หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน

บทที่38ท่านอ๋องที่มีอาการชี่ติดขัด



บทที่38ท่านอ๋องที่มีอาการชี่ติดขัด

บทที่ 38 ท่านอ๋องที่มีอาการหายใจติดขัด

ฟังนอนหลับไปพักหนึ่ง ก็ได้ยินพ่อบ้านวิ่งมาหานาง อย่างรีบ และเรียกนาง “ท่านพระชายา ท่านพระชายา … ท่านอ๋องเสียน…”

ทันใดนั้นอันหลิงหยุนลืมตาขึ้นมา และลุกขึ้นนั่งจาก เตียง เพราะนางรีบเกินไป เมื่อตะกี้นี้การซ่อมแซมระบบ ในร่างกายของนางกำลังทำงานอยู่ นางรู้สึกสบายมาก แต่เมื่อนางตะโกนออกไปข้างนอก ร่างกายนี้เหมือนถูก ควบคุม กลับขึ้นมาแล้ว

อันหลิงหยุนรู้สึกอึดอัดตรงหน้าอก คล้ายกับสิ่งบาง อย่างเริ่มกระโดดอีกแล้ว

“ท่านพระชายา”

ไม่รออันหลิงหยุนขานรับ พ่อบ้านก็ผลักประตูเข้าไป อัน หลิงหยุนไม่ทันที่จะสนใจอย่างอื่น ถ้ายังไม่ลุกขึ้น กลัว ว่าร่างกายจะเดินด้วยตัวเอง
* นำทางไป” อันหลิงหยุนหยิบกล่องยาจากด้านข้าง และตามพอบ้านไปที่ห้องกงชิงวี่อย่างลุกลื้ลุกลน เมื่อ เข้าไปก็เห็นกงชิงวี่นั่อยู่ตรงนั้นและเหงื่อแตกท่วมหัว และอาหยู่ยืนอยู่ข้างหลังกงชิง ที่อยู่ก็ตกใจหนักเช่น กัน

ส่วนเสินหยุนเอ๋อก็ตกใจอย่างมากจนนางหน้าซีดและ น้ำตาไหลด้วย

อันหลิงหยุนเห็นแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาทันที “ทุก คนออกไป”

“ท่านอ๋อง….”

เสินหยุนเอ๋อไม่ยินยอม แม้ว่าจะเป็นแพทย์แล้วไงละ อันหลิงหยุนรักษาอะไรเป็นบ้าง

พ่อบ้านไม่กล้าที่จะเฉยเมย โปรดขอเชิญคุณข้าเสิ นออกไปข้างนอก “คุณข้าเสิน อาการเก่าของท่านอ๋อง กำเริบ เดี๋ยวอาจจะทำให้คุณข้าเสินตกใจ คุณข้าเสินออก ไปก่อนดีกว่า”
เสินหยุนเอ๋อไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามออกมา

อันหลิงหยุนถามว่า “เสวยอะไรไปรี?”

ตอนนี้กงชิงวีลืมตาขึ้นอย่างโกรธและจ้องมองผู้หญิงที่ น่าเกลียดที่ข้างหน้าเขา เขารู้สึกว่าร่างกายสะลึมสะลือ ของเขาสั่นคลอนและมือของเขาก็ชักกระตุก แต่เขา พยายามที่จะกำปั้นมือ และต้องการควบคุมร่างกายของ เขา.

อันหลิงหยุนจับมือของเขา ขยับออกไป แล้วค่อยจับมือ ไว้ทั้งสองข้าง

สายตาของกงชิงวี่เย็นชา “นางกล้าที่จะเอาเปรียบข้า ..

” ครั้งนี้ไม่เป็นพิษ”อันหลิงหยุนได้สรุปออกมาทันที และกงชิงวี่ก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย เขายังมีสติอยู่ในเวลา

นี้

ในอดีตจะไม่เชื่ออันหลิงหยุน แต่การกระทำของนางใน หลายวันที่ผ่านมาอธิบายทุกอย่างได้ ฝีมือการแพทย์ของนางนั้นน่าทึ่ง สิ่งที่นางพูดต้องมีหลักฐานที่ดี

“มันคืออะไร?”

อันหลิงหยุนส่ายหัวและพูดว่า “ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ข้า จะช่วยประคองท่านไปนอนลงก่อน ข้าจะตรวจให้ท่าน”

อันหลิงหยุนลุกขึ้นและประคองกงชิงไปนอนลงบน เดียง และถอดเสื้อผ้าของกงชิง วี่ ณตอนนี้กงชิงวี่ไม่มี แรงที่จะปฏิเสธ มือและเท้าของเขาก็ชักกระตุกตลอด เวลา

อันหลิงหยุนตรวจดูที่ร่างของ กงชิงวี่ก่อน จากนั้นก็ ตรวจดูดวงตาของเขา

ไม่มีปัญหาอะไร อันหลิงหยุนถามว่า “ท่านเป็นโรคลม บ้าหมูด้วยรี?”

ตอนนี้กงชิงที่พูดอะไม่ได้ ทำได้แค่สายหัวเท่านั้น
อันหลิงหยุนหลับตาและพูดในใจว่า หากระบบสามารถ ตรวจจับได้ก็ให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นหน่อย ร่างกายนี้ มีปัญหาอะไร โดยแก่นแท้แล้วในสมัยโบราณไม่มีเครื่อง ทางการแพทย์ขั้นสูง หากนางไม่ได้พึ่งพาการเรียนรู้ ความรู้ทางการแพทย์แผนจีน เกรงว่าไอ้สารเลวท่านอ๋อง คนนี้คงตายไปนานแล้ว

หลังจากที่เขาหลับตาเพียงไม่กี่วินาทีอันหลิงหยุ นก็ลืมตาขึ้นมาทันที มองไปที่กงชิงวี่ที่หน้าซีด และ พยายามที่จะจับมือของกงชิงว่ ว่างถามว่า”ท่านโกรธรี?”

กงชิงวี่รู้สึกแปลกประหลาดสักพักอันหลิงหยุนไม่รอให้ เขาตอบก็นั่งลง ห่มผ้าห่มมาให้เขา และเอื้อมมือไปจับ มือข้างหนึ่งของกงชิงวี

“หายใจลึกๆ

กงชิงที่ให้ความร่วมมือทำการหายใจลึก ๆ อันหลิงหยุ นตรัสว่า “ช่วงนี้เลือดลมของท่านถูกกักกั้น ทำให้เป็น ปัญหานี้ได้ง่าย โรคนี้อาจเป็นหนักหรือเบา แต่ก็ทำร้าย ร่างกายมากถ้าเป็นหนักอาจถึงตายได้ ถ้าเป็นเบาก็จะ เหมือนกับตอนนี้ตัวจะชักกระตุกตลอด”
“จะต้องรักษายังไง” กงชิงวี่รู้สึกไม่สบายตัวน้อยลง และ ถามอันหลิงหยุน

อันหลิงหยุนหยิบผ้าห่มจากด้านข้างมา นางทำเท่าที่จะ ทำได้เพื่อไม่ให้กงชิงวี่โกรธและเพื่อให้เขาได้ดีขึ้น

ช่วยเช็ดเหงื่อของกงชิงไป ตรัสไปว่า “ถ้าท่านได้ปรับ สมดุลการหายใจและไม่โกรธง่าย ท่านก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ”

กงชิงวี่หลับตาและสาปแช่งในใจ เขาเพิ่งโกรธเวลาที่ เสวยพระกระยาหารเอง โกรธมากถึงขนาดนี้ คนอื่นรู้คง หัวเราะตาย

อันหลิงหยุนเห็นว่ากงชิงวี่ค่อยๆดีขึ้นและมือของเขาก็มี แรงมากขึ้น นางถึงดึงมือของนางออกมาจากมือของกง ชิงว่

กงชิงวี่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดมาก แต่ เขาสามารถนั่งได้โดยใช้ความพยายาม

เมื่อตะกี้นี้ชักไปทั้งตัว ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว
คงชิงวิ่มองไปที่อันหลิงหยุนที่ลุกขึ้นอยู่นั้น คล้ายกับว่า

เขาจะดูถูกนางไปแล้ว

“ข้าเป็นกระไรรี”

กงชิงยืนพิงหัวเตียง พยายามไม่เผยให้เห็นถึงความ เหนื่อยล้าของร่างกาย แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ

ถ้าไม่ใช้ความพยายาม คงจะสิ้นพระชนม์แล้ว

“ท่านเป็นโรคลมหายใจติดขัด มันจะกำเริบได้ง่ายเมื่อ ท่านโกรธ โรคนี้คล้ายกับโรคลมบ้าหมู แต่มันไม่ร้ายแรง เท่ากับโรคลมบ้าหมู การรับรู้ของท่านมักจะมีสติ แต่ท่าน อาจมีอาการของสมองที่ขาดเลือดซึ่งเป็นอาการโคม่า โดยทั่วไปแล้วโรคอย่างนี้มีให้เห็นไม่มาก ล้วนแต่เกิดขึ้น กับคนที่อารมณ์รุนแรง ถ้าท่านสามารถควบคุมอารมณ์ได้ ดี ในภายหน้าก็จะไม่กำเริบ ”

อันหลิงหยุนรู้ว่า คนอย่างกงชิง มันง่ายที่จะไม่แสดง อารมณ์ความรู้สึก เมื่อเขาควบคุมให้ดีก็จะรู้สึกดีและไม่มีอะไรต้องกังวลอีก

“วันหลังข้าจะทำอะไรกับนางไม่ได้กระไร ? ”

“…” อันหลิงหยุนแปลกใจ เกี่ยวกับนางตรงไหน ตอน เสวยพระกระยาหารนางก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น

กงชิงที่ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เขาเหนื่อยแล้ว

“ออกไปเถอะ ข้าอยากจะอยู่คนเดียวสักพัก”

อันหลิงหยุนหันกลับและเดินไปไม่กี่ก้าว ในร่างกาย ของนางมีบางอย่างพลุ่งพล่านอยู่ เพื่อที่จะให้สงบลง นางต้องเอายาออกมาสองเม็ดและส่งไปยังที่กงชิงวี่ ตรัสว่า “ท่านทานยานี้ก่อน สุขภาพของท่านยังอ่อนแอ ซึ่งไม่เอื้อต่อการฟื้นตัว”

กงชิงเอายาเม็ดนั้นใส่ในปากของเขา หลังจากยา ละลายไม่นาน เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขามีแรงมากขึ้น เวลาเขาลืมตาขึ้น อันหลิงหยุนก็เดินออกไปอย่างเร็ว และก็ปิดประตูแล้วด้วย
คงชิงตื่นนอนลง พ่อบ้านและเสินหยุนเอ๋อรีบเข้ามาดูแล กงชิงวี่พูดเบา ๆว่า “ข้าแค่เป็นไข้หวัด ไม่ต้องตกใจ ไปส่งหยุนเอ๋อกลับแล้วรอให้ข้าหายดีแล้วข้าจะเชิญหยุ นเอื้อมาอีก”

เงินหยุนเอ๋อเป็นห่วงอาการของกงชิงวี่มากขึ้น เสวยพ ระกระยาหารเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจที่ เห็นกงชิงวี่หลับตา นางถึงพูดด้วยความเป็นห่วงและจาก ไป

เสินหยุนเอ๋อเดินออกไป และมองไปด้านข้าง ที่แท้ท่าน อ๋องเสียนและอันหลิงหยุนอยู่แยกกันนั่นเอง

นี่เป็นข่าวดี!

ส่งเสินหยุนเอ๋อออกไปแล้ว พ่อบ้านกลับมาที่หน้าห้อง ของกงชิงและนั่งตัวตรงคุกเข่าลง

ถึงแม้ว่ากงชิงไม่สบาย แต่เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่หน้า

ประตู

“ลุกขึ้นเถอะ เจ้าก็มีเจตนาดี ข้าก็รู้ดีว่าพวกเจ้าเป็นห่วงจวนอ๋องเสียนที่เจอกับสถานการณ์แบบนี้ในตอนนี้ แต่ข้าจะไม่อนุญาตให้ทำอีก งานของข้ามีแผนของข้า เอง และยังไม่ถึงจุดที่จะไปพึ่งพาใคร

มันขึ้นอยู่กับข้าเอง เรื่องทุกวันนี้ต้องขอบคุณพระชายา ในภายหลังเจ้าไม่ต้องทำอย่างนี้กับนางจวนอ๋องเสียน จะได้ไม่วุ่นวาย และถ้าทำให้นางโวยวายอยากกลับไปที่ จวนแม่ทัพ ฮ่องเต้ตำหนิ ก็จะเพิ่มเรื่องปวดหัวมาอีก ขอ เพียงแต่นางไม่โวยวาย ก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากนัก”

“รับทราบขอรับ”

พ่อบ้านลุกขึ้น และทำได้เพียงเดินออกไป

เสินหยุนเอ๋อกลับไปถึงที่จวนตระกูลเสินไปหาแม่ของ นางเสินฮูหยินทันที

เสินฮูหยินมีอายุเพียงห้าสิบปี และดูแลทุกอย่างของ ตระกูลเสิน ครอบครัวของนางมีภูมิหลังที่ดีและนางมี ความสามารถที่ดูแลตระกูลเสินได้ดี สำหรับเสินเฉิงเสี้ยง แล้ว นางอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญมาก แม้ว่าเสินเฉิงเสี้ยงจะทยอยรับเลี้ยงอนุภรรยาหลายคน แต่ในจวนแห่ง นี้ ตำแหน่งของเสินฮูหยินก็ไม่สามารถมีใครที่จะแทนที่ ได้

ในหัวของเสินหยุนเอ๋อนั้นมีแต่กงชิงวีเต็มไปหมด และ มีเพียงแม่ของนางเท่านั้นที่สามารถออกความคิดให้นาง ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ