บทที่ 64 ผ่านด่านของคุณปู่ไปได้
มุกดาพลันรู้สึกว่าห้องที่ตนเองจะไปเหมือนจะชื่อว่า ละไม เธอเลยแอบเรียกพนักงานที่อยู่ข้างๆ เพื่อถามไถ่ สักหน่อย
“ขอโทษค่ะ ร้านที่นี่ของพวกคุณมีห้องที่มีชื่อว่าละไม่กี่ ห้องเหรอคะ?”
“ทางร้านเราที่นี่มีละไมอยู่ห้องเดียวค่ะ ชื่อที่เป็นดอกไม้ ทั้งหมดมีเพียงแค่ห้องเดียว” พนักงานคนนั้นยังคิดว่า มุกดาหาไม่เจอ เลยบอกเธออย่างกระตือรือร้น ว่าห้อง ละไมอยู่ตรงไหน
“จบกัน ชายชราคนเมื่อกี้นี้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของทาง ฝ่ายสามีงั้นเหรอ?” มุกดารู้ว่าตนเองหาเรื่องใส่ตัวเข้าให้ แล้ว เมื่อครู่ตัวเองยังเสนอตัวต้องการที่จะโทรศัพท์ไปหา คนในครอบครัวของเขาอีก เขาต้องรู้สึกว่าตัวเองดื้อด้าน มากเกินไปแล้วแหละ
มุกดาครุ่นคิดอยู่สักพัก ไม่มีวิธีอื่นแล้ว แถมยังไม่ สามารถทำให้ชายชรารอคอยอยู่ตลอด เธอทำได้แต่หน้า ด้านเดินยังห้องละไม
ตอนที่กลับมาผลักประตูเข้าไปในห้องละไมอีกครั้งนั้น ชายชราที่อยู่ด้านในกำลังนั่งยิ้มให้ตอนที่มองมาที่ตนเอง
“มุกดา! ฉันยังคิดว่าฉันไม่ได้พูดกับหนูให้ชัดเจนซะ แล้ว!” ชายชราพูดกับมุกดา
“ค่ะ เอ่อคือคุณปู่คะ เมื่อครู่หนูทำตัวหยาบคายไปแล้ว ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ คุณปู่อย่าถือโทษโกรธความหนู เลย” มุกดาเดินก้มหน้าเข้าไป พลางนั่งลงฝั่งตรงข้ามของ ชายชรา
“จะไปกล่าวโทษหนูได้อย่างไร? เดิมพวกเราเข้ามาด้าน ในก็เพื่อมากินข้าวกัน ทว่าหนูกลับเดินหนีไปดื้อๆ ทำให้ ฉันต้องหิ้วท้องรอสักพักเนี่ย!” ปู่ปรัณก็ตบมือ จากนั้นก็มี อาหารร้อนๆ เข้ามาเสิร์ฟวางลงบนโต๊ะ
“คุณปู่คะ สุขภาพร่างกายของคุณปู่ไม่ดีเลย แถมยังมา หาหนูอีก ความจริงแล้วหนูก็ไม่มีอะไรที่ต้องดูด้วยสิ ก็แค่ เด็กที่ครอบครัวแตกแยก พ่อของหนูเป็นโรคหัวใจ แม่ของ หนูก็ไปจากพ่อตั้งนานแล้ว
มุกดาเล่าเรื่องสภาพโดยประมาณของตนเองให้ปู่ปรัณ
ฟัง
ปู่ปรัณพยักหน้ารับฟัง เรื่องพื้นเพของมุกดา ปู่ปรัณ ได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว แต่ว่าสาวน้อยคนนี้ช่าง เป็นคนนอกเหนือกว่าคนอื่นจริงๆ เลย คนอื่นไม่กล้าจะ ประคองตนเองขึ้นมา แต่ว่าเธอกล้า คนอื่นไม่กล้าพูดออก มา แต่เธอกล้าพูด นี่ยังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้กล้าบ้าบิ่นมากขนาดนี้ไปได้
“ไม่เป็นไร ครอบครัวของพวกเราไม่ต้องการหาคุณหนู มหาเศรษฐีอะไร ขอแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว เรื่องเงินทอง ทรัพย์สินครอบครัวของพวกเรามีอยู่แล้ว!” ปู่ปรัณพูด อย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว
“เอานี่ อาหารเสิร์ฟแล้ว หนูมุก หนูกินเยอะๆ หน่อยนะ ดู ซิผอมอย่างกับไม้เสียบผี” ปู่ปรัณคีบอาหารให้กับมุกดา ตั้งเยอะแยะ ในชามของเธอกลายเป็นภูเขาลูกเล็กๆ ไป แล้วเนีย
“คุณปู่คะ คุณปู่ช่างดีจริงๆ เลย คุณปู่ทำให้หนูนึกถึงคุณ พ่อของหนู ตอนที่กินข้าวกับพ่อที่บ้าน พ่อของหนูก็ชอบ คืบกับข้าวมาให้หนูเยอะแยะเลย” มุกดายิ้มให้กับปู่ปรัณ
คนในครอบครัวนี้ก็ช่างแปลกประหลาดจริงๆ เลย มา เจอตนเอง ทว่ากลับไปบอกว่าตนเอง ออะไร และก็ไม่ได้ มีความหมายรังเกียจริงงอนตนเองเลยสักนิด แต่ว่านี่มันมี ความหมายว่ายังไงบ้างล่ะ?
“เอ่อ หลานชายของฉันอะ นิสัยไม่ดี เอาใจเด็กสาวให้ ดีใจไม่เป็น หนูก็ผ่อนปรนบ้างนะ แต่ว่าจากการที่ฉันแอบ มาหาหนูอยู่เนี่ย เขาไม่อนุญาตให้พวกเรามาเจอหนูเลย หนูก็อย่าไปบอกกับเขานะ!” จู่ๆ ปู่ปรัณก็นึกได้ว่าตนเองไม่ได้บอกให้ชลธีรู้
“ค่ะ ได้ค่ะ งั้นก็ถือว่าเป็นความลับระหว่างเราสองคนก้น นะคะ” มุกดายิ้มแป้นให้ตอนพูดออกมา คุณปู่คนนี้ช่างน่า สนใจจริงๆ ด้วย นิสัยคล้ายกับเด็กๆ เลย
“อื้อ ใช่สิ นี่ถือว่าเป็นความลับระหว่างเรา หนูมุก ต่อ ไปหนูมีเรื่องอะไร ก็สามารถให้นัทธ์มาหาฉันได้ ปู่นะ สามารถช่วยหนูได้” ปู่ปรัณมองว่ามุกดากำลังกินอย่าง เอร็ดอร่อย ทำเหมือนกว่าตนเองก็กำลังกินด้วย
“คุณปู่คะ หนูจะทำค่ะ ความจริงแล้วหนูก็ไม่ได้รังเกียจ นะที่สามีของหนูหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ว่าเขาไม่ยอมให้ หนูเห็นหน้าตั้งแต่แรกเลยค่ะ คุณปู่คะ คุณช่วยพูดกับเขา แทนหนูได้ไหมคะ ไม่ว่าเขาจะหน้าตาอัปลักษณ์ขนาด ไหน หนูก็ไม่รังเกียจเขา เขาช่วยรักษาอาการป่วยของพ่อ หนูเอาไว้ หนูก็แค่อย่างต้องการจะขอบคุณเขา” มุกดาพูด กับปู่ปรัณอย่างจริงใจ
ปู่ปรัณกำลังดื่มน้ำอยู่ ตอนที่เขาได้ยินมุกดาพูดออก มาว่าไม่รังเกียจชลธี ถึงกลับเก็บอาการไม่อยู่ จนน้ำพุ่ง พรวดออกมาจากปาก
“แค่กๆๆ แค่กๆๆ” ปู่ปรัณสำลักน้ำ
มุกดารีบวางตะเกียบตนเองทันที พลางช่วยตบหลังปู่ปรัณ
ปู่ปรัณกำลังสบถค่าชลธีอยู่ในใจ : “ไอ้ตัวแสบ วันทั้งวัน ยังทำตัวลึกลับ จนเมียแกคิดว่าแกหน้าตาอัปลักษณ์จน เจอหน้าคนไม่ได้ เมื่อฉุกคิดขึ้นก็ดีใจ ฮ่าๆๆ
ปุ๊ปรัชอบมุกดามาก เขาเห็นกําไลข้อมือที่อยู่ข้อมือ ของมุกดา ก็รู้ว่านีรชาเร็วกว่าตนเองไปก้าวหนึ่งแล้ว แต่ว่า ไม่เป็นไร เขาก็มีไม้เด็ดอยู่เช่นเดียวกัน
“หนูมุก พวกเราเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก ปู่ก็ไม่ได้เตรียม ของขวัญอะไรมาให้เลย เอานี่ ต่างหูคู่นี้คุณย่าทิ้งเอาไว้ ให้ แม้ว่ามันเป็นสไตล์โบราณไปหน่อย แต่ว่าก็ยังดูดีอยู่ นะ” ปู่ปรัณได้เตรียมกล่องผ้าเครื่องประดับไว้ตั้งแต่แรก และยื่นให้กับมุกดา
ครอบครัวคนมีเงินนี่ก็ไม่เหมือนกันเลย แค่เจอหน้ากัน ครั้งเดียวก็ส่งของขวัญให้ คุณปู่เป็นคุณปู่ของสามีของ เธอ การที่ส่งของขวัญให้กับตนเองนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่อง ปกติ แต่ว่าแม่ของโธรณีไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เอาแต่ส่ง ของให้เธอท่าเดียว เธอไม่เข้าใจมาตลอด
“คุณปู่คะ หนูรับไว้ไม่ได้ หนูรับไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ” มุกดา ไม่อยากจะรับสิ่งของอะไรแล้ว ต่อไปพอหย่าร้างกันแล้ว ก็ไม่สามารถเอาไปได้ เธอขี้เกียจเก็บเอาไว้
“หนูเอาไปเถอะ ถ้าไม่รับไว้ ฉันจะโกรธแล้วนะ ฉันโกรธ แล้วก็จะมีอาการหนักมาก ฉันจะเป็นลม มีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก ตาขาวเลื่อนลอย…” ปู่ปรัณพูดจนมุกดา ใจหายใจคว่ำ
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ หนูรับค่ะ หนูรับ” มุกดากลัวว่าจะทำให้ ชายชราเกิดเรื่องนั้นขึ้นมาจริงๆ
ของขวัญชิ้นนี้เธอสามารถคืนไว้ที่สามีได้ รับเอาไว้ก่อน เถอะ เพราะกลัวว่าจะคุณปู่จะโกรธเอา
“แบบนี้สิถือว่าเชื่อฟัง!” สีหน้าของปู่ปรัณปรากฏรอยยิ้ม ออกมา
เมื่อเปิดดูแล้ว มุกดาก็รู้ทันทีว่าสิ่งของไม่ได้ถูกๆ เลย แม้ว่าจะเป็นต่างหูหยกก้อนเล็กๆ ก็ตาม แต่ว่าหยกมรกต ใสเกลี้ยงเกลาคู่นั้น สไตล์แบบช่างเป็นคลาสสิก
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วปู่ปรัณก็เดินจูงมือมุกดา เดินออกมาหน้าประตู พร้อมทั้งพูดกำชับกับนัทธ์อีกครั้ง ว่าต้องเพิ่มโภชนาการอาหารให้กับมุกดาเยอะๆ หน่อย เขารอวันที่จะอุ้มหลานแล้ว
นัทธ์พยักหน้าแรงๆ จากนั้นปู่ปรัณก็เดินไป มุกดาเดิน ทางกลับบ้านพร้อมกับนัทธ์
“คุณนาย คุณผ่านด่านคุณปู่แล้วนะ จากนี้ไปคนใน ครอบครัวของคุณชายต่างก็ชอบคุณกันทุกคนเลย ฐานะ ของคุณมั่นคงแล้วนะ” นัทธ์ดีใจออกนอกหน้าแทนมุกดา
ทว่ามุกดากลับไม่ได้รู้สึกดีใจแม้แต่น้อยเลย ในใจของ เธอนั้นย่อมรู้แจ้งอยู่แล้ว คนในครอบครัวชื่นชอบมันก็ ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะว่าสามีของตนเองต้องการที่จะ หย่าร้างกับตนเองอีกสองปีข้างหน้า ถ้านับเวลากันแล้ว ก็ เหลือเวลาแค่ 1 ปีกับอีก 10 เดือนเท่านั้นเอง
“ลุงนัทธ์ ลุงลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ ฉันกับคุณชายของ พวกคุณมีสัญญาแต่งงานกันแค่ 2 ปี ถึงเวลานั้นพวกเราก็ จะหย่าร้างกันแล้ว สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ของฉัน” มุกดาเอา กล่องที่ใส่ต่างหูยัดเข้าไปในกระเป๋าถือของตนเอง
นัทธ์เองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ความคิดที่อยู่ในใจของ คุณชายนั้นเขาก็ไม่เข้าใจเลย คนอื่นๆ เองก็ไม่เข้าใจเช่น เดียวกัน
คุณชายชอบธินิดามาตั้งแต่เด็กๆ ผู้หญิงคนนั้นเสแสร้ง จอมปลอมมาตั้งแต่แรก แถมยังทำตัวจองหองพองขน มาก ไม่เคยมีมารยาทกับลูกน้องสักนิดเลย มีแค่ต่อหน้า ชลธีเท่านั้นแหละ ที่ยังตีหน้าซื่อเป็นลูกแมวเชื่องๆ
ชลธีไม่ฟังว่าคนอื่นจะพูดสาดเสียเทเสียให้กับธินิดา อย่างไร ในใจของเขานั้นมั่นใจว่าธินิดาเป็นคนที่ดีที่สุด จริงๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว นัทธ์ก็ได้แต่หายใจยาวๆ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ