ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต

ตอนที่ 478 พิษปริศนา



ตอนที่ 478 พิษปริศนา

“พวกท่านเคยได้ยินเรื่องภาพลวงตาหรือไม่?” ภายใต้สายตาสน อกสนใจของผู้คนทั้งหมด หลินขึ้นเขียนเอ่ยถามประโยคนี้ออก มาอย่างเชื่องช้า

ถึงแม้แต่ละท่านจะเป็นผู้อาวุโสของทุกตระกูลใหญ่ ทว่าในยุค สมัยเหล็กเย็นเช่นนี้ แหล่งข้อมูลข่าวสารทั้งหมดล้วนอ้างอิงจาก การสั่งสมประสบการณ์ ดังนั้นผู้อาวุโสผู้สูงศักดิ์บางคนแล้ว ชั่ว ชีวิตก็ไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาในขอบเขตทะเลทรายเช่นนี้ ยิ่ง ไปกว่านั้นเพียงแค่สามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของทะเลทราย ดังนั้นผู้คนจํานวนมากยังคงเปิดเผยท่าฉงนสนเท่ห์

สายตาของหลินซีนเยียนกวาดมองใบหน้าของทุกผู้คน ท้าย ที่สุดแล้วก็มาตกที่ใบหน้าของหลี่หาย “ข้าคิดว่าลุงหลีจะต้อง เคยได้ยินเรื่องภาพลวงตามาแล้วเป็นแน่ ไม่ให้ท่านมาอธิบาย ให้ทุกคนฟังสักหน่อย ได้หรือไม่เจ้าคะ?”

หลี่หายพลันพยักหน้า ประสานมือกล่าว “ยากที่แม่นางหลินจะ คำนึงถึงข้า เช่นนั้นข้าก็ต้องเอ่ยสักคำแล้ว ความพิศวงของ ภาพลวงตานี้ ภายในทะเลทรายก็พบเห็นการคงอยู่ได้ยากนัก แม้ว่าข้าจะเดินทางไปมาในทะเลทรายมาหลายปี ทว่าเพียงเคย ได้ยินมาเท่านั้น ยังไม่เคยพบเจอจริงๆ กล่าวกันว่าภาพลวงตา สามารถทำให้ดวงตามองเห็นภาพที่อยู่ไกลแสนไกลมาอยู่ตรง หน้า ภาพนั้นราวกับอยู่ตรงหน้า แท้จริงแล้วอยู่สุดขอบฟ้าไกล”
“ราวกับอยู่ตรงหน้า แม้จริงแล้วอยู่สุดขอบฟ้าไกล?” ภายใน กลุ่มคน มีคนพึมพำประโยคนี้ ราวกับไม่เข้าใจกระจ่างแจ้งสัก เท่าไรนัก

ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีหลักการปรากฏการณ์มิราจ ในทาง วิทยาศาสตร์ หลี่หายก็ทำได้เพียงใช้ถ้อยคํามาอธิบายเช่นนี้

หลินชินเขียนเอ่ยหัวข้อต่อจากเขา กล่าวรายละเอียดว่า “ถูก ต้อง ลุงหลี่กล่าวก็คือสถานการณ์นี้ พวกท่านดูสิ ตรงหน้าพวก เราแม้จะมองเห็นผาหินสูงร้อยจ้าง ความจริงแล้วผาหินนี้ไม่ใช่ ของจริง เป็นเพียงแค่เงาของสถานที่ที่อยู่ห่างไกลแสนไกลแห่ง หนึ่ง บางทีผาหินของจริงอาจเป็นสถานที่ภายนอกอยู่ห่างไกล จากพวกเราร้อยพันก็เป็นได้ เพียงแต่ภาพลวงตาอันเสถียร เช่นนี้ กล่าวต่อทั่วทั้งใต้หล้าก็ยังคงเป็นการคงอยู่อันมหัศจรรย์

บางที แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็ยากเหลือเกินที่จะอธิบายว่า ภาพลวงตาที่เสถียรภาพชนิดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าหากเปลี่ยน เป็นก่อนหน้านี้ หลินซีนเยียนก็ยากที่จะไม่สะอื่นคำรบหนึ่ง ทว่า นางในเวลานี้คือผู้ที่เคยได้ประสบเรื่องราวอันเหนือจินตนาการ ที่สุดอย่างการข้ามภพเช่นนี้ นางก็ไม่อาจคิดอย่างตื้นเขินว่าบน โลกนี้ทุกสรรพสิ่ง สามารถใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มา อธิบายได้แล้ว

“แม่นางหลินช่างมากความรู้ประสบการณ์กว้างไกลจริงๆ ครั้ง นี้ถ้าหากไม่มีการชี้นำของแม่นางหลิน เกรงว่าพวกเราก็คงหยุด อยู่ด้านนอกผาหินจอมปลอมนี้เป็นแน่” ทรงเยู่หัวเราะแล้วชื่นชม หลายประโยค
หลินขึ้นเขียนเพียงกล่าวอย่างเรียบเฉย “ท่านเจ้าบ้านทรง เกรงใจแล้ว”

มองเห็นทุกคนเข้ามาเกือบจะครบแล้ว หลินซินเยียนก็หันหลัง ไปทางข้างหน้า “ข้าคิดว่า ตอนนี้พวกเราสามารถเริ่มต้นการ เข้าสู่ขุมทรัพย์สมบัติทองเก๋งจีนได้อย่างเป็นทางการแล้ว

ทุกคนมองไปยังทิศทางตามปลายนิ้วของนาง ภายใต้แบ แรกนี้ก็ยังตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง แต่เดิมที่จากไปไกล คาดไม่ถึงว่า จะยังมีผาหินหนึ่งเหมือนก่อนหน้า เพียงแต่ผาหินนี้ไม่เหมือนกัน ก่อนที่เป็นผาหินสูงจอมปลอมเช่นนั้น ความสูงเพียงสิบกว่าจ้าง เท่านั้น อีกทั้งบนผาหินก็มีเถาวัลย์เจริญเติบโตอยู่ทั่ว พืชพันธุ์สี เขียวขจีทำให้ผาหินราวกับไม่ได้มีความรู้สึกอันตรายขนาดนั้น คล้ายกับว่าใช้เถาวัลย์พวกนั้นปีนป่าย ก็สามารถปีนขึ้นไปบน ยอดเขาได้อย่างง่ายดาย

“ไปกันเถอะ” หลินซีนเยียนม้วนเก็บแผนที่หนังแกะ จากนั้นก็ เดินมุ่งไปด้านล่างของผาหิน

ทุกคนติดตามอยู่ด้านหลังของนาง เดินมาที่ด้านล่างของผ้า หิน หลังสู่ร้องเสียงเย็น ส่งสายตาให้กับผู้ติดตามที่อยู่ข้างกาย ผู้ติดตามผู้นั้นก็พลันเดินมาถึง หลินซีนเยียนที่เดินใกล้ส่วน ปลายของเถาวัลย์

หลินซินเยียนชะงักฝีเท้า ไม่เข้าใจเจตนาของการทำเช่นนี้ของ หลัง ดังนั้นจึงหันหน้าไปมองเขา “ท่านเจ้าบ้านหลิง นี่มัน หมายความว่าอะไร?”
“ไม่มีอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าตอนนี้แม่นางหลินล้ำค่ามากยิ่งนัก เกรงว่าท่านจะทำให้ตนเองบาดเจ็บ ดังนั้นจึงให้คนช่วยนำทาง ให้เท่านั้น” ถ้อยค่า ของหลังเรียบลื่นไร้ตำหนิ ทว่าผู้ใดก็มอง ออกว่าความหมายบนใบหน้าของเขาไม่ได้ต้องการปกป้องหลิน ชั้นเรียน เพียงทำเพื่อคว้าโอกาสก่อนก็เท่านั้น

หลินซีนเขียนร้องเยาะเสียงเย็น ไม่ได้กล่าวถ้อยคำ ยิ่งไม่ได้ไป หยุดยั้งคนที่ก้าวล้ำมาตรงหน้านาง

“ดีละ ในเมื่อเป็นเจตนาดีของเจ้าบ้านหลิง เช่นนั้นหากข้า ปฏิเสธก็ไร้มารยาทแล้ว” หลินซินเยียนเอ่ยขึ้นเช่นนี้ จากนั้นมอง ไปทางผู้ติดตามที่คว้าเถาวัลย์เส้นหนึ่งอย่างเย็นเยือก

เถาวัลย์เส้นนั้นแข็งแรงนัก คนผู้นั้นทดสอบความแข็งแรง จาก นั้นก็ยกตัวขึ้นไป มองเห็นการกระโจนอันรวดเร็วของเขาไปถึง กลางอากาศของผาหิน เขาก็ออกแรงอีกครั้งหนึ่ง ก็ไปถึงยอด ของผาหินแล้ว

จากนั้น ทุกผู้คนยังไม่ทันตอบกลับว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นคน นั้นร่วงหล่นลงมาจากยอดผาหินอย่างรุนแรง

คนผู้นั้นตกลงมาตรงหน้าของหลินซีนเยียน อารมณ์บนใบหน้า สามารถใช้คำว่าอัปลักษณ์ดุร้ายมาบรรยายได้ ทหารทั้งเจ็ดของ เขาหลั่งเลือด ราวกับไม่มีลมหายใจแห่งชีวิตแล้ว

“ตายแล้ว?” หลังสู่ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ยื่นมือมา ตรวจลมหายใจ แล้วเงยหน้าเอ่ยถามหลินขึ้นเขียนอย่าง ประหลาดใจ
หลินขึ้นเขียนส่ายหน้า “ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้ายังไม่ได้ขึ้นไปดู ข้างบน ทว่าเช่นนี้ดูท่าแล้ว ข้าต้องขอบคุณการดูแลของท่านเจ้า บ้านหลังเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นแล้วหากขาเป็นคนแรกที่ปีนขึ้น ไป ไม่แน่ว่าอาจจะตกตายอยู่ที่นี่จริงๆ แล้ว

“แม่นางหลิน เจ้าไม่ทราบหรือ?” นัยน์ตาของหลังสู่ฉายความ สงสัยอย่างชัดเจน

หลินซีนเขียน โบกมือ “ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเขามองเห็นอะไร หรือ ประสบกับสิ่งใด”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะถูกพิษ?” หลังสู่มองเห็นริมฝีปากของ คนผู้นั้นเป็นสีม่วงเล็กน้อย จึงเอ่ยถามหลินซีนเยียน

หลินซีนเขียนมีท่าทีกลอกตา “ข้าไม่ทราบจริงๆ ข้าก็ไม่ใช่

แพทย์ ถ้าหากท่านเจ้าบ้านหลังรู้สึกไม่แน่ใจ สอบถามว่ามีผู้

เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในกองกำลังนี้หรือไม่ก็ไม่เสียหาย

หลังได้ยิน หันไปมองทางทรงเยและหล่อวิ๋นซ่าน ทรงเม่ลังเล เล็กน้อย แต่ก็เอ่ยนามผู้เฒ่าผู้หนึ่งด้านหลังของเขาให้ลุกขึ้น

ผู้เฒ่าผู้นั้นตรวจสอบศพของคนผู้นั้นครั้งหนึ่ง จากนั้นก็มอง เถาวัลย์เขียวขจีตรงหน้า ขมวดคิ้วกล่าว “เขาถูกพิษแล้ว ทว่า เถาวัลย์พวกนี้กลับไม่มีพิษ ที่น่าประหลาดใจนัก”

หลินซีนเยียนเงยหน้าเหลือบมองไปทางด้านบนของผาหิน จากนั้นก็ชี้นิ้ว เอ่ยถาม “ของเช่นนั้น มีพิษหรือไม่?”

ปากนางบอกว่าของเช่นนั้น นั่นก็คือ “ก้อนหิน” ที่มีสีสันแตกต่างกับบริเวณอื่นอยู่บ้างด้านบนของผาหิน เพราะว่าอยู่ห่างมาก เกินไป ทำได้แค่มองเห็นว่าเป็นของสีเทาอย่างหนึ่ง เพาะว่า เป็นก้อนหรือว่าก้อนดินกลับไม่มีผู้ใดทราบ

ผู้เฒ่าแพทย์หลผู้นั้นมองไปอย่างระวัง และดึงเถาวัลย์เพื่อปืน ขึ้นไปอย่างระแวดระวังวูบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะเข้าไปใกล้ของสี เท่านั้นก็หยุดชะงักลง แต่ในพริบตาเดียวเขาก็หวาดผวาจนซีด เผือด จากนั้นวิ่งหนีลงมาอย่างรวดเร็ว

“สิ่งนั้นมีพิษจริงๆ ข้าผู้เฒ่าถึงแม้จะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เมื่อ อยู่บริเวณห่างจากของสิ่งนั้นหนึ่งจ้างก็รู้สึกไม่ถูกต้องแล้ว ดังนั้น จึงไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีก” ผู้เฒ่านั้นกล่าวอย่างพยายามสงบ ใจหลังจากความตระหนัก

“ทั้งยังเป็นพิษปริศนา บรรพบุรุษตระกูลเพิ่งนี้วางกำจัดเอาไว้ จริงๆ และก็ไม่รู้ว่าปราการธรรมชาติเช่นนี้ ถูกพวกเขาค้นพบได้ อย่างไร” ทรงเยอดที่จะบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ไม่ได้ สีหน้าก็ เปลี่ยนเป็นจริงจังยิ่ง เขาหันหน้าไปเอ่ยถามหลินซีนเยียน “แม่ นางหลิน ความสำเร็จอยู่ตรงหน้าแล้ว เจ้ามีวิธีอะไรดีๆ หรือไม่?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ