ตอนที่84 ไปท้าทายด้วยตนเอง
“ฟังจากที่คุณชายกล่าว เหมือนท่านจะรู้จักศาลาความลับ แห่งสวรรค์ดี?” หลินซินเยียนยิ้มบางด้วยความถ่อมตน
อู่ฉือดึงนางมายังข้างๆ ไม่สามารถกล่าวได้ว่ารู้จักดี แต่ สกุลของข้าก็นับว่าเป็นผู้บัญชาการทหาร เคยติดต่อค้าขาย กับศาลาความลับแห่งสวรรค์ ข้าเคยเห็นของที่พวกเขาทำขึ้น มา ภายใต้สวรรค์ การดำรงอยู่ของเทพมีอยู่จริงในบรรดา ช่างฝีมือของพวกเขา”
“โอ้ คำกล่าวเช่นนี้ แน่นอนว่าผู้ที่ท้าประลองคงไม่อาจจะ ชนะได้ แต่ข้ากลับรู้สึกว่า กำลังที่แท้จริงของศาลาความลับ แห่งสวรรค์แม้จะร้ายกาจ แต่ในการประลองแบบนี้ แน่นอนว่า ผู้ที่มาตอบรับการท้าประลองย่อมไม่ใช่ช่างฝีมือที่เก่งกาจ ของศาลาความลับแห่งสวรรค์ ดังนั้นคนท้าประลองผู้นั้นไม่ จำเป็นต้องมีโอกาส ข้ากลับรู้สึกว่าอาจจะชนะก็ได้”
คำกล่าวของหลินซินเยียนนั้นวิเคราะห์ได้อย่างชาญฉลาด จนทำให้อู่ฉือต้องตะลึง เขาครุ่นคิดอย่างระมัดระวังจึงพบว่า ผู้นี้วิเคราะห์ออกมาได้อย่างถูกต้อง ถ้าหากว่าผู้ที่มาตอบ รับคำท้าประลองของศาลาความลับแห่งสวรรค์ไม่ใช่คน เก่งกาจอะไร เช่นนั้นคนที่ท้าประลองผู้นั้นก็ไม่จำเป็นต้องมี โอกาส
เห็นท่าทีของเขามีความผ่อนคลาย หลินซินเยียนจึงกล่าว ต่อว่า คุณชายไม่สู้ไปเดิมพันด้วยกันกับข้า ไม่แน่ว่าหากโชค ดีพวกเราอาจจะชนะขึ้นมาจริงๆก็เป็นได้?
ไม่รู้ว่าคำพูดใดของหลินซินเยียนได้กระตุกใจเขา เขาลังเลอยู่เล็กน้อยแต่ก็ตอบตกลงอย่างไม่คาดคิด เดินตามนาง มายังจุดลงเดิมพันด้วยกัน
สำหรับตัวอู่ฉือผู้นี้ กล่าวกันตามจริงแล้วหลินซินเยียนกลับ ไม่ได้รังเกียจ แม้ครั้งแรกที่เผชิญหน้ากัน เขาติดตามข้า งกายฮูเหยียนหลิวหยุนช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ แต่ในทุก ช่วงเวลาสำคัญเขากลับไม่ได้ลงมือเหี้ยมโหด คนเลวในหมู่ คนดีทำให้ผู้คนรังเกียจ แต่ทว่าคนที่ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นใน หมู่คนเลวกลับสามารถสร้างความประทับใจบางส่วน นี่เป็น อีกด้านของความไม่ยุติธรรมในมนุษย์
อย่างไรก็ตามคนเราน่ะ ไม่ยุติธรรมนักหรอก เป็นเพราะว่า คนเราไม่ใช่เครื่องจักรที่สามารถวัดทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ ต้องมีเลือด มีเนื้อ มีความรู้สึกจึงจะเป็นคน
“หนึ่งพันตำลึง?” คนรับพนันรับตั๋วเงินของอู่ฉือมา พลันตก ตะลึง จึงได้ถามอีกครั้งด้วยความไม่มั่นใจ “คุณชายท่าน ต้องการลงเดิมพันฝั่งคนท้าประลองหนึ่งพันตำลึงจริงๆหรือ?”
“ถูกต้อง ลงเดิมพันไปซะ” อู่ฉือให้ตอบเขาอย่างแน่วแน่ เหลือบมองไปยังคนที่อยู่ข้างๆโดยไม่ทันตั้งใจ คนผู้นี้เห็นได้ ชัดว่าแตกต่างจากสตรีผู้นั้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดราวกับว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้านี้ช่างเหมือนกับสตรีผู้นั้นเสียจริง ระทำในทุกครั้งเหนือความคาดหมายอยู่เสมอ การก
คนรับพนันเห็นท่าที่การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของเขา จึงไม่ ได้เร้าอะไรอีก สุดท้ายแล้วพวกเขาดูเหมือนพวกโง่เง่าที่เอา เงินตำลึงมาประเคนให้เจ้าของบ่อนพนัน เล่นเดิมพันแบบนี้ ยิ่งพวกเขาได้รับเยอะเถ้าแก่ก็ยิ่งพอใจ
ในเมื่อลงเดิมพันที่บ่อนแล้ว ก็ไปศาลาเฟิงอีดูผลลัพธ์ที่ท่านสมัครใจเถอะ
หลังจากที่คนทั้งสองออกมาจากบ่อนพนัน อู่ฉือเป็นฝ่าย เชิญหลินซินเยียนไปยังศาลาเฟิงอีด้วยกัน เดิมที่หลินซิน เยียนคิดจะปฏิเสธ แต่ลังเลชั่วครู่แต่พลันนึกได้ว่าอู่ฉือเป็น บุตรชายของอู่หนิงโหว อู่หนิงโหวเองก็เป็นขุนศึกโดยชาติ กำเนิด หากในอนาคตนางต้องการเข้าสู่กิจการด้านการสร้าง อาวุธจริงๆ ไม่แน่ว่าคนผู้นี้ก็พอมีด้านที่จะเป็นประโยชน์ ดัง นั้นจึงตอบรับคำชวนนี้ไป
อู่ฉือนั้นมีรถม้า คนทั้งสองจึงนั่งรถม้าโดยสารไปยังศาลา เฟิงอี บนรถม้านั้นคนทั้งสองได้สนทนากันหลายประโยค หลินซินเยียนบอกกับอู่ฉือว่า นางชื่อเยว่อู่เหิน เป็นคนทางใต้ มาพึ่งพาอาศัยญาติที่เมืองเฟิ่งชี อีกทั้งการค้าขายทางบ้านยัง เกี่ยวข้องกับการผลิตสร้างอาวุธ
ในยามที่ทั้งสองมาถึงศาลาเฟิงอี เวลานัดหมายการ ประลองยังห่างถึงครึ่งชั่วยาม แต่ทว่าศาลาเฟิงอีได้แน่นขนัด ไปด้วยฝูงชน ศาลาเฟิงอีเดิมที่อยู่บนพื้นที่โล่งกว้างระหว่าง ภูเขาทั้งสอง ล้อมรอบไปด้วยต้นพลัมมากมาย บังเอิญเป็นฤดู ดอกพลัมบานพอดี ทัศนียภาพรอบๆไม่อาจกล่าวได้ว่า ไม่
งดงาม
แต่ ณ เวลานี้ บนพื้นที่ที่เคยโล่งไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยผู้คน ที่กำลังนั่งบ้างยืนบ้าง แม้แต่ภูเขาทั้งสองด้านก็ยังมองเห็น ศีรษะผู้คนอยู่รำไร
เมื่อหลินซินเยียนลงจากหลังม้าก็ถูกภาพเบื้องหน้าสายตา ขู่ขวัญ นางดูแคลนความกระตือรือร้นของประชากรเมืองเฟิ่ง ซีที่มาดูความสนุก นึกไม่ถึงว่าโลกแห่งความบันเทิงในสังคมยุคโบราณจะร้อนแรงขนาดนี้ มีผู้ชมมากมายอย่างนี้อาจจะ สามารถสร้างการวิพากษ์วิจาญที่ไม่สามารถคาดเดาได้
“ดูเหมือนพวกเราจะมาช้าไป เกรงว่าจะหาที่ดีๆไม่ได้เสีย แล้ว” หลินซินเยียนรั้งมุมปาก จริงๆแล้วสิ่งที่นางอยากจะพูด คือ คนเยอะขนาดนี้ นางจะเบียดเสียดไปถึงด้านหน้าเพื่อร่วม การประลองได้อย่างไร
อู่ฉือกลับไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เดิมทีก็มีคนรออยู่ก่อน แล้ว หลังจากที่พบเขาก็มีบ่าวสองนายเข้ามาเบิกทางให้กับ เขาทันที หลังจากนั้นก็นำทางพวกเขามาจนถึงตำแหน่งที่มี ระยะใกล้กับศาลาเฟิงอีที่สุด
สิ่งที่ทำให้หลินซินเยียนตะลึงอ้าปากค้างอีกครั้งคือ เดิม ศาลาเฟิงอีเป็นศาลาโดดๆ แต่เพื่อตอบสนองเหล่าแขกผู้มี เกียรติท่ามกลางกลุ่มคนที่มาร่วมชม นึกไม่ถึงว่าจะมีคนย้าย โต๊ะเก้าอี้มาอยู่ก่อนแล้ว บนโต๊ะยังจัดวางขนมและชาอ่อน กลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์อย่าง หนึ่ง
บางทีอาจเป็นพลังแฝงจากการให้อภัยของหลินซินเยียน จึงอดไม่ได้ที่จะสูดมุมปาก
“อู่เหิน เชิญนั่งด้านนี้” บ่าวของอู่ฉือได้เช่าโต๊ะไวเให้เขาอยู่ ก่อนแล้ว ดังนั้นอู่ฉือจึงเรียกนางให้มานั่งลง
หลินซินเยียนตามมานั่งด้วยความงงๆ เป็นอีกครั้งที่รู้สึก ว่าการติดตามมาพร้อมกับอู่ฉือครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ ฉลาด ถ้าหากไม่เป็นเขา อย่าพูดถึงเรื่องที่จะได้นั่งเลย ภายในรัศมีสิบจั้งของศาลาเฟิงอีนี้ อาศัยแค่ร่างเล็กๆของนาง ก็เบียดเข้ามาไม่ได้แล้ว
อู่ฉือรินชาให้หลินซินเยียน หลินซินเยียนยิ้มพลางกล่าว ขอบใจ เมื่อมองไปในศาลาเฟิงอี มีสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นยังเป็นคนคุ้นเคยของนาง
อินฉีและไต้ชื่อนั่งอยู่ในศาลาเฟิงอีที่ดูเหมือนเพลิดเพลิน กับการสนทนา คนทั้งสองไม่เพียงแต่ส่งเสียงหัวเราะกลม เกลียวอยู่หลายครั้ง แต่พวกเขายังมองออกไปยังกลุ่มคนรอบ นอกเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังรอใครบางคนอยู่
หลินซินเยียนขมวดคิ้วมุ่น อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าอินฉีจะมา ปรากฏตัวที่นี่ คนมีความสามารถที่อายุยังน้อยและตัวตนอยู่ ในตำแหน่งที่สูง บุคคลเช่นนี้ นางไม่แน่ใจว่าเขาจะไม่พบการ ปลอมตัวของนาง
ในวันนี้ผู้ท้าประลองและศาลาความลับแห่งสวรรค์ที่ถูกท้า ประลองล้วนยังไม่มีใครปรากฏตัว บรรดาผู้ชมที่อยู่รอบๆเอง ก็รอด้วยความหงุดหงิดอย่างมากเสียเรี่ยวแรงเพื่อมาดูนัดนี้ ถ้าหากคนของทั้งสองฝ่ายไม่มีใครมา ก็คงจะเป็นเรื่องตลกที่ ยิ่งใหญ่เสียแล้ว
“คนของศาลาความลับแห่งสวรรค์มาแล้ว!”
ในฝูงชน ไม่ทราบว่าใครเป็นคนตะโกนเสียงดังลั่น ภายใน เวลาอันรวดเร็ว นึกไม่ถึงเลยว่าฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบๆก็เริ่มเปิด ทางสายหนึ่งขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
หลังจากนั้น ก็เห็นคุณชายตัวน้อยร่างบางในชุดสีเขียวผู้ หนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ คุณชายชุดเขียวยังสวมหน้ากากไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตากลมใหญ่ ด้านหลังของนางยังติดตาม ด้วยบุรุษร่างกายสูงใหญ่คนหนึ่ง ทว่าบุรุษผู้นั้นสวมใส่เสื้อผ้า เนื้อหยาบของบ่าว รูปลักษณ์ภายนอกไม่โดดเด่น ฉะนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คน
คุณชายชุดเขียวอ่อนหรือเทียนหยุนชิงเดินเข้ามาในศาลา เฟิงอี มองไปทางไต้ซือและมองไปที่อินฉี ในดวงตาเผย ประกายความประหลาดใจ จู่ๆก็ถูกความโกรธเข้ามาแทนที่ อย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางดิ่งลง ตะโกนซี้อินฉีพลันกล่าว เจ้าเป็นผู้ท้าประลองกับศาลาความลับแห่งสวรรค์ของพวก เราในวันนี้งั้นหรือ? เป็นเจ้าที่กล่าวว่าคนของศาลาความลับ แห่งสวรรค์ล้วนขี้ขลาด?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ