ตอนที่ 367นายใหญ่ตระกูลหลัง
“หลินซีนเยียนยิ้มบางๆ หากว่าข้าเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ก็คงไม่ ทำให้นายใหญ่ตระกูลพวกเจ้าสนใจหรอกไม่ใช่รึไง?”
เฉินเทียนพยักหน้า”ก็จริงแต่เจ้านี่ก็ทายถูกแล้วล่ะกลุ่มคนหมา นที่อาศัยอยู่ช่องว่างระหว่างประเทศหนานเยวกับประเทศเป่ยหมิ งมาจากประเทศหมานนี้จริงๆอย่างที่เจ้าพวกเราตระกูลที่ ตัดขาดจากโลกภายนอกปกติแล้วจะไม่เข้าร่วมเกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงของราชวงศ์หวางแต่ว่าในทุกๆตระกูลของราชวงศ์ หวางจะมีคนของพวกเราตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอยู่ แน่นอนเนื่องจากตำแหน่งในตระกูลของข้าไม่สูงนักดังนั้นความ ลับหลายๆอย่างข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ชัดรู้เพียงแค่คร่าวๆเท่านั้น”
ข้าอยากฟังรายละเอียด”หลินซีนเยียนดึงบังเหียนแน่นให้ไป ยืนเคียงข้างเขียวฝานหลังจากพักรักษาตัวไปเกือบครึ่งเดือน ร่างกายของทั้งสองก็ฟื้นตัวขึ้นมามากแล้ววันนี้สามารถขี่ม้าได้ โดยล่าพังแล้ว
ข้าก็ได้ยินมาจากพี่น้องไม่กี่คนในตระกูลตอนที่ดื่มเหล้ากันพูด ขึ้นมาเล่าว่ายี่สิบปีก่อน ในตอนที่ราชวงศ์ตระกูลหมานสู้รบกัน การสู้รบหลักๆเกิดขึ้นระหว่างลูกชายคนโตและลูกชายคนที่สอง ของฮ่องเต้พระมารดาของเจ้าชายคนโตป่วยหนักเจ้าชายคนที่ สองก็เลยมทหารส่วนใหญ่ของราชวงศ์ดังนั้นก่อนที่ฮ่องเต้จะ สวรรคตเจ้าชายคนโตกับเจ้าชายคนที่สองก็เริ่มต่อสู้กันสุดท้ายเจ้าชายคนโตไม่รู้ว่าใช้อะไรมาแลกกับความช่วยเหลือของพวก เราตระกูลหลิงในการสู้รบครั้งสุดท้ายเจ้าชายคนโตก็ได้รับ ชัยชนะไปเจ้าชายคนที่สองก็ถูกตามฆ่าโดนไล่ต้อนไปจนถึงช่อง ว่างระหว่างประเทศหนานเยวกับประเทศเป่ยหมิง”
ราชวงศ์เป็นสถานที่ที่ไม่มีคำว่าญาติพี่น้องแม้แต่นิดเดียวพ่อ กับลูกพี่กับน้องสุดท้ายก็หนีไม่พ้นการสู้รบเพื่อผลประโยชน์
แล้วเจ้าชายคนโตทำไมถึงไม่ฆ่าเจ้าชายคนที่สองให้สิ้นซาก ไปซะล่ะ? แค่ไล่ไปถึงชายแดนก็พอแล้วงั้นหรอ?” หลินซีนเขียนไม่ คิดว่าเจ้าชายคนโตที่สามารถชนะการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ได้จะปล่อย วางในตอนสุดท้ายตรรกะถอนรากถอนโคนหากว่าเจ้าชายไม่ เข้าใจล่ะก็ถ้างั้นเจียงซานก็ไม่สงบแล้วล่ะ
เงินเทียนพยักหน้ามองหลินขึ้นเขียนด้วยแววตาชื่นชม ไม่ผิด หรอกเจ้าชายคนโตคนนั้นก็คือฮ่องเต้ของประเทศหลานใน ปัจจุบันหลังจากความเปลี่ยนแปลงในวังครั้งนั้นเขาก็รีบฆ่าพี่ น้องทุกคนทิ้งแล้วจะปล่อยเจ้าชายคนที่สองที่สู้รบกับเขาจนถึง ที่สุดไปได้อย่างไรดังนั้นเขาจึงส่งคนไปตามฆ่าเจ้าชายคนที่สอง อยู่ตลอดแต่ว่าเจ้าชายคนที่สองก็ถือว่าเก่งพอตัวอุตส่าห์รอด จากการตามฆ่ามาได้เรื่อยๆ หลายปีจนเมื่อปีก่อนพวกเขาก็ถูก ต้อนจนจนมุมจึงถูกฆ่าทิ้งทั้งหมด”
9ปีก่อน?
เชิงตอนนี้อายุ8ขวบนั้นก็แสดงว่าเชิงก็เป็นสายเลือดที่เหลือ อยู่ของกลุ่มคนหมานที่ใกล้จะถูกฆ่างั้นหรอ ถ้าเป็นแบบนี้อี้เพิ่งถือเป็นคนที่มีสายเลือดของเจ้าชายคนที่สองคนหนึ่งบางทีคงจะ เป็นองครักษ์ข้างกายของเจ้าชายองค์ที่สองสักคนไม่หักห้ามใจ ตนเองที่ไม่มีทายาทดังนั้นก็เลยทำเรื่องแบบนั้นจากนั้นก็มีเพิ่ง ออกมา
นี่เป็นสมมุติคร่าวๆที่นางหวังให้เป็นตามนี้มีแค่แบบนี้นางถึง จะรู้สึกว่าไม่ทำให้เซ็งน่าสงสารไปมากกว่านี้อย่างน้อยเขาก็ไม่ ได้เกิดออกมาจากความเกลียดชัง
“แต่ว่าฟังจากพี่น้องที่ดีของข้าบอกมาว่าก่อนที่พวกคนของ เจ้าชายคนที่สองจะตายต่างก็ทิ้งสายเลือดของตัวเองเอาไว้แต่ก็ ไม่รู้ว่าสายเลือดพวกนั้นอยู่ที่ไหนว่ากันว่าฮ่องเต้ประเทศหมา นองค์ปัจจุบันก็ส่งคนไปตามฆ่าเด็กพวกนั้นอยู่หากว่าเด็กพวก นั้นมีอยู่จริงๆน่ะนะ”เฉินเทียนพูดเสริม
ที่แท้…พอฟังถึงตรงนี้หลินซีนเยียนก็นำมาเทียบกับการคาด เดาของตนเอง เชิงที่แท้ก็เพราะพวกคนหมานพวกนั้นเพื่อที่จะทิ้ง สายเลือดของตนเองเอาไว้ก็เลยเกิดออกมาดังนั้นคนหมานพวก นั้นก็อาจจะไม่ได้น่ากลัวเข่นฆ่าผู้คนอย่างที่ข่าวลือเขาว่ากัน? บางทีทีพวกเขาแต่ละคนไปยังหมู่บ้านต่างๆ ก็แค่เพื่อที่จะทิ้งสาย เลือดของตนเองเอาไว้เท่านั้นก็ได้?
นางอยากจะเอาข่าวดีนี้บอกกับเชิงแต่ว่าก็ไม่รู้ว่าจนถึงวันนี้ เชิงติดตามอาจารย์ของเขาไปท่องเที่ยวถึงที่ไหนแล้วนางมองไป ที่เมืองนี้สุดสายตาที่นี่เป็นบ้านเกิดของเชิงสินะ? เด็กน้อยที่ไม่มี พื้นเพสักวันจะได้กลับมาใช้สกุลเดิมของตนเองมั้ยนะ?
เอาล่ะพวกเรารีบเข้าไปในเมืองเถอะประเทศหมานนี้มีเมืองอยู่ ไม่เยอะทั้งหมดแค่สิบกว่าเมืองเองเมืองที่ติดกับชายแดนนี้ถือว่า เป็นเมืองที่ค่อนข้างรุ่งเรืองแล้วรอบๆยังมีประเทศเล็กๆอยู่สอง สามประเทศบางครั้งก็เกิดการจลาจลขึ้นเพราะงั้นรีบเข้าเมือง ก่อนฟ้ามืดเถอะไม่อย่างนั้นเกิดเจอการจลาจลเล็กๆเข้าจะเลี่ยงที่ จะไม่ได้รับบาดเจ็บได้ยาก”เฉินเทียนกล่าวเตือนและบังคับม้าให้ เคลื่อนไปข้างหน้า
หลินซีนเยียนกับเขียวฝานก็ตามอยู่ในทีมเพราะเป็นเทียนมีใบ ผ่านทางดังนั้นพวกเขาถึงผ่านเข้าเมืองมาได้อย่างสบายๆ
ในเมืองเป็นอย่างที่เป็นเทียนบรรยายไว้จริงๆเจริญรุ่งเรือง มากถนนทั้งสองฝั่งต่างก็มีร้านค้าต่างๆนาๆ ตั้งอยู่เพียงแค่ ลักษณะการก่อสร้างของที่นี่ไม่เหมือนกับประเทศหนานเยว่เลย ให้ความรู้สึกทางฝั่งยุโรปนิดหน่อย ผนังต่างใช้หินก่อสร้างขึ้น มา ของบางอย่างที่ตั้งอยู่ตามถนนทั้งสองฝั่งหลินซีนเขียนก็ไม่ เคยเห็นมาก่อน
เขียวฝานเองก็ไม่เคยเห็นของแปลกๆ พวกนี้มาก่อนดังนั้นทั้ง สองคนก็เลยเดินไปด้วยถามนุ่นถามนี้ไปด้วย
เฉินเทียมและเหลียงชิ้นถึงแม้ว่าจะกลายเป็นพันธมิตรกันแต่ ว่าในกระดูก กลับไม่เห็นหลินซินเยียนกับเชียวฝานเป็นเพื่อน แต่เป็นศัตรูเพราะงั้นเขาเลยไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นนักอธิบาย สิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวันพวกนี้เขาชี้ไปที่ขายชุดคนหนึ่ง ให้เขาตอบคำถามพื้นๆ พวกนี้แทน
เงินเทียนและพรรคพวกมากินข้าวที่ร้านเหล้าร้านหนึ่งแต่ไม่มี ทีท่าว่าจะเข้าพักแต่อย่างใดทำให้หลินขึ้นเขียนกับเซียวฝานรู้สึก สงสัยแต่เขา ก็ไม่พูดทั้งสองคนก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
หลังจากกินข้าวเสร็จเฉินเทียนก็ส่งสายตาไปให้ชายชุดด่า อยู่ข้างๆ ชายชุดดำก็เข้าใจหยิบผ้าดำออกมาแล้วไปมัดปิดตา หลินซินเยียนกับเซียวฝานไว้
หลินซินเยียนเดาว่าที่นี่คงจะมีสถานที่ลับของตระกูลหลังอยู่ เพราะงั้นเฉินเทียนถึงได้ระมัดระวังแบบนี้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปหลินซีนเขียนและเซียวฝานที่ถูกปิดตาไว้ก็ ถูกพามาถึงบ้านหลังหนึ่งตอนที่เป็นเทียนแกะผ้าดำออกให้ทั้ง สองคนสภาพแวดล้อมรอบๆก็ทำให้ทั้งสองคนตกใจไปพักหนึ่ง
ที่แท้ในบ้านหลังนี้ก็ตกแต่งตามโครงสร้างของประเทศหนาน เยวศาลานั่งพักสะพานข้ามแม่น้ำภูเขาหินหยกปลอมเช่นเดียว กับคฤหาสน์หรูหราของประเทศหนานเยว่
แต่ก่อนที่หลินซีนเขียนและเขียวผ่านจะถูกพามาที่ศาลาแปด เหลี่ยมรอบๆศาลาก็ได้แขวนมุ้งสีขาวปิดเอาไว้ในศาลาก็มีผู้ชาย คนหนึ่งนั่งอยู่ลางๆ ตรงหน้าของเขามีกระดานหมากรุกวางอยู่เขา ถือตัวหมากเอาไว้เหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ผ่านไปตั้งนาน ยังไม่ลงหมาก
นายท่านนี้คือสะใภ้ของตระกูลหลี่ที่หมั่นหมายไว้แล้วครั้งนี้ ตระกูลหลีได้ฉีกสัญญาพันธมิตรทิ้งแถมยังฆ่าเทียนอวิ๋นซีแห่ง ศาลาความลับแห่งสวรรค์อีกด้วยข้าน้อยไปถึงช้าไปไม่ทันได้ช่วยเทียนอน ดังนั้นก็เลยพาผู้หญิงคนนี้กลับมาด้วยนายท่าน โปรดจัดการ!”
“คนในศาลาพอได้ยินว่าพูดถึงเขาสักพักถึงจะลงหมากน้ำ เสียงเย็นชาดังออกมาจากในศาลา ทำงานไม่สำเร็จคิดว่าน่ หญิงกลับมาแล้วจะลดโทษได้หรือ?”
ข้าน้อยมิบังอาจ! “เฉินเทียนตกใจจนก้มหัวลงรู้สึกต่ำต้อยด้อย ค่มองออกเลยว่าสถานะของเขาในตระกูลหลิงไม่สูงเลยจริงๆ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ