ตอนที่ 446 สถานการณ์โดยรวมอยู่ในความสงบสุข
เชิงมองไปทางหลันซีนเขียนอย่างงงงวย ในแววตาของเขา แสดงออกถึงความรู้สึกอันน่าเหลือเชื่อ สองปีก่อน ตอนที่เขาพบ กับนาง นางยังเป็นคนหนึ่งที่สามารถมาช่วยเหลือเขาด้วยความ บริสุทธิ์โดยไม่สนใจใดๆ เลย ทว่าตอนนี้ หัวใจของนางกลับ แอบแฝงความนึกคิดที่เป็นสัจธรรมเหล่านี้อยู่ เวลาสองปี ได้ เปลี่ยนแปลงผู้หญิงคนนี้ไปมากมายนัก
“ดังนั้นแล้วอย่างไรเสียโจวเฉิงก็ต้องตายอยู่ดี เขาต้องการใช้ พลังสุดท้ายเพื่อปูทางให้กับลูกหลานของเขา?” เซ็งตระหนัก ตื่นตัว ในอกรู้สึกว่ามีความคับแน่น “ท่านกำลังพูดว่า ขอเพียง ทายาทของเขาอยู่ ทัพม้าของเขาอยู่ ก็สามารถย้อนกลับมาเล่น งานช้าได้ทุกเมื่อ?”
หลินซีนเขียนพยักหน้า เลี่ยงไม่ได้ที่จะโทมนัส เมื่อคนๆ หนึ่ง ค่อยๆ สูญเสียหัวใจของเขา และต้องยอมแพ้ต่อกฎการเอาชีวิต รอดของสังคมนี้ อันที่จริงในเบื้องลึกของจิตใจของเขาเองก็ ลำบากอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกันกระมัง
ตัดรากถอนโคน สีค่อันแสนเรียบง่าย แต่กลับต้องแลกกับ หยาดเลือดตั้งมากมายเท่าไรถึงจะจบสิ้น
“เชิง…” หลินซีนเยียนค่อนข้างสะอื้นอยู่บ้าง แต่กลับยังคง แน่วแน่ หากไม่ใช่เจ้าตายก็คงเป็นข้าที่ต้องตายล่ะก็ เจ้าต้อง โหดเหี้ยมสักหน่อย”
นาง ดรากถอนโคนไม่ได้ ทว่า นางไม่ต้องการให้เชิง ใน ฐานะพระราชาเองก็ไร้ซึ่งหนทางในการโหดเหี้ยมทารุณ ไม่เช่น นั้นต่อให้เขานั่งอยู่บนบัลลังก์ฮ่องเต้ ภายภาคหน้าเขาเองก็จะมี จุดจบอันน่าอนาถนัก นางหวังว่าเขาจะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ดังนั้น นางหวังว่าเพิ่งจะสามารถเปลี่ยนเป็นคนเลือดเย็นได้
เชิงลังเลอยู่สักพัก มองหลินซึนเขียนอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาเอง คิดไปถึงไหนแล้ว ในที่สุดก็ทำเพียงพยักหน้าแล้วดึงกริชที่ซ่อน ไว้ในอกเสื้อของตัวเองออกมา คุกเข่าลง ท่ามกลางสายตาตก ตะลึงของ โจวเฉิง เขาแทงกรีซเข้าไปในหัวใจของ โจวเฉิง
ในขณะนั้น เสียงอึกทึกและการต่อสู้รอบๆ ล้วนมองไม่เห็นแล้ว ในโลกทั้งใบ มีเพียงเงาของเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งว่ากริชเอาไว้ แน่น รูปร่างของเขาไม่ได้สูงใหญ่ การแสดงออกทางสีหน้ากลับ แน่วแน่นัก ยามที่เลือดสดกระเซ็น ใส่ใบหน้าของเขา เขาไม่ได้ ย่นหัวคิ้วเลยสักนิด
มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ มีเพียง เสียงที่บอกกับตัวเองเสมอว่า ขอเพียงเขามีอำนาจและพละกำลัง ปกป้องนางแล้วล่ะก็ เช่นนั้นเขาก็เต็มใจเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งและ เสียสละหัวใจเพื่อนาง
หลังจากที่โจวเฉิงเสียชีวิต เหล่าผู้ใต้บัญชาของเขาสูญเสีย กระดูกสันหลังไป และกลายเป็นคนไร้กำลังมากขึ้น เมื่อบุคคลที่ เป็นจิตวิญญาณของกองทัพจากไปแล้ว ความตั้งใจของคนที่ เหลืออยู่การต่อสู้ก็อ่อนแรงลงครึ่งหนึ่ง
ไม่นาน ลูกน้องของโจเฉิงก็อยู่ภายใต้การควบคุม เพียงแต่ อาจเพราะติดตามโจวเฉิงมาเป็นเวลานานแล้ว พวกเขาเองก็ยัง จ่าจิตวิทยาของคนทะเยอทะยานเหล่านี้ ท่ามกลางพวกเขาหลาย คนเข้าใจแล้ว ทางข้างหน้าของพวกเขาไม่อาจก้าวผ่านอย่างง่าย ดังนั้นบ้างก็ฆ่าปาดคอตัวเองตาย และบ้างก็ทิ้งอาวุธโถมเข้าสู่ คมดาบในมือของศัตรู
ยามที่ทุกอย่างจบสิ้นลง มีเพียงโลหิตของพื้นที่เป็นเครื่องรับ ประกันว่าที่นี่เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้น
สวีห้าวเป็นคนในเจียงหู เคยสังหารคน เคยออกวรยุทธ์ แต่ กลับไม่เคยผ่านสนามศึก ไม่เคยมีประสบการณ์การสังหารหมู เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างลำบากใจ อย่างไรก็ตามการ แสดงออกของหลินซีนเขียนก็นอกเหนือความคาดหมายของเขา ผู้หญิงนางหนึ่งเห็นฉากแบบนี้ ไม่กลัวไม่ตกตื่น ยังคงอบรมเชิง อย่างใจเย็น ด้วยพละกำลังนี้ จึงไม่แปลกใจเลยที่จะกลายเป็น สามีภรรยากับบุคคลเช่นนั้นอย่างไม่จื่อเพิ่ง
หลังจากที่คนทั้งหมดตายจากไปแล้ว หลี่หายและหญิงหงจึง ค่อยเดินมาอย่างเชื่องช้า กองกำลังภายใต้การบังคับบัญชาของ พวกเขาแต่ละหน่วยต่างกล่าวทักทายพวกเขาอย่างนอบน้อม พวกเขาเพียงแค่เดินไปจากตำแหน่งหน้าของกองทัพอย่างภาค ภูมิ มายังเบื้องหน้าของหลินซีนเขียน
“แม่นางหลินพอใจหรือไม่?” หลี่หายหัวเราะเบาๆ เป็นอันดับ แรก ในคำพูดนั้นแฝงลมเอื้อยเมฆจางอยู่ ดูเหมือนว่าเลือดสดน องเต็มพื้นไม่ได้มีความหมายใดๆ เลยสำหรับเขา
นี่ก็คืออาการของเหล่าคนที่มีพลังในกำมือหรือ ในมุมมอง ของพวกเขา โลหิตสุดเป็นเพียงอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการมี พลังของพวกเขา?
หลินซีนเขียนรับค่า ก่อนกล่าว “คาดไม่ถึงว่ากองกำลังของ สามตระกูลใหญ่เร้นลับจะแข็งแกร่งเพียงนี้ ทำให้ใจข้าเกิดความ ชมเชยแล้ว
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว เจ้าคิดว่ารากฐานหลายศตวรรษของตระกูล ขุนนางเร้นลับของพวกเราเป็นเรื่องล้อเล่น” หลิงหงแค่นเสียง เบาอวดภูมิอย่างหาใดเปรียบ “นี่ก็เป็นเพียงหนึ่งแคว้นเท่านั้น เอง ใต้หล้านี้ที่ใดบ้างจะไม่มีกองกำลังของพวกเรา? ดังนั้นตอน นี้เจ้ารู้สึกว่ามันยากแค่ไหนที่เจ้าจะแลกเปลี่ยนกำลังของเจ้าเพียง คนเดียวกับพละกำลังของพวกเราทั้งหมดแล้วกระมัง
หลินซีนเยียนยิ้มอย่างไม่ปฏิเสธ และสายศีรษะ “ถึงแม้ข้าจะมี เพียงพละกำลังตัวคนเดียว แต่ว่า เรื่องที่ขาคนเดียวสามารถ ทําได้ แต่กลับสามารถเปลี่ยนแปลงการกระจายตัวของต้น ตระกูลเร้นลับของพวกท่าน ขากลับไม่คิดว่าข้าครอบครองความ สบายสักเท่าไร แต่เป็นพวกท่าน ที่ยึดครองความสะดวกของข้า ต่างหาก”
“เจ้า!” หลังหงคิด ต่อไม่ออก หลินซีนเขียนเองก็ไม่ได้ยอม อ่อนข้อสักนิด
หลหายเห็นว่าทั้งสองยิ่งพูดก็ยิ่งมีโห จึงรีบออกมาสมาน ฉันท์ทันใด “เอาเถิด ตอนนี้ไม่ใช่ยามที่จะมาพูดถึงเรื่องเหล่านี้กัน ถึงโจวเฉิงตาย แต่กองทัพของเขาที่อยู่นอกเมืองก็ต้องได้รับ การจัดการ แม่นางหลินต้องการให้เราทำอย่างไรกันดี
หลินซีนเยียนเหลือบสายตามองหลังหงอย่างเย็นชา จึงค่อย หันหน้าไปถามเซ็ง “เซ็ง เจ้าคิดว่ากองทัพนอกเมืองควรจะ จัดการอย่างไร เล่า
สีหน้าอี้เซ็งเคร่งขรึมมาก ลังเลอยู่ครู่ ก่อนพยายามเอื้อนเอ่ย “ไม่เช่นนั้น ญาติและคนสนิทของโจวเฉิงก็ฆ่าให้หมด ส่วนคน อื่นๆ หากว่ากลับมาภักดีได้ก็จะถือเสียว่าให้อภัยและลืมๆ ไป เสีย แต่ว่าจะต้องสาบสูญไปจากกองทัพ
ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของหลี่หายและหญิงหง ต่างก็แสดงความประหลาดใจ ราวกับพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่า เด็กหนุ่มคนหนึ่ง จะมีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดด้วยตัวคนเดียว อย่างมาดมั่นเพียงนี้ได้
“ท่านน่าจะรู้ ประโยคนี้ของท่าน จะมีคนตายสักกี่มากน้อย หลี่หายขมวดคิ้วถาม
เชิงพยักหน้า “ข้ารู้”
หลี่หายทอดถอนใจยาวหนึ่งเชือก แต่ใบหน้ากลับชื่นชม “วีรบุรุษเยาว์วัย ตอนแรกขายังกังวลอยู่ แม้ว่าพวกเราจะเอา เจียงซานนี้มาแทนท่านแล้ว ท่านเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่อาจรักษา เอาไว้ได้ ตอนนี้ดูท่า ข้าคงกังวลเกินกว่าเหตุ เอาล่ะ! ทำตามที่ ท่านว่าแล้วกัน!”
หลายกับหลังหงพาขบวนคนจากไปยังทิศทางข้างนอกเมืองเหลือไว้เพียงบางส่วนที่จัดเก็บกลุ่มคนในสนาม คนของโจวเฉิง ถูกเก็บเรียบหมดจด เหล่าขุนนางที่ถูกทำให้ขวัญเสียมองเห็น เชิงอยู่หลังแท่น ชั่วครู่หนึ่ง ก็แสดงความเคารพ ให้เกียรติต่อ เชิง กลัวว่าผ่านคืนนี้ไปแล้ว ในใจของบรรดาขุนนางเหล่านั้นคง ไม่กล้ามีความคิดเป็นอื่นอีกต่อไป
“พี่สาว สีหน้าของท่านไม่ค่อยดีเลย หรือจะกลับไปพักผ่อน ก่อนเสียเถิด” อี้เชิงเอ่ยชวน
หลินซีนเยียนรู้ว่าเหนื่อยอยู่เล็กน้อย โดยเฉพาะมักรู้สึกว่า จิตใจไม่สงบ ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของเชิง ออกจาก ส่วนงานพิธีภายใต้การคุ้มกันของเสี่ยวหลง
เพียงแต่ในคืนนั้น นางพลิกตัวไปมา แต่กลับทำอย่างไรก็นอน ไม่หลับ ในหัวสมอง ล้วนเต็มไปด้วยเงาภาพของโจื่อเฟิง
วันต่อมาฟ้าเพิ่งสาง นางก็ไปตามเสี่ยวหลงอย่างอดรนทนไม่ ไหว เสี่ยวหลงกำลังชำระล้างอยู่ ฉับพลันก็มองเห็นหลินซีนเขียน พุ่งเข้ามาในห้องของตนเองอย่างพรวดพราด ทำให้ตกใจไปเสีย ยกใหญ่
“มีคำตอบจากโม่จื่อเฟิงที่อยู่ทางนั้นแล้วหรือยัง” หลินซีน เขียนดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อเสี่ยวหลงที่ตอนนี้สวมเพียงเสื้อชั้น ในอย่างลำบากใจ ใส่ใจเพียงการถามข่าวเท่านั้น
มุมปากของเสี่ยวหลงกระตุกขึ้น ดึงฉากกั้นลมออกมาที่แขวน เสื้อผ้าอย่างแนบเนียน จึงกล่าว ยังไม่มี มันจะรวดเร็วปานนั้นได้ อย่างไรกัน ในความคิดของข้า อย่างเร็วที่สุดก็ต้องเป็นยามเที่ยงจึงจะมีข่าวคราว”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ