ตอนที่ 443 ตายอย่างทารุณ
ทรงอวิ๋นแต่งกายหมดจด ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบบนหลังมือของ หนีหว่าน กล่าวตะเบ็งเสียงเย็น “ผู้หญิงที่ข้าทรงอวิ๋นเคยนอน ด้วย ในใจยังรำพันถึงชายอื่นอยู่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน หลัง จากที่เจ้าขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวข้าได้วางแผนให้คนพาไม่จื่อเพิ่งไปวิ่ง ยะเยือกแล้ว”
“อะไร?” หนีหวานแตกตื่นจนเปล่งเสียงออกมา แม้แต่ความ เจ็บปวดบนหลังมือก็ลืมเลือนไปสิ้น นางทำเพียงร้องถามเขา อย่างลุกลี้ลุกลน “บึงยะเยือกเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลห รง ต่อให้เจ้าเป็นนายน้อยตระกูลหรง แค่บอกให้เปิดก็จะเปิด บอกให้ปิดก็ปิดได้อย่างไรกัน ข้าไม่เชื่อ!
“ไม่เชื่อ?” ทรงอวิ๋นส่ายหน้า แล้วใช้สีหน้าโง่งมมองหนีหว่าน “ถึงตอนนี้แล้ว เจ้ากับเจ้านายหน้าโง่ของเจ้ายังไม่อาจรับรู้ความ จริงได้ชัดอีก ไม่ผิด ท่านพ่อข้าได้ทำข้อตกลงกับโม่จื่อเฟิงบรรลุ ผลแล้ว ใช้ไม่จื่อเฟิง ให้เลี้ยงความแกร่งกล้าหลายต่อหลายปีมา แลกกับการปลดปล่อยบึงยะเยือก แต่ว่า…ขอเพียงไม่จื่อเพิ่งมี ชีวิตอยู่แม้แต่วันเดียว อำนาจความแข็งแกร่งใต้บัญชาของเขา จะถูกตระกูลหนึ่งของข้าควบคุมได้อย่างเต็มที่ได้อย่างไร? มี เพียงเขาตายแล้ว พวกเราตระกูลหรงจึงจะสามารถรับอำนาจ ของเขามาได้ ไม่ใช่หรือ?”
หนีหวานนิ่งงัน ดวงตาทั้งคู่แปรเป็นสีของเลือดแดง ลมโกรธปะทะหัวใจ เลือดสดอีกหนึ่งก็ทะลักออกมา
เลือดสดกระเซ็นใส่บนรองเท้าของทรงอน ให้ทรงอ นระเบิดโทสะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเตะเท้าเข้าบนใบหน้าของหนีหวาน “นั่งสําส่อนหน้าไม่อาย! ช่างเป็นหน้าที่ไร้ยางอายจริงๆ ข้า ต้องตากับเรือนร่างของเจ้าก็นับว่าเป็นบุญหัวแล้ว ยังกล้าจะตบ หน้าข้าอีก! ตอนก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เรือนร่างของเจ้า ข้ายังมี ความสนใจต่อเจ้าอยู่หลายเท่า ตอนนี้สิ…ข้าขอเตือนว่าให้เจ้า ประจบประแจงข้าอย่างดี ก็ตอนที่เจ้าอยู่บนเตียงนั้น เหมือนกับ ปลาตายตัวหนึ่งไม่มีผิด จากนี้นึกอยากได้รับความโปรดปราน จากขาก็ยากมากแล้ว! อย่าหาเรื่องใส่ตัวเองให้มากนัก! “
ทรงอวิ๋นเช็ดคราบเลือดในรองเท้าบนเค้าหน้าของหนีหว่าน อย่างไม่ยี่หระ ก่อนถอยหลังสองสามก้าว ล้วงเอาขวดลายคราม อันหนึ่งออกมาจากอก “มองเห็นหรือไม่ ของในขวดนี้ก็คือของที่ เจ้าจะร้องขอข้าให้เจ้ากินทุกๆ เดือน ผ่านคืนวานแล้ว ร่างกาย ของเจ้าก็หนีไม่พ้นข้าโดยแท้จริงแล้ว…
ทีแรกหนีหว่านยังค่อนข้างไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วเขา หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ทว่าครั้นนางนึกอยากใช้กำลัง ภายในก็รู้สึกถึงความเจ็บในอก เสมือนว่ามีกำแพงทึบปิดกั้น ระบบไหลเวียนภายในของตนเองอย่างแปลกประหลาด แม้ กำลังภายในสักครึ่งเสี้ยวนางก็ใช้ไม่ได้แล้ว
นางเบิกตากว้างด้วยความตื่นกลัว “ทรงอวิ๋น เจ้าทําอะไรกัน
ทรงอนไหวไหล่ “อันที่จริงก็ไม่ได้ทำอะไร จะว่าอย่างไรดีเล่า ในสายเลือดของพวกเราตระกูลทรงมียุทธวิธีบางอย่างทำให้ สามารถได้รับกำลังภายในของผู้อื่น ผู้หญิงที่ดีอย่างเจ้าเมื่อสัก ครู น ก็คือแบบทสายเลือดของตระกูลทรงของพวกเรา โปรดปรานนัก”
วินาทีนั้น หนีหว่านราวกับเข้าใจเป็นอย่างมาก
ราวกับนางคิดออกแล้ว เหตุใดต้นตระกูลใหญ่เช่นนี้อย่างตระ กูลหรง จึงทนยอมให้นายน้อยของตนเองรับอนุมากมายขนาด นั้น บางที การรับอนนี้ก็เป็นเพียงเครื่องบังหน้าอย่างหนึ่ง การได้ รับกำลังภายในของหญิงสาวเหล่านั้นถึงเป็นเรื่องจริง เพียงแต่ คนนอกไม่รู้เรื่อง จึงคิดอย่างบริสุทธิ์ใจเพียงว่านายน้อยตระกูลห รงมีนิสัยมักมากเจ้าสำราญอย่างนั้นเอง
หากว่าเป็นเพียงคนนิสัยมักมากจริงๆ ล่ะก็ หัวหน้าตระกูลทรง จะปล่อยให้บุตรชายของตนเองสิ้นเปลืองความคิดไปกับเรื่องนี้ ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
“ผู้หญิงที่ถูกพวกเราดูครับพลังมาแล้ว ทุกๆ เดือนระบบไหล เวียนภายในร่างกายจะเจ็บปวดราวกับมดนับหมื่นกัดหัวใจก็ไม่ ปาน นึกอยากให้ตัวเองมีชีวิตอย่างผ่อนคลายสักหน่อย จําเอาไว้ ว่าจากนี้ให้ออเซาะข้าแต่โดยดี” ทรงอวิ๋นแผ่นเสียงเย็น ล้วงยา หนึ่งเม็ดออกมาโยนลงพื้น หลังจากที่เหลือบมองหนีหว่านอย่าง ไม่ไยดี ก่อนกล่าวออกคำสั่งกับแม่นมอาวุโสด้านนอกประตู “เข้า มา ส่งตัวนางไปยุ้งฉาง!”
แม่นมอาวุโสที่อยู่นอกประตูได้ยินคำบัญชา จึงผลักเปิดประตู เข้ามาโดยพลัน ส่วนสถานการณ์ภายในห้องนั้นก็เห็นจนชินตา ร้องเรียกคนสองคนมาหามหนีหว่านออกไปอย่างคล่องแคล่ว
หนีหว่านกรีดร้อง แต่กลับไม่รอให้พวกนางขยับมือ ยืนหยัด ลุกขึ้นมาโถมไปทางด้านนอกประตู
แม่นมอาวุโสเห็นฉากนี้ก็เสียขวัญกันยกใหญ่ มองไปทางหนึ่ง ออื่นอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก หลายปีมานี้ บรรดาผู้หญิงที่เคยถูก นายน้อยโปรดปราน มีครั้งไหนบ้างที่จะไม่ฟุบเหนื่อยอยู่บนเตียง เรื่อยมาล้วนเป็นพวกนางหามออกไป แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ กลับมี เรี่ยวแรงปืนขึ้นมาถลาออกไปด้านนอก
เห็นเพียงสีหน้าเย็นเยียบของทรงอวิ๋น แต่กลับโบกมือไปมา กล่าวบัญชา “ปล่อยนางไปเสีย
แม่นมอาวุโสรับค่า ก่อนถอยออกไป
หนีหว่านลากสังขารอันเจ็บปวดทั้งกาย เดินไปทางบึงยะเยือก ทีละก้าว ฟากฟ้าได้มืดลงมากแล้ว สองข้างทางต่างจุดคบเพลิง ไว้ แสงคล้ำตกกระทบบนใบหน้าของนาง แต่กลับหลงเหลือเพียง ความสดขาวเท่านั้น
ยามที่นางเร่งรีบมายังบึงยะเยือกนั้น ก็มองเห็นคนจำนวนหนึ่ง ใช้ไม้กระดานแบกร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่งเดินออกมาจากด้าน ในของบึงยะเยือก ทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยผ้าดิบขาว เผยออกมา เพียงรองเท้าหนังยาวหนาสีดำคู่หนึ่ง บนรองเท้าหนังยาวปัก ลวดลาย ร าด้วยสีทองทับเอาไว้
“เป็นไปไม่ได้!” หนีหว่านทรุดกายลงอย่างบ้าคลั่ง ทำให้คนที่ กำลังแบกร่างเหล่านั้นตกใจจนมืออ่อนท่าไม้กระดานร่วงลงบน
ร่างไร้วิญญาณบนไม้กระดานก็กลิ้งลงมา ผ้าดิบขาวหลุดออก จากร่างนั้น เผยให้เห็นใบหน้าหนึ่งซึ่งมีเลือดออกจากทวารทั้ง
และเจ้าหน้านั้น ไม่ใช่ไม่จื่อเฟิง แล้วยังจะเป็นใครได้?
วินาทีนั้น ได้ยินเพียงเสียงร้องระเบิดลั่นเต็มพลังของหนีหว่าน จากนั้นนางก็กระอักเลือดสดออกมา ทั้งร่างก็สลบล้มพับไป
ท้องนภา ดาสนิทมาก มีเพียงทิศเหนือซึ่งมีดาราประกายวิ วับอยู่ดวงหนึ่ง แต่ว่า เทียบกับค่ำคืนที่ปราศจากดวงดาว ราตรีที่ มีเพียงดาวดวงเดียวเช่นนั้น กลับทำให้ผู้คนยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้น มา
ราชวังประเทศหมันที่ประกายทอมรกต ราตรีนี้ก็เป็นหนึ่งคืนที่ ครึกครื้นผิดปกติ
ยามบ่ายวันนี้ ภายใต้การร่วมกันเป็นสักขีพยานกว่าร้อย
ข้าราชการพลเรือนและทัพทหารทั้งราชสำนัก เชิงในฐานะสาย โลหิตของฮ่องเต้ประเทศหมัน ภายใต้การคุ้มกันของขุนพลใหญ่ โจวเฉิงจึงขึ้นครองบัลลังก์สูงสุดแห่งประเทศหมัน ตลอดราชพิธี ปราบดาภิเษกนั้นราบรื่นมาก ต่อให้มีหน่อความขัดแย้งใดๆ ต่างก็ถูกวิทยายุทธ์ของโจวเฉิงสะกัดกั้นเอาไว้
และเรื่องแรกที่อี้เชิงจะต้องทำหลังจากขึ้นครองตำแหน่งฮ่องเต้ ก็คือแต่งตั้งโจวเจ๋งขึ้นเป็นท่านอ๋องต่างสกุลของประเทศ หมัน ยิ่งกว่านั้น ในส่วนของด้านทหารและพลเรือนให้ยก โจวเจ๋ง เป็นบิดาอุปถัมภ์ ทำให้โจวเจ๋งกลายเป็นบิดาจักรพรรดิที่ดำรง ชีพอยู่เป็นคนแรกบนหน้าประวัติศาสตร์ เวลานี้เป็นนาทีเฉิดฉาย ไร้ขีดจํากัดของ โจวเจ๋ง
ราตรีนี้ ในฐานะคืนแรกหลังจากที่เชิงฉลองราชสมบัติ โจว์
เฉิงรวมกำลังพลในราชวังจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นมาโดยเฉพาะ
มองฉาบฉวยแล้วเป็นการแซ่ซ้องสดุดีแด่เชิง ในฐานะฮ่องเต้
ประเทศหมั้นองค์ใหม่ อันที่จริง ผู้ใดจะล่วงรู้ มันเป็นเพียงแค่โจว่
เพิ่งนึกอยากตอกย้ำให้คนทั้งหมดถึงการมีตัวตนของเขาก็
เท่านั้น
งานเลี้ยงถูกจัดอยู่ภายในราชฐานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตำหนัก ส่วนในราชวังประเทศหมัน เหล่าราชการพลเรือนและทหารล้วน ถูกเชิญมาร่วมพิธี ในกลางพิธีมีการแสดงเริงระบำที่ถูกจัดซ้อม มาอย่างดี เบื้องหน้าของทุกๆ คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงล้วนเต็มไป ด้วยสุราอาหารเลิศรสทุกชนิด
เชิงประทับอยู่ตรงตำแหน่งหลัก ซ้ายมือของเก้าอี้บุทอง ขนาดใหญ่ที่มีความสูงทัดเทียมแทบสูงเลยกับบัลลังก์มังกรของ เขา โจวเฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น ไม่รอให้เพิ่งเปิดปากก็เป็น ฝ่ายยกจอกสุราขึ้น ก่อนออกปาก “วันนี้ ในที่สุดประเทศหมัน ของข้าก็ได้ต้อนรับฮ่องเต้แห่งศักราชใหม่ มา ทุกท่านเชิญดอก เฉลิมฉลองตามข้า
งานเลี้ยงแบบนี้ อี้เชิง ในฐานะฮ่องเต้ของแคว้นยังไม่ทันเอ่ยปาก โจวเฉิงในฐานะท่านอ๋องต่างสกุลกลับยึดอำนาจไปครอบ ครองเอง ใครก็รู้ว่ามีพฤติกรรมมารยาทอันไม่พึงประสงค์อย่าง รุนแรง แต่ว่า สีหน้าของราชการพลเรือนทหารต่างขวัญหนีดีฝ่อ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากแม้เพียงครึ่งประโยค
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ