ตอนที่457 ไว้อาลัย
หลายปีต่อมาเมื่อหนีหว่านนึกย้อนไปถึงคำพูดของ หลินซีนเยียนที่พูดออกมาเมื่อตอนนั้นร่างกายก็รู้สึกเย็น วาบขึ้นมาทันทีเพราะว่าตอนนั้นเขาเห็นความบ้าคลั่งและ ความกระหายเลือดจากแววตาคู่นั้นของหลินซีนเยียน ความบ้าคลั่งในการฆ่าเช่นนั้นถึงแม้เป็นแม่ทัพใน สนามรบก็ไม่อาจมีได้เหมือนกับว่าชีวิตเหล่านั้นไม่มี ความหมายอะไรสําหรับนางการมีชีวิตอยู่ของนางมีไว้ เพื่อฆ่าเท่านั้น!
หลังจากที่หลินซีนเยียนสอบถามหนีหว่านก็ให้คน พาหนีหว่านไปขังในห้องฟืนในเมื่อประมุขของตระกูลห รงมอบหนีหว่านให้กับนางแล้วเช่นนั้นนางก็สามารถพาห นีหว่านออกไปจากตระกูลหรงได้แต่ว่าเพื่อไม่ให้เป็นที่ ดึงดูดความน่าสงสัยจากคนอื่นนางจึงไม่แสดงท่าทีที่ ดูแลหนีหว่านเป็นพิเศษออกมา
หลังจากมืดค่ำองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ภายในลานก็ออก ไปแล้วหลินซีนจึงได้ปลุกเสี่ยวหลงให้ตื่นแล้วเปิดห้องปืน ให้เสี่ยงหลงแบกหนีหว่านไว้บนหลังจากนั้นพวกเขาทั้ง สามก็ออกจากบ้านตระกูลหรงไป
สุสานที่หนีหว่านทำให้โม่จื่อเฟิงอยู่ที่ราบลุ่มของ ภูเขาลูกหนึ่งซึ่งห่างตัวบ้านตระกูลหรงไปอีกสามลี้ ภายในภูเขาหิมะกลางคืนจะยังมีแสงสว่างกว่าที่อื่นหลัง จากที่หลบยามเฝ้าลาดตระเวนของตระกูลหรงออกมา ได้อย่างระมัดระวังเดินทางต่ออีกครึ่งชั่วยามถึงได้มาถึง สถานที่ที่หนีหว่านพูดถึง “ที่นี่หรือ? “หลินซีนเยียนมีข้อสงสัยบางอย่างนาง มองแวบเดียวที่ราบลุ่มภูเขานี้ไม่มีอะไรที่คล้ายกับสถาน ที่ที่มีสุสาน
หนีหว่านที่อยู่บนหลังเสี่ยวหลงอ่อนแรงมากนักบน ตัวมีเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกที่หลินซีนเยียนนำมานาง ยกมือขึ้นแล้วชี้ไปยังมุมๆหนึ่ง อยู่ที่นั่น”
หลินซีนเยียนมองตามที่หนีหว่านชี้ถึงได้เห็นว่าตรง มุมนั่นมีไม้แผ่นหนึ่งปักอยู่บนดินไม่มีหลุมที่นูนขึ้นมาและ ไม่มีคำที่สลักมีเพียงแผ่นไม้ธรรมดาๆเท่านั้น
ในใจหลินซีนเยียนรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาคลอเบ้า นางกัดปากล่างแล้วเดินไปทางแผ่นไม้นั้นจากนั้นก็ค่อยๆ คุกเข่าลงไปนางคุกเข่าอยู่อย่างนั้นไม่มีคำพูดใดๆและ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เสี่ยวหลงวางหนีหว่านลงแล้วเดินงไปยังตรงหน้า แผ่นไม้เขาก้มคำนับสามครั้งชายฉกรรจ์เยี่ยงเขาทนไม่ ได้จนมีน้ำตาไหลออกมาเขาพูดอย่างแผ่วเบา “นาย ท่าน…ทั้งๆที่ปากขยับอยู่แท้ๆแต่กลับฟังไม่ชัดว่าเขา พูดอะไรอยู่กันแน่
ค่ำคืนนี้ลมพัดแรงและยังเย็นยะเยือก
หนีหว่านนั่งพิงแท่นหินอยู่อีกด้านมองดูทั้งสองที่ คุกเข่าต่อหน้าหลุมศพของโม่จื่อเฟิงแววตาสั่นไหวเล็ก น้อยแต่ไม่ก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่แต่ว่าบนใบหน้า ของหน้าไม่มีความรู้สึกโศกเศร้าอยู่เลยแต่กลับมีความ รู้สึกยินดีบางอย่าง
โลกที่เงียบสงัดนอกจากเสียงลมกระโชกก็ไม่ได้ยิน เสียงอย่างอื่นเลย
หลินซีนเยียนคิดว่าตัวเองนั้นเมื่อมาถึงหน้าหลุมศพ ของโม่จื่อเฟิงคงร้องไห้คร่ำครวญเป็นแน่แต่ว่านางก็นั่ง เงียบอยู่อย่างนั้นไม่มีเสียงของน้ำตาที่ไหลลงมา
บนท้องฟ้าเริ่มมีแสงสว่างค่อยโผล่ขึ้นมาพระอาทิตย์ ก็คงขึ้นในไม่ช้า
หนีหว่านเห็นทั้งสองยังคงอยู่ในโลกของตัวเองนาง ถอนหายใจยาวแล้วเตือนสติว่า “ฟ้าเริ่มสางแล้ว”
หลินซีนเยียนถึงได้สติคืนมาแล้วมองไปทางด้าน พระอาทิตย์ขึ้นจากนั้นถึงได้ลุกขึ้นเพราะนั่งนานเกินไป จึงทำให้ร่างกายรู้สึกชาเล็กน้อยสักพักก็พูดต่อหน้าหลุม ศพโม่จื่อเฟิงว่า“เจ้าวางใจเถอะรอข้าแก้แค้นให้เจ้าสำเร็จ ข้าก็จะมาอยู่กับเจ้าโม่จื่อเฟิงข้ารักเจ้าไม่ว่าเจ้าทำอะไร ไม่ว่าเจ้าเคยทำร้ายข้าอย่างไรความรู้สึกของข้าก็ไม่เคย เปลี่ยนดังนั้นที่ข้าไม่เอะอะโวยวายที่นี่เพราะว่าข้าจะมา อยู่กับเจ้า….แน่นอน
หนีหว่านและเสี่ยวหลงหันไปมองนางพร้อมกันที่แท้ เบื้องหลังที่นางแสดงท่าทีเงียบขรึมออกมาก็เพื่อสานต่อ ความมุ่งมั่นของโม่จือเฟิง
ในขณะที่พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่เต็มดวงทั้งสามคน ก็ได้กลับมาถึงในลานอย่างลับๆแล้ว
นั่งพักได้สักพักหรงอวิ๋นประมุขน้อยตระกูลหรงก็มา ถึงลานที่หลินซีนเยียนพักอีกครั้งถึงแม้เขาจะพูดจาได้ เหมือนธรรมดาไม่มีอะไรแต่ว่าท่าทีของเขาแสดงความ ร้อนรนออกมาเหมือนเตือนสติหลินซีนเยียนว่าอย่าลืม หน้าที่ของตัวเอง
ใบหน้าของหลินซันเยียนเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับ ยิ้มอย่างเย็นชาเมื่อถึงเวลากลางวันนางใช้โอกาสที่ประ มุขทรงเชิญนางรับประทานอาหารกลางวันนางได้กล่าว กับทรงเย่ประมุขตระกูลหรงว่านางตัดสินใจที่จะเดินทาง ไปแหล่งกำเนิดเกิงจีนพรุ่งนี้และอีกอย่างนางยังมีข้อ เสนอที่ทำให้ทรงเปถึงกับตกตะลึง
“แม่นางหลินความหมายของเจ้าคือให้ข้าเดินทางไป กับเจ้าด้วยตัวเอง?”ทรงเย่ขมวดคิ้วสำหรับข้อเสนอของ หลินซีนเยียนเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง
บนโต๊ะอาหารมีอาหารหลากหลายชนิดแต่หลิน น เยียนกลับดื่มเพียงน้ำชานางยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า”ใช่ข้า พึ่งได้ข่าวสารจากปากหนีหว่านเมื่อคืนนี้โม่จือเฟิงก็ยัง กังวลเกี่ยวกับปัญหาสมบัติของแหล่งกำเนิดเกิงจีนเช่น กันและในมือนางยังมีอะไรที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย และนี้ก็เป็นสาเหตุที่ข้ามาหานางครั้งก่อนตระกูลหลี่พา ข้าไปบริเวณรอบๆสมบัติที่กำเนิดเกิงจีนท่านก็รู้เช่นกัน ไม่ใช่หรือว่าสายเลือดของข้าเป็นสายเลือดพิเศษมีเพียง ข้าที่สามารถเปิดประตูที่กำเนิดนั้นได้แต่ว่าครั้งก่อนหลัง จากที่พวกข้าเข้าไปก็ได้พบปัญหาบางอย่างข้าสงสัยมา ด้วยตลอดเพราะเหตุใดเมื่อพวกข้าถึงที่แท่งเปิดปิดพวก ข้าถึงไม่สามารถเข้าไปได้ตอนนี้ข้าได้สาเหตุจากปาก ของหนีหว่านแล้วเพราะแท่งเปิดปิดนั้นต้องใช้ป้ายประจำ ตัวประมุขของทั้งสามตระกูลใหญ่ถึงจะเปิดได้
“ป้ายประจำตัว ประมุขของตระกูลเท่านั้นถึงจะมีได้ หากเมื่อมอบให้กับผู้ใดก็คือการมอบตำแหน่งประมุขให้ กับผู้นั้น…..รงแย่ประมุขตระกูลหรงพึมพำอยู่เช่นนั้น
“ใช่แล้วความจริงเป็นเช่นนั้นเขาถึงให้ท่านเดินทาง ไปกับข้า”นางถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า”เมื่อวานนี้ข้า รับปากว่าคราวนี้สมบัติเกิงจีนข้าจะทำให้ตระกูลหรงได้ รับผลประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตามข้าเป็น เพียงหญิงที่อ่อนแอเท่านั้นถึงแม้ว่าข้าจะมีข้อได้เปรียบ ทางสายเลือดแต่ความแข็งแกร่งของทั้งสามตระกูลใหญ่ ที่ซ่อนอยู่ที่นั่นมันยากมากที่ข้าเพียงคนเดียวจะช่วยให้ ตระกูลของท่านได้รับประโยชน์มากที่สุดหากได้รับ ความช่วยเหลือจากตระกูลของท่านมันจะง่ายขึ้นมาก และอีกอย่างข้าขอใช้คำพูดที่อาจไม่น่าฟังสักหน่อยตอน นี้ทั้งสามตระกูลใหญ่อยู่ในสถานะสามขามันเกิดขึ้นมา เนิ่นนานเกินไปพลังของทั้งสามตระกูลอยู่ในสถานะเจ้า แข็งแกร่งหรือไม่ข้าก็อ่อนแอไม่ใช่หรือ?ทำให้ตระกูลห รงแข็งแกร่งและทำให้อีกสองตระกูลอ่อนแรงลงก็เป็นอีก วิธีหนึ่งเช่นกัน
“ที่แม่นางหลินพูดก็มีเหตุผลแต่ว่าการที่ข้าไปด้วย ตัวเองก็สามารถลดกำลังอีกทั้งสองตระกูลได้หรือ? มัน….หรงเย่รู้สึกว่าหลินซีนเยียนมองปัญหานี้ง่ายเกิน ไป
หลินซีนเยียนหัวเราะเบาๆ“แน่นอนว่าไม่ใช่แต่ว่า อย่างไรก็ตามประตูที่กำเนิดเกิงจีนนั้นแน่นหนาหาก ประมุขของทั้งสองตระกูลอยู่ในนั้นแล้วเกิดเหตุไม่คาด คิดเล่า?”
ทันใดนั้นดวงตาของหรงเย่ก็ส่องประกายขึ้นในที่สุด เขาก็เข้าใจความหมายของหลินซีนเยียนหากประมุข ของอีกสองตระกูลเกิด “อุบัติเหตุ”ในระหว่างการตามล่า หาสมบัติมังกรที่ไม่มีหัวก็จะมีการขัดแย้งภายในทั้งสอง ตระกูลก็จะมีการต่อสู้กันเองภายในเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง เช่นนั้นก็เทียบเท่ากับการลดอำนาจของทั้งสองตระกูล ในเวลานั้นพวกเขาก็สามารถใช้โอกาสที่จะกลืนกอง กำลังของทั้งสองตระกูลได้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ