บทที่ 75 คนสองคนที่เหมาะสมกัน
บทที่ 75 คนสองคนที่เหมาะสมกัน
อันหลิงหยุนไม่ได้ถือสาเท่าไหร่นึก นางไม่ได้สันสงก็
ถือว่าโชคดีมากแล้ว
เมื่อพูดถึงเสินหยุนเอ๋อในตอนนี้ ขอแค่ไม่เอามีตออกมา นางก็พอใจมากแล้ว เพราะจริงๆแล้วเป็นเพราะบางที่พัก
ให้เสินหยุนเอ่อไม่ได้เป็นพระชายารองของอ่องเสียน “ท่านอ๋อง เงินหยุนเอ๋อร้องให้น้ำตาเป็นสายในใจรู้สึก
กระวนกระวาย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่คงจะถูกเห็นแล้วแน่ะ) ช่างประมาทเกินไปจริงๆ แล้วต่อไปจะกล้าสู้หน้ากับอัน เสียนได้อย่างไร
“หยุนเอ้อวันนี้ข้างานยุ่ง หากมีเรื่องอะไรค่อยพูดกันวัน หลังอยู่ ส่งหยุนเอ้อกลับไป
พูดจบ กงชิงวีก็เดินออกจากประตูไป ทันใดนั้นเสินหยุ นเอ๋อก็รู้สึกตกตะลึงและหยุดร้อง อันหลิงหยุนเองก็พัน หลังเดินตามออกไปด้วย
ท่านอ๋องพูดแล้วว่าค่อยพูดกันวันหลัง นางเองซึ่งเป็น พระชายาก็ไม่ควรจะพูดอะไรอีก
ตอนที่เสียหยุนเอ๋อกำลังเดินจากไปก็มีท่าทีเฉื่อยชา เมื่อเดินไปถึงประตูก็ไม่ทันได้ระวังจึงสะดุดล้ม อาหยู่ไม่ ได้เดินเข้าไปพยุง และไม่ได้เข้าไปถามไถ่
เหตุการณ์ที่เสินหยุนเอ๋อดักขาพระชายานั้น เขาเห็น ด้วยตาตัวเองทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องมาช่วย
ไว้ได้ทัน พระชายาคงจะต้องล้มลงเป็นแน่
อาหยู่รู้สึกไม่พอใจ
เสินหยุนเอ๋อค่อยๆลุกขึ้นจากพื้น ไม่สนใจอีกแล้วว่าจะ รู้สึกอึดอัดมากแค่ไหน แล้วจึงรีบไปขึ้นรถม้า
คนขับรถม้าบังคับรถม้าให้เดินจากไป แล้วอาหยู่จึงขี่ม้า คอยคุ้มกันอย่างด้านหลัง
อันหลิงหยุนเดินไปยืนอยู่ที่ประตู แล้วมองดูรถมาที่จาก ไปไกล แล้วจึงสายหัวอย่างจนใจ ความโศกเศร้าที่สุด ของผู้หญิงก็คือการพยายามเปลี่ยนใจของคนที่ไม่ได้ชอบ
ข้ากับเงินหยุนเอ่อจริงๆแล้วก็ไม่ได้ต่างกันนัก เพียงแต่ ข้าดุเดือดกว่า ส่วนเสินหยุนเอ๋อนั้นเยอหยิ่งกว่า
แต่คำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า สุนัขจนตรอกจะทำอะไร
ก็ได้
ข้าได้เข้ามาเป็นพระชายาเสียนแบบไม่มีปีมีขลุ่ย ส่วน เสินหยุนเอ๋อซึ่งรออยู่กลับไม่ได้อะไรเลย
แม้แต่กระต่าย เวลากระวนกระวายยังกัดคนได้ แล้วนับ
ประสาอะไรกับคนล่ะ!
เสินหยุนเอ๋อเองก็กระวนกระวายใจเช่นกัน!
อันหลิงหยุนหันหลังเตรียมที่จะเดินกลับ ในลาน กงชิง วี่กำลังยืนมองนางอยู่ อันหลิงหยุนลังเลเล็กน้อย แล้วจึง เดินเข้าไปหาเขา
“ท่นอ๋อง”
คงชิงว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดค่อยๆ ทำเพียงหันหลัง กลับไปแล้วพูดว่า “ขาหัวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ”
อันหลังหยุนรีบเดินตามไป เติมที่อยากถามว่าเมื่อครู่ได้ เห็นเหตุการณ์ที่เส้นหอุนเล้อขัดขาหรือไม่ คำพูดกำลัง จะออกมาจากแต่อันหลังหยุนกลับกลืนมันลงไป หาก ตามออกมาจริงๆแล้วจะเป็นอย่างไร หากเขาไม่ได้ชอบ นาง ถามเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งเสินหยุนเอ๋อเอง ก็เป็นคนของบ้านฮองเฮา ถึงแม้จะดักขานางเขาก็ไม่ สามารถเอาผิดได้
ไม่ว่าจะยังไง นางก็ต้องตกเป็นแพะรับปาก แล้วยังจะ ต้องถามอะไรอีกล่ะ!
ถือซะว่านางโชคไม่ดี ต่อไปก็จะต้องระวังให้มากกว่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกคนอื่นมาคิดบัญชีโดยไม่รู้ตัว
มาถึงห้องอาหาร ทั้งสองก็กินข้าวด้วยกัน
ระหว่างมื้อกลางวัน ทั้งสองต่างอยู่ในอาการสงบ มี กับข้าวสื่อย่าง น้ำแกงอีกหนึ่งอย่าง และมีคนคอยอยู่ปรนนิบัติรับใช้
มีพ่อบ้านคอยยืนดูแลอยู่ข้างๆ อันหลิงหยุนถือถ้วยข้าว อยู่ในมือ กินข้าวหนึ่งคำกับหนึ่งคำ กินแบบไม่มีความสุข
นัก
สิ่งที่ดีที่สุดในการกินข้าวร่วมกับกงชิงวี่ก็คือไม่มีคนแย่ง กงชิงที่กินน้อย ต่อให้อาหารจะรสเลิศแค่ไหน เขาก็กิน ไม่เคยเกินสามคำ
ไม่เหมือนกับอันหลิงหยุน จะกินมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ
ว่าถูกปากนางหรือไม่
เมื่อกินเสร็จอันหลิงหยุนก็เช็ดปาก: “ท่านอ๋องค่อยๆ เสวย หม่อมฉันเสวยเสร็จแล้วเพคะ”
กงชิงวี่ถือตะเกียบอยู่ ยังกินไปได้เพียงไม่กี่คำ ไม่ใช่ว่า ไม่เคยเห็นอันหลิงหยุนกินอาหาร แต่ครั้งนี้คงจะเป็นการ กินที่แท้จริง คือเหมือนกับผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาทั่วไป เวลากินอาหารก็ไม่ได้ประดิดประดอยนัก
แต่เมื่อก่อน ที่กงชิงวี่เคยเห็นอันหลิงหยุนกินอาหาร ก็ มักจะทำท่าทีบิดไปบิดมา ดูแล้วไม่สบายตาเป็นอย่าง
มาก
“เก็บเถอะ ข้าเองก็อิ่มแล้ว”
กงชิงวี่ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โถงด้านหน้า อันหลิงหยุนก็ เดินตามเขาไป
ระหว่างทางทั้งสองเดินผ่านระเบียงยาว เดินอย่างไม่รีบ ร้อน แล้วเท้าของทั้งสองก็ก้าวเป็นจังหวะเดียวกัน
ถางเหอซึ่งเดินมาจากอีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นทั้งสองคนก็ ตะลึงอยู่ชั่วครู่ ถ้าไม่ใช่เพราะพระชายาสร้างเรื่องอื้อฉาว ไว้ด้านนอก ดูไปแล้วทั้งสองก็เหมาะสมกันจริงๆ
กงชิงวี่เห็นถางเหอหยุดเดิน: “มีเรื่องอะไร?”
“ท่านอ๋อง เรื่องที่ให้หม่อมฉันไปสืบเมื่อวาน หม่อมฉัน
ไปสืบมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ข่าวมาแล้วหรือ?”
กงขิงมีสีหน้าที่น่ากลัว เมื่อถางเหอเดินเข้ามาก็หันไป ทักทายอันหลิงหยุนก่อน: “ถวายบังคมพระชายา”
“สวัสดีท่านถาง”
“พะยะค่ะ”
ถางเหอรู้สึกอึดอัด พระชายาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว
สองครั้งก่อนช่วยอาหยู่กับอาซิวไว้มาตอนนี้ก็มี มารยาทเช่นนี้อีก เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ท่านถางมีเรื่องหารือกับท่านอ๋อง เช่นนั้นข้าขอตัว
ก่อน”
อันหลิงหยุนเองก็ไม่อยากจะรู้เรื่องเหล่านั้นของกงชิงนัก ตอนนี้นางเป็นห่วงเพียงแค่เรื่องการเตรียมของ ให้แก่ไทเฮาเท่านั้น ถ้าเตรียมได้ไม่เรียบร้อย ก็จะถูก ลงโทษ นางมีหัวสักกี่หัวที่จะกล้าไปขัดใจไทเฮาล่ะ?
เมื่ออันหลิงหยุนเดินจากมา ก็ตรงไปที่ห้องเก็บยาของ จวนอ้องเสียนเตรียมที่จะไปสำรวจดู
คงชิงวิ่งตามไปทางด้านนั้นอย่างเบื่อหน่าย รู้มาก จริงๆ
เมื่ออันหลิงหยุนเดินไปไกลแล้ว กงชิงวี่ก็หันกลับมา มองลางเหอะ ว่ามาส”
“เรียนท่านอ้อง หม่อมฉันไปสอบถามมาทั่วทุกที่แล้ว จึงได้รู้ว่า ที่เจียงหูมีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องของพระชายา หากจะพูดว่าไม่มีคนรู้ก็ได้ส่วนเรื่องที่เด็กชายฉ่ายฮัว นางฉ่ายฮัวและผู้เฒ่าฉ่าวฮัวรู้ได้อย่างไรนั้น หม่อมฉันคิด ว่า จะต้องมีคนนำเรื่องนี้ไปบอกพวกเขา แต่การที่จะส่ง ข่าวไปถึงพวกเขาที่นั่นได้ คงจะไม่ใช่คนธรรมดาอย่าง แน่นอน
หม่อมฉันคิดว่า การที่คนผู้นี้จะไม่ได้กระจายเรื่องนี้ออก ไปทั่วเจียงหู คงจะต้องมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่ ส่วนจะ เป็นเพราะเหตุผลอะไรนั้น ตอนนี้หม่อมฉันเองก็ยังคิดไม่
ออก
แต่ไม่ว่าจะยังไง คนผู้นี้ จะต้องเป็นคนที่มีความ เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับจวนอ๋องเสียนของพวกเราอย่าง
แน่นอน
ตั้งแต่พระชายาแต่งเข้ามาในจวนจนกระทั่งถึงตอนนี้ ข้าน้อยได้ยินมาว่า ยังไม่เคยใช้เลือดเพื่อช่วยเหลือคน ภายนอกมาก่อน นอกเสียจากคนในจวนแม่ทัพ แต่หม่อม ฉันก็ได้ส่งคนไปแอบสอบถามที่จวนแม่ทัพมาแล้ว ถึงแม้ คนในจวนแม่ทัพจะรู้เรื่องวิธีการช่วยเหลือคนวิธีนี้ของ พระชายา แต่ก็ยังไม่ได้เชื่อสักเท่าไหร่ หม่อมฉันคิดว่า เรื่องที่พระชายารู้เรื่องการแพทย์นั้น จวนแม่ทัพเองก็ยัง ไม่รู้
หากเป็นเช่นนั้น ตอนที่พระชายาอยู่ที่จวนแม่ทัพ ก็คง
ไม่เคยใช้เลือดมาก่อน
หากเป็นดังที่ว่ามา ก็คงจะมีเพียงแค่ที่จวนอ๋องเสียน
“เคยใช้กับข้าแค่คนเดียวอย่างนั้นหรือ?” กงชิงวี่กลับ หลังหันเดินอย่างใจสงบ เดินไปก็นึกแปลกใจไป หรือว่า นางเองก็ไม่รู้ว่าเลือดของตัวเองใช้การได้ จนกระทั่งเขา บาดเจ็บหนัก จึงได้รู้เข้าโดยบังเอิญ
“คนในจวนก็ให้ค้นหาต่อไป ให้เริ่มตั้งแต่พ่อบ้านเลย” กงชิงที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยถางเหอไว้กับพ่อ บ้าน พ่อบ้านมีสีหน้าตกตะลึง รีบที่จะไปหากงชิง แต่ เมื่อคิดไปคิดมา ไม่ไปจะดีกว่า
ท่านอ๋องพูดจาเด็ดขาด หาไปก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะ
ทำให้สงสัยเขามากยิ่งขึ้น
“ท่านถาง ท่านสืบดูเถอะ เริ่มจากข้า” พ่อบ้านยินดีที่จะ
ให้ความร่วมมือ
ถางเหอ รู้สึกแปลกใจ: “ท่านสังเกตเห็นไหมว่า ท่านอ๋อง
ดูจะรีบร้อนมาก?”
พ่อบ้านตอบรับหนึ่งคำ แล้วมองตามทางที่กงชิงวีเดิน ไป สักพักจึงพูดขึ้นว่า: “เรื่องที่เมื่อคืนท่านอ๋องให้พระ
ชายานอนค้างที่ห้องของเขา ท่านถางไม่รู้หรอกหรือ?”
“พักนี้ท่านอ๋องมักจะให้พระชายานอนค้างที่ห้อง ของเขาหรือ? ” ถางเหอเองก็รู้สึกแปลกใจ ทั้งสองคน สามารถค้างคืนร่วมกันได้ ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว!
“ท่านอ๋องตื่นขึ้นมาคอยคุ้มกันพระชายาอย่างขยันขัน แข็งตั้งแต่เช้า” พ่อบ้านพูดเป็นนัย
ถางเหอเองก็นึกเหตุผลไม่ออกเลยจริงๆ เมื่อก่อนท่าน อ๋องคิดแต่จะหาวิธีให้พระชายาตาย แต่วันนี้กลับคุ้มกัน อย่างแข็งขัน
ท้องฟ้ากลับตาลปัตรแล้วจริงๆ
อันหลิงหยุนไปถึงห้องเก็บยา หยุดยืนอยู่ที่ประตูสัก พัก จวนอ๋องเสียนมีระบบที่เข้มงวด ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ ห้องเก็บยา หากไม่มีป้ายของกงชิง วี ก็ไม่สามารถเข้าไป ได้
ที่ประตูมีทหารองครักษ์ยืนเฝ้าประตูอยู่สองนาย เมื่อ เห็นอันหลิงหยุน ถึงแม้จะไม่ได้ดูถูกนาง แต่ก็มีท่าทีที่เย็นชาต่อนาง
อันหลิงหยุนอยากจะเข้าไป แต่ทั้งสองคนไม่อนุญาต พร้อมทั้งขอดูป้ายผ่านประตูของอันหลิงหยุน
อันหลิงหยุนจะมีป้ายได้อย่างไรกัน ขณะที่กำลังยืนคิด อยู่ว่าจะไปขอป้ายจากกงชิงวีดีหรือไม่ ทั้งสองก็รีบกัมหัว อย่างรวดเร็ว: “ท่านอ๋อง”
อันหลิงหยุนหันกลับไปดู กงชิงวีก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว
“หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋อง” อันหลิงหยุนถอน
สายบัวอย่างเบื่อหน่าย เพิ่งจะแยกกันเมื่อกี้ พอเจอหน้าก็ จะต้องทำความเคารพอีก ผู้หญิงสมัยก่อนนี่ช่างน่าเศร้า
เสียจริง
ทำไมสิ่งเหล่านี้จึงไร้ค่านัก!
จริงๆแล้วสามีภรรยาล้วนเสมอภาคกัน ไม่แบ่งแยกสูง ต่ำรวยจน แต่เมื่อมาอยู่ในอดีต ผู้หญิงกลับต่ำต้อยกว่าหนึ่งขั้น ไม่เพียงแต่จะต้องทนให้ผู้ชายแต่งภรรยา น้อยเข้าบ้าน ยังต้องแสร้งทำเป็นยินดี แม้แต่จะนอนสัก ตื่นก็จะต้องขอร้องผู้ชาย
ผู้หญิงในสมัยโบราณ ช่างน่าเศร้าจริงๆ!
ถือว่านางซวยแปดชาติจริงๆ ที่ต้องข้ามเวลามาที่นี่ มาร
องรับชะตากรรมเช่นนี้!
“เป็นอะไรไป?” กรุงชิงที่ถาม อันหลิงหยุนค่อยๆอธิบาย “เพิ่งจะมาถึง ยังไม่ทันได้พูดอะไร ท่านอ๋องก็เสด็จมา เสียก่อน เช่นนั้นก็เข้าไปด้วยกันเสียเลยสิเพคะ”
องครักษ์ได้แต่ยืนตะลึง อันหลิงหยุนช่วยพูดแทนพวก
เขาแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ