเข่สายตานั้นมีแต่ ความว่างเปล่า ” ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ในเมื่อเสวียนอ๋อง ตายในบ้านตระกูลหนึ่งท่านกลัวว่าด้วยเหตุนี้ข้าจะเสียใจที่จริง ในเมื่อท่านได้ฟังถึงความสัมพันธ์ของข้ากับเสวียนอ๋องมาบาง ก็น่าจะรู้ว่าอู่เสวียนเห็นข้าเป็นนางบำเรอความใคร่เท่านั้นมันไม่ ง่ายเลยที่ข้าที่เป็นแม่ของลูกชายจะได้ขึ้นเป็นถึงพระชายาแต่คิด ไม่ถึงว่าแค่กระดาษแผ่นเดียวของเขาก็กำจัดข้าได้แล้วลูกก็ไม่มี แล้วตำแหน่งก็ไม่มีแล้วทำไมท่านประมุขทรงยังคิดว่าข้ายังมี ความรู้สึกหลงเหลือให้กับอู่เสวียนอ๋องอีกหรือ? ข้ามีแต่จะสาปส่ง ให้เขาตกนรกไปซะ”

คำถามเหล่านี้คงอยู่ในใจทรงเย่มานานแต่ไม่มีโอกาสเหมาะ สมที่จะพูดสักทีคงเห็นว่าอีกไม่นานก็จะถึงเมืองเล็กๆข้างหน้า แล้วหากยังไม่ถามตอนนี้เขาคงไม่วางใจหลินซืนเยียนรู้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่รอเขาถามนางก็พูดในสิ่งที่เตรียมเอาไว้แล้วทั้งหมด ออกไป

โชคดีที่ต่อหน้าไม่จื่อเฟิงไม่ได้ปฏิบัติกับนางดีมากเท่าไรดัง นั้นเมื่อนางพูดเช่นนี้สีหน้าของทรงเอกแสดงสีหน้าโล่งอกอย่าง เห็นได้ชัด

ความมืดเริ่มปกคลุมโรงเก็หันกลับเข้าไปพักผ่อนในเต็นท์ ของตัวเอง
หลินซินเยียนนอนอยู่บนผ้าห่มและมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วย ดวงดาวก่อนที่จะกลับไปที่เต็นท์ที่ใช้ที่พักร่วมกับหนีหว่านบางที อาจเพราะนางประสบกับการทรมานอย่างโหดเหี้ยมหนีหวานใน ตอนนี้น่าสงสารมากทั้งวันไม่พูดอะไรเลยยังได้สำหรับเรื่องนี้ หลิน นเขียนไม่สามารถทำอะไรได้บ้างหวังว่าแผนของนางจะ ราบรื่นเมื่อถึงเวลาจะต้องให้ความเป็นธรรมกับหนีหว่านและ ให้กับโมจอเฟิงด้วย

เมื่อฟ้าสางทุกคนก็เตรียมพร้อมเริ่มออกเดินทางเมื่อเดินทาง ได้ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็เห็นโอเอซิสในทะเลทรายตอนพลบค่ำ โอเอซิสนั้นไม่ถือว่าใหญ่มากนักเมื่อยืนอยู่ที่สูงก็สามารถมอง เห็นได้ทั้งหมดบนโอเอซิสทั้งหมดเป็นการก่อสร้างตึกดินไกล ออกไปสามารถมองเห็นแสงสีแดงของโคมไฟส่องแสงปลิวไสว ไปตามลม

หัวเมืองเล็กนี้ก็เหมือนหัวเมืองเล็กของชายแดนอื่นๆ มองดู เหมือนเงียบสงบและมีความสามัคคีกลมเกลียวแต่ว่าหลิน น เยียนรู้ว่าที่ๆภายนอกยิ่งดูไม่มีอะไรยิ่งมีความอันตรายซ่อนอยู่ เต็มไปหมด

“คนที่ล่วงหน้ามาสำรวจทางก่อนหน้านี้อยู่ข้างในแล้วใช่หรือ ไม่?”ทรงเย่หันกลับไปถามผู้อาวุโสของตระกผลหนึ่งที่อยู่ด้าน ช้าง

“ใช่ไหมเข้าไปจัดการล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ว่าคนที่ เข้าไปไม่ส่งข่าวอะไรกลับมาเลยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างไร เราก็ต้องระวังตัวไว้เดียวสักพักเข้าไปก็ปลอมตัวว่าเป็นพ่อค้ามาซื้อเก๋งจีน”ผู้อาวุโสขมวดคิ้วเข้ม

หลินซีนเขียนได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย แล้วถามว่า ทำไมสถานที่นี่ก็เป็นที่ซื้อขายเกิดขึ้นเช่นกันหรือ?”

ผู้อาวุโสนั้นรู้ว่าหลินขึ้นเขียนมีความสำคัญกับขบวนเดินทาง เขาจึงมีท่าทีเกรงใจบ้าง”ใช่ยิ่งที่นี่ไม่ห่างจากแหล่งกำเนิดเก๋งจีน มากนักดังนั้นยังสามารถมาซื้อขายแถวชายแดนนี้ได้แต่ว่ามี จํานวนน้อยมากถึงแม้ว่าจะน้อยแต่ว่าราคาเดียวกันกับทองค่าดัง นั้นผู้นั้นมากหน้าหลายตาเดินทางมาซื้อขายที่นี่

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง”หลินซีนเยียนพยักหน้าเข้าใจถึงว่าที่ แบบนี้ทำไมถึงสามารถเป็นเมืองเมืองหนึ่งได้ ที่แท้ก็เป็นตลาด มืดของเก๋งจีนนี่เองหรงเย่พูดสองสามประโยคจากนั้นก็เดินทาง เข้าไปในเมือง

เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นมาหลายปีแม้ว่ามันจะเป็นที่ทั้งสามประเทศ ไม่ต้องการแต่ว่าตราบใดที่สถานที่นั้นมีคนอยู่ย่อมมีปากใหญ่ กินปลาเล็กหลังจากนั้นก็มีการแข่งขันเพื่อความอยู่รอดทางเข้า เมืองมีชายวัยกลางคนที่ถือมีดอยู่และบนใบหน้าของเขามีรอย แผลเป็นกำลังเฝ้าอยู่

ผู้คนเหล่านั้นเมื่อเห็นหลินซีนเยียนและขบวนเดินทาง ก็รีบเดิน ขึ้นมา หนึ่งในนั้นเป็นตัวนำถามว่า “พวกเจ้าเป็นใครมาทำอะไรที่

มีผู้อาวุโสรีบไปข้างหน้าแล้วนำถุงเงินใส่ในมือของคนเหล่า นั้นยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ชายท่านนี้ พวกข้าเป็นพ่อค้าจากประเทศหนานเยวมาเพื่อซื้อเก๋งจีนและหวังว่าพี่ชายจะสามารถอำนวย ความสะดวกให้ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ