ตอนที่340น้องสาวตัวน้อยและพี่ชายที่ชอบ
เดินทะลุระเบียงยาวที่สร้างจากไม้ไผ่คนเดินตามมาถึงห้อง รับแขกในเรือนไม้ไผ่แล้วเพราะว่าโครงสร้างของต้นไผ่ห้อง รับแขกไม่ใหญ่เท่าเรือนทั่วๆไปสองฟากมีเก้าอี้สานไม้ไผ่ เกือบสิบตัวตรงกลางมีกระถางธูปสำริดในไม้จันทน์ใน กระถางธูปสีสดงดงามควันขาวลอยโชยขึ้นมาทำให้คนรู้สึก ราวกับภาพเช่นไหว้ศาลเจ้า
บนที่นั่งเจ้าบ้านมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งกล้ามเนื้อของ เขามองก็รู้ว่าเป็นคนฝึกวิทยายุทธมานานเขาไว้เครายาวราว ครึ่งไม้บรรทัดเคราดกดำทำให้ตัวเขาดูภูมิฐานยิ่งขึ้นที่นั่งอยู่ ทางด้านซ้ายของเขายังมีฟูเยินรูปร่างหน้าตาดูเป็นคนมีภูมิ ความรู้ทั้งสองคนเห็นคนมาจากทางประตูผู้เริ่มพูดก่อนไม่ใช่ ผู้ชายแต่เป็นฟูเยินคนนั้น
“ซ่านเอ๋อมาแล้วไม่เจอหลายปีรูปร่างหน้าตายิ่งหล่อ เหลา”ฟูเยินทักทายหลี่อวี่นซ่านหน้าตาดูรักเอ็นดู
หลื่อวุ้นซ่านเดินไปข้างหน้าคารวะชายวัยกลางคนและฟู เยิน “คารวะท่านอาทำนอาสะใภ้ขอรับ”
“อิ้มอาเจ้าเอาแต่พูดถึงเจ้ามานานแล้วมาครั้งนี้อยู่หลาย วันหน่อยเถิดฉวนเอ๋อน้องสาวเจ้าด้วยพอได้ยินว่าเจ้ามาตอน นี้ยังแต่งตัวอยู่ในห้องล่ะบอกว่ามาเจอเจ้าต้องอยู่ในสภาพที่งามที่สุด”ฟูเยินคนนั้นพูดหยอกล้อทำให้ใบหน้าหล่อขึ้นซ่าน มีความรู้สึกอึดอัดมากขึ้น
โดยเฉพาะตอนที่ฟูเยินคนนั้นพูดสายตาสังเกตไปที่คน ด้านหลังหลี่อวขึ้นซ่านเหมือนกับกำลังมองหาอะไรสักอย่าง ทำให้หลินซีนเยียนรู้สึกเหมือนแววตาหลี่จื่อจ้าวตอนที่พึ่งเข้า ไปถึงานบ้านตระกูลหลี่เมื่อหลายวันก่อน
พวกเขาทนไม่ไหวต้องสังเกตคนที่หลี่อวื่นซ่านพามาด้วย แต่..พวกเขากำลังมองใครกันแน่ล่ะ?
หลินซีนเยียนสงสัยในใจยิ่งประหม่ามากขึ้น
หลี่อวิ้นซ่านและชายวันกลางคนคนนั้นทักทายกันไม่กี่คำ ถึงจะเริ่มแนะนำคนที่เดินทางมาด้วยเมื่อถึงคราวแนะนำหลิน ซีนเยียนเขาพูดอย่างเป็นทางการ”นี่ก็คือหลินฟงที่ข้าเคยพูด ถึงขอรับฝีมือล้ำเลิศนักของที่อาสะใภ้ต้องการครั้งนี้คงต้อง พึ่งนางมาทำให้เสร็จหลินฟงเจ้ามาคารวะท่านอาหลี่ห่ายและ ท่านอาสะใภ้หลัวฉันสิ”
หลินซีนเยียนเดินมาด้านหน้ายกมือคารวะต่อคนทั้งสอง สองคนนั้นไม่มีแววจะมองตากันใบหน้ายิ้มจางๆแต่เป็นรอย ยิ้มที่ได้มาจากใจจริงทำให้หลินซีนเยียนไม่ค่อยชอบนัก
ทุกคนแบ่งที่นั่งกันคนละฟากในเวลาแวปเดียวมีคนยกชา ร้อนเข้ามาหลังจากสนทนที่แท้ครั้งนี้คือตอนที่หลัวฉินออกไป วันก่อนถูกคนจะลอบสังหารหลี่ห่ายจึงอยากให้คนทำอาวุธติดตัวให้กับนางหลัวฉินยังมีพื้นฐานวิทยายุทธอยู่บ้างแม้จะ ไม่เก่งมากแต่สามารถใช้อาวุธได้ครึ่งหนึ่งอย่างไม่มีปัญหา
เนื่องจากหลี่อวิ้นซ่านเป็นผู้ออกหน้าประสานงานให้นาย ช่างสองสามคนปรึกษากันในห้องรับแขกเพราะความถนัด ในการทำอาวุธของแต่ละคนไม่เหมือนกันดังนั้นสุดท้ายคน พวกนั้นคิดว่าควรทำของใครของมันหลังจากนั้นค่อยส่งให้ หลัวฉินคัดเลือกชิ้นที่ชอบ
วิธีนี้หลัวฉินพอใจมากแต่เดิมคิดจะเอาชิ้นเดียวนี่ทุกคน ทำคนละหนึ่งชิ้นนางเลือกชิ้นที่ดีที่สุดและส่วนที่เหลือยัง สามารถให้ลูกชายลูกสาวตัวเองใช้ได้จะไม่ยินดีได้อย่างไร?
นายช่างสองสามคนก็เข้าไปถามความชอบและนิสัยความ เคยชินในช่วงปกติของหลัวฉินอย่างไรเสียอาวุธติดมือก็จำ ต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนใช้ถึงจะสามารถ ทำให้นางใช้ได้คุ้นชิน
แผนงานออกมาแล้วขั้นต่อมาก็ต้องการสถานที่และ อุปกรณ์ทำอาวุธแล้วในพื้นที่ชุมชิ้นแห่งนี้ไม่มีโรงงานอาวุธ ใหญ่ขนาดนั้นมีแค่ห้องช่างบนลานเล็กๆ หลังจวนในช่วง ปกติยังใช้เป็นที่ติดเกือกม้าหลังจากนายช่างสองสามคนดูก็ สายหน้าแสดงให้เห็นว่าไปหาโรงงานกลางเมืองน่าจะเหมาะ สมกว่า
หลินขึ้นเขียนก็พยักหน้าอย่างไรเสียอยู่ที่นี่นางก็คงรู้สึกไม่ดีจึงก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ไปนานกว่านี้
กลุ่มคนเดินทางกำลังเตรียมตัวลุกขึ้นจะบอกลาทันใดนั้น มีเสียงกระดิ่งเงินเสียงใสกังวานดังจากด้านหลังประตูห้อง รับแขกเสียงนั่นดังกุ้งกิ้งๆเสียงที่ดังออกมาราวเครื่องประดับ ลวดลายงดงามห้อยแกว่งไปมาเสียงนี้ทำให้คนนึกถึงสาว น้อยคนงามทันทีทันใดเครื่องประดับบนหัวห้อยแกว่งไปมา เดินบนทางวางท่าสะโอดสะองร่างอ้อนแอ้นอรชร
“ท่านพี่ชายช่าน”เพียงแค่ชั่วเวลาพริบตาเดียวประตูด้าน หลังของห้องรับแขกก็ปรากฏเด็กสาวที่แต่งตัวงดงามมาก อายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปีกำลังเป็นวัยสาวแรกแย้มพอดีนาง แต่งชุดสีชมพูหน้าตาผ่านการแต่งแต้มอย่างละเอียดรูปร่าง หน้าตางามมากเมื่อได้เสริมสวยก็ยิ่งงามจนคนไม่ละสายตา
หลี่อวิ้นซ่านมองสาวน้อยผู้นั้นในสายตาไม่ได้แปลกใจแต่ อย่างใดกลับขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว”น้องหญิงฉวนเอ๋อมาแล้ว สินะ”
หลี่ฉวนเอ๋อไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่สังเกตนางนางวิ่ง เหยาะๆไปที่ด้านข้างหลี่อวิ้นซ่านจูงแขนเสื้อเขาพูด ประจบ “ท่านพี่ชายซ่านเจ้าดูสิวันนี้ข้างามหรือไม่ ?ข้าเสริม สวยเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ”
ในสมัยโบราณสตรีให้ความสำคัญกับการสำรวมแต่หลี่ฉ วนเอ๋อออกมาก็พูดตรงไปตรงมาออกมาขนาดนี้ทำให้คนในห้องตกใจตามๆกัน โดยเฉพาะหลัวฉินและหลี่ห่ายที่นั่งอยู่บน ตำแหน่งเจ้าบ้านสีหน้าทั้งสองคนทำอะไรไม่ถูกชั่วประเดี๋ยว หนึ่งแต่กลับไม่มีท่าทีจะห้ามปรามมีเพียงหลัวฉินพูดสั่ง สอน” ฉวนเอ๋อเจ้าเป็นแม่หญิงควรจะรู้จักอาย” ขณะที่พูดก็ยิ้ม
หลี่ฉวนเอ๋อมีสติกลับมาก็ลบลิ้นใส่หลัวฉินนางดื้อพูดว่า”มี อะไรให้ต้องอายคะต่อไปข้าต้องแต่งกับท่านพี่ชายช่าน อย่างไรต่อไปข้าก็ต้องเป็นคนของท่านพี่ชายซ่านแค่เวลาจะ ซ้าหรือเร็วเท่านั้นเองตอนนี้ข้ากับท่านพี่ชายช่านใกล้ชิดกัน มากขึ้นในอนาคตความรักจะได้ดีไงล่ะคะ”
นางหันกลับไปอีกถามหลี่อวี่ซ่าน”ท่านพี่ชายซ่านเจ้าว่า จริงหรือไม่?”
หลี่อวขึ้นซ่านถูดนางถามจนหนังหัวชามองไปทางหลินซีน เยียนอย่างไม่รู้ตัวในสายตานั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ ลนลาน”ฉวนเอ๋ออย่าพูดเหลวไหลแค่เล่นกันตอนเด็กๆจะเอา มาคิดจริงจังได้อย่างไร?เรื่องแต่งงานพ่อแม่เป็นผู้กำหนดแม่ สื่อเป็นผู้ดำเนินการพวกเราจะแต่งกันเองได้อย่างไรทีหลัง อย่าพูดเช่นนี้อีกมันจะกระทบให้ภาพลักษณ์ของเจ้าไม่ดี”
หลี่ฉวนเอ๋อได้ยินจมูกก็แดงทันที”ท่านพี่ชายช่านเหตุใด เจ้าถึงไม่ชอบฉวนเอ๋อ?เจ้าเคยบอกเองรอฉวนเอ๋อถึงวัยออก เรือนแล้วจะมาขอข้าแต่งงาน!ยังไงข้าก็ไม่สนรอให้เจ้า แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเจ้าต้องมาแต่งกับข้านี่เจ้าจำเป็น ต้องแต่งกับผู้หญิงคนนั้นข้ารั้งไม่ได้แต่ท่านพี่ชายช่านเจ้าคงไม่ทิ้งฉวนเอ๋อเพราะผู้หญิงคนนั้นหรอกนะเจ้าคงไม่ได้ชอบผู้ หญิงข้างนอกพวกนั้นจริงๆทำไง?”
ผู้หญิงด้านนอก? หลินซีนเยียนยิ่งฟังยิ่งสงสัยทนไม่ไหว หยิบจอกชาร้อนๆด้านข้างมาดื่มหรือว่าหลื่อวื่นซ่านจะเหมือ นโม่จื่อเฟิงซะแล้วเคยมีพวกเรื่องรักวุ่นๆ กันมาก่อน?
คิดถึงโม่จื่อเฟิงโดยไม่รู้ตัวอีกแล้วหลินชีนเยียนรู้สึกปาก แห้งผากทันทีโดยเฉพาะภาพอนาจารภาพนั้นของเขาจนถึง ตอนนี้ยังทำให้นางหน้าแดง ใจเต้นตึกตัก
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ