หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน

บทที่ 119 คุณท่านหรือว่าท่านอ๋อง



บทที่ 119 คุณท่านหรือว่าท่านอ๋อง

บทที่ 119 คุณท่านหรือว่าท่านอ๋อง

ตอนนี้จวนแม่ทัพกำลังจะปิดประตู เมื่อเห็นอันหลิงหยุนก็รู้สึก แปลกใจ

“คุณหนูกลับมาแล้ว?” ยามเฝ้าประตูรู้สึกแปลกใจ ทำไมคุณ

หนูจึงกลับมาแล้ว?

“ท่านพ่อของข้าล่ะ?” อันหลิงหยุนเข้าไปถามข้างใน ยามเฝ้า ประตูรีบบอกว่าอยู่ในห้องโถง อันหลิงหยุนจึงไปที่นั่น โดยวาง หมาจิ้งจอกหางสั้นลงก่อน: “พาจิ้งจอกน้อยไปเดินเล่นสิ

ยามเฝ้าประตูรู้สึกงง พาจิ้งจอกไปเดินเล่น

น่าเกลียดอะไรเช่นนี้

หมาจิ้งจอกหางสั้นเงยหน้าขึ้นมองยามเฝ้าประตู ส่งเสียงร้อง

เรียก แสดงให้รู้ว่ารอไม่ไหวแล้ว

ยามเฝ้าประตูรีบพยักหน้า แล้วตามไปเดินเล่น
อันหลังหยุนไปพบแม่ทัพอัน แม่ทัพอันรู้สึกแปลกใจ หน หยุบ ทำไมเจ้าจึงกลับมาแล้ว จะใช้สมุนไพรหรือ

ท่าทางไม่รู้อีโหน่อีเหน่ของแม่ทัพอันในวันนั้น ทำให้อันหลัง หqนรู้สึกสบายใจขึ้นมากจริงๆ

“ไม่ใช่ค่ะ ขาทะเลาะกับกงชิงแล้ว จึงได้หนีกลับมา

“อะไรนะ? เขากล้าทะเลาะกับเจ้า

แม่ทัพอันเอามือตบโต๊ะ แล้วลุกขึ้นยืน อะไรของเขากับแม่ เมื่อวานยังบอกข้าอยู่เลยว่าความสัมพันธ์เป็นไปได้ด้วยดี ขา เองยังเชื่อเขาเลย

“ท่านพ่อ เมื่อวานท่านเจอเขาด้วยหรือ?” อันหลังหยุบแปลก ใจ เมื่อวานอยู่บ้านทั้งวัน จะเจอได้กระไร

แม่ทัพอันผงะเล็กน้อย จึงค่อยๆนั่งลงอย่างรู้สึกผิด ไม่กล้าม องอันหลังหยุน สายตาเลิกลัก

อันหลังหยุนถาม: “ท่านพ่อ ท่านมีเรื่องปิดบังข้าใช่หรือไม่?
“เมื่อวานพ่อไปที่จวนอ๋องเสียนมา เห็นข้างในมีคนอยู่ มากมายจึงอยากเข้าไปดู เจ้าหมอนั่นออกมาแล้วเชิญพ่อไปที่ ลานด้านหลัง ข้าจึงไปกับเขา

“อ้อ?” อันหลิงหยุนนึกถึงเรื่องที่เมื่อคืนหาตัวเขาไม่เจอ จริงๆ แล้วไปอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อของนางนี่เอง

“ท่านพ่อ ที่ลานด้านหลังมีอะไรหรือ?”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ไปเดินเล่น จากนั้นเขาก็มาส่งข้าที่จวน แม่ทัพ แล้วก็กลับไป” แม่ทัพอันตอบตามความจริง

อันหลิงหยุนแปลกใจ: “ที่ประตูใหญ่มีคนมากมาย แล้วส่ง ท่านออกทางด้านนั้นน่ะหรือ?”

“ลานด้านหลังจวนอ๋องเสียนของพวกเจ้ามีประตู” แม่ทัพอัน แปลกใจ: “หยุนหยุน เจ้าไม่รู้หรอกหรือ?”

“ไม่รู้” อันหลิงหยุนไม่รู้จริงๆ

แม่ทัพอันรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกๆ รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย: ถ้าหากเขามาล่ะก็ เจ้าอย่าบอกนะว่าพ่อเป็นคนบอกเจ้า”
“ท่านพ่อ ถ้าเช่นนั้นท่านจะยุ่งเรื่องของเราหรือไม่?

อันหลังหยุนส่งสายตาแปลกๆ แม่ทัพอันรู้สึกงุนงง: “เช่นนั้น เจ้าอยากให้พ่อยุ่งหรือว่าไม่ยุ่งล่ะ?”

“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องยุ่ง” อันหลิงหยุนอธิบาย

แม่ทัพอันถาม: “เขาดีกับเจ้าหรือไม่?”

“เช่นนั้นพ่อก็จะไม่ยุ่ง

แม่ทัพอันรู้สึกสบายใจมาก คิดว่าทั่วทั้งเมืองหลวง ยังไม่มี ใครเทียบกงชิงวี่ได้ จึงรู้สึกพอใจ

อันหลิงหยุนจึงบอกว่ายังไม่ได้กินข้าว ทั้งจวนแม่ทัพจึงต้อง ระดมพล จุดโคมไฟสีสันสดใสราวกับฉลองวันปีใหม่ก็ไม่ปาน

แล้วจึงเตรียมอาหารให้แก่อันหลิงหยุน

ยังไม่ทันจะเตรียมเสร็จ กงชิงก็มาถึงประตูจวนแม่ทัพ

อาหยู่เคาะประตูอยู่ด้านนอก
คนในจวนแม่ทัพพูดว่า “มีธุระค่อยมาใหม่พรุ่งนี้ พักผ่อนกัน หมดแล้ว”

“พวกเรามาจากจวนอ๋องเสียน” อาหรีบบอก

ยามเฝ้าประตูหันหน้ากลับไปมอง จึงได้รู้ว่าเป็คนของจวน อ๋องเสียน จึงได้เปิดประตู อ

แล้วอาหยู่จึงหลีกทางให้กงชิงเดินขึ้นมา เมื่อยามเฝ้าประตู เห็นกงชิง จึงรีบก้าวไปข้างหน้า: “ท่านอ๋อง”

“พระชายาล่ะ?” กงชิง ไม่อยากพูดมาก พูดเพียงแค่สอง

ประโยคก็เดินไป

ยามเฝ้าประตูบอกว่า “คุณหนูบอกว่าหิวแล้ว กำลังเตรียมที่

จะรับประทานอาหาร

กงชิง มองเข้าไปในจวนแม่ทัพ ไฟจุดสว่างไสว หากแปะตัว “สี่” เอาไว้ จะต้องนึกว่ามีงานมงคลอย่างแน่นอน เหล่าบรรดา คนรับใช้ วุ่นวายกันจ้าละหวั่น

“ แค่กินข้าวต้องวุ่นวายขนาดนี้เลยหรือ?” กงชิงวี่เดินเข้า ประตูไป ยามเฝ้าประตูรีบไปปิดประตูทันที
อาหยู่เดินตามแล้วถามว่า “ท่านอ๋อง วันนี้พวกเราจะค้างคืน

ที่นี่หรือไม่?”

“ข้ารับปากว่าจะกลับมาบ้านนาง ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว วันนี้ก็ถือ เสียว่ากลับมาบ้านนางละกัน ค้างที่นี่แหละ

“เช่นนั้นหม่อมฉันจะกลับไปแจ้งพ่อบ้าน”

“อืม”

อาหยู่กลับไปที่จวนอ๋องเสียน กงชิงเข้าไปหาคนข้างใน

อันหลิงหยุนดูสมุนไพรอยู่ในห้องเก็บยา จวนแม่ทัพซื้อ สมุนไพรมาเพิ่มอีกมากมาย ทำให้ห้องเก็บยาเต็มแล้ว

หมอจวนหลายตนได้ยินว่าคุณหนูกลับมา จึงรีบมาที่ห้องเก็บ ยาทันที กลัวว่าคุณหนูจะย้ายห้องเก็บยาจนว่างเปล่า อันหลิน

หยุนดูสมุนไพร พวกหมอจวนก็เดินตามนาง

อันหลิงหยุนเขียนใบสั่งยาออกมาหนึ่งแผ่น บนนั้นเขียนราย ชื่อสมุนไพรที่อันหลิงหยุนต้องการ ถึงแม้ว่าห้องเก็บยาของ จวนอ๋องเสียนจะไม่ขาดแคลนสมุนไพร แต่สมุนไพรในจวน

อ๋องเสียนล้วนมีราคาแพง และบางอย่างก็ไม่มี
อันหลิงหยุนจัดเรียงออกมา หมอจวนก็ช่วยตระเตรียมให้

พร้อม

ล้วนเป็นของที่ไม่มีราคา เหล่าหมอจวนรู้สึกโล่งใจ

ออกมาจากห้องเก็บยา ก็เจอกงชิงวี่ยืนอยู่ด้านนอก อันหลิง หยุนเห็นเขาจึงหยุดเดิน

“คุณหนู”

เหล่าหมอจวนบางคนยังไม่รู้จักกงชิง เมื่อเห็นคนแปลกหน้า

จึงหันไปมองอันหลังหยุน

กงชิงวี่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ ชายตามอง แล้วถามว่า: “ทำไม ข้าพูดเพียงแค่ไม่กี่คำก็กลับบ้านเลยหรือ เห็นข้าแล้วยังไม่

คารวะอีก?”

“ท่านอ๋อง?”

มีหมอจวนบางคนจำกงชิงได้ จึงรับก้าวออกไปคารวะ

“หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋อง”
กงชิง ไม่ได้สนใจ ยังคงมองอันหลิงหยุนต่อไป

อันหลิงหยุนเตรียมที่จะเดินเลี่ยงไป กงชิงหน้าถอดสี: “ประเดี๋ยว”

อันหลิงหยุนหยุดเดิน แล้วหันกลับมามอง เหล่าหมอจวนเริ่ม รู้สึกกังวล หรือว่าคุณหนูจะไม่เป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋อง จึงคิดที่จะหย่าร้าง จึงได้กลับมาอยู่ที่จวนแม่ทัพเช่นนี้?

“เจ้าออกจากเมืองตามลำพัง ข้าว่าเจ้าสองคำ เจ้ากลับชัก สีหน้าใส่ข้า?” กงชิงเดินเข้าไปใกล้จนถี่ด้านหน้าของอันหลัง หยุนแล้วกัมมองนาง อันหลิงหยุนไม่ตอบ

“ข้าเป็นห่วงเจ้า”กงชิงวี่ปล่อยมือลงแล้วกอดอันหลิงหยุนเข้า

มาไว้ในอ้อมอก

เหล่าหมอจวนมองอย่างระมัดระวัง นี่จะมาหย่า หรือว่ามารับ

คนกันแน่?

“ท่านไม่ได้ไล่ข้าไปหรอกหรือ ข้าเห็นว่าบนพื้นนั่นทั้งหนาว ทั้งสกปรก กลิ้งมาไปหรอก จึงได้กลับมาบ้าน อย่างน้อยท่าน พ่อของข้าก็ไม่ใส่ข้า

อันหลิงหยุนพูดเบาๆ กงชิงใช้แรงกอดนางมากขึ้น “ข้ามันปากเสีย!”

* หมอจวนไม่อยากจะเชื่อสายตา นี่ไม่ใช่อ๋องเสียนที่เรา

รู้จักใช่หรือไม่?

แล้วท่านยังจะไล่าอีกหรือไม่?” อันหลิงหยุนถามให้ชัดเจน

“ไม่ไล่

“ค่อยยังชั่ว

อันหลิงหยุนผลักกงชิงวออก คิดจะเดินจากไป แต่กงชิงไม่

ปล่อย

“ข้าเพิ่งจะเข้ามา ยามเฝ้าประตูจานเรียกข้าว่าท่านอ๋อง เรียก เจ้าว่าคุณหนู ในเมื่อแต่งงานแล้ว ก็ไม่ควรจะเรียกคุณหนูอีก นอกเสียจาก………

“ท่านอ๋องหมายความว่า ในเมื่อข้าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานออก ไปแล้ว ก็ถือเป็นคนของจวนอ๋องเสียน หากเรียกเขาว่าท่าน อ๋อง ก็ต้องเรียกข้าว่าพระชายา หากเรียกข้าว่าคุณหนู ก็ต้อง เรียกเขาว่าคุณท่าน
“คุณท่าน

“คุณท่าน”

เหล่าหมอจวนรีบคารวะ ไม่เข้าใจตอนนี้ แล้วจะเข้าใจตอน

ไหน?

“ลูกขึ้นเถอะ

กงชิงดึงอันหลิงหยุนขึ้น นี่จึงจะสามารถไปทานข้าวได้อย่าง น่าพอใจ อันหลังหยุนสั่งว่า “สมุนไพรเหล่านั้นเตรียมให้ข้าให้ เรียบร้อย เดี๋ยวข้าจะนำกลับไปด้วย

“วันนี้ไม่กลับ นอนค้างที่นี่ ให้หมอจวนเก็บสมุนไพรไว้ให้ดี พรุ่งนี้ค่อยนำกลับไป

กงชิงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า ดูอารมณ์ดีไม่น้อย

อันหลิงหยุนจึงได้ถามขึ้นว่า “ท่านจะนอนค้างหรือ?”

กงชิงวถาม: “ไม่ได้หรือ?

อันหลังหยุนกลับไม่ได้พูดอะไร แล้วจึงไปทานข้าวที่ห้อง
อาหารพร้อมกับเขา

แม่ทัพอันเองก็ถูกเชิญมาด้วย โต๊ะใหญ่มาก คนมาทานข้าวก็ มาก แม่ทัพรองของแม่ทัพอันต่างก็มาร่วมทานอาหารด้วย

ตอนเริ่มต้นต่างรู้สึกระมัดระวังเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นกงชิงไม่ ได้มีพิธีรีตอง จึงค่อยผ่อนคลายลง

มีคนรินเหล้าให้กงชิง เขาก็ไม่ปฏิเสธ กลับเป็นอันหลิงหยุ นที่ห้ามไว้

“ดื่มเหล้าไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องออกว่าราชการแต่เช้า ท่านลุงทุก ท่านอภัยให้เขาด้วย” อันหลิงหยุนขอความเห็นใจ จึงไม่มีใคร กล้าชักชวนให้ดื่มอีก

ทุกคนมีความสุขมาก ทานข้าวเสร็จเตรียมตัวกลับยังคุยกัน อย่างเมามัน ส่วนคุณหนูก็มักจะยืนหยัดอยู่จนถึงคนสุดท้าย

เสมอ

แม่ทัพอันส่งคนกลับไปหมด เป็นเพราะดื่มจนรู้สึกมึนหัวเล็ก น้อย อันหลิงหยุนจึงส่งเขาไปพักผ่อน แล้วจึงพากงชิงวี่กลับ ไปที่ห้อง

ห้องของอันหลิงหยุนปรับปรุงใหม่แล้ว ไม่เพียงแต่กว้างขวางกว่าเมื่อก่อน อีกทั้งยังดูซับซ้อนน้อยลงด้วย

อันหลังหยุนชอบอะไรเรียบง่าย ดังนั้นจึงไม่เห็นของตกแต่ง อะไรมากมาย

เป็นครั้งแรกที่กงชิง เข้ามาในห้องของอันหลิงหยุน จึงอดไม่

ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น

เมื่อเข้าไปข้างใน กงชิงก็เดินดูหนึ่งรอบ เดินไปที่ข้างๆโต๊ะ แล้วมองดูขวดที่ตั้งอยู่ด้านบน ใกล้เคียงกันกับที่จวนอ๋องเสียน มีโถยาอยู่เต็มไปหมดทุกที่

แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือมีกระดาษชวนจื่ออยู่สองสามใบ โดยมี แท่นหมึกวางทับกระดาษอยู่ บนกระดาษนั้นมีตัวอักษรเขียนไว้ สองสามตัว

หันกลับไปไม่จอฝั่ง

กงชิงวี่มองตัวอักษรเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงยื่นมือไปลูบ: “เจ้าทำเรื่องแย่อะไรเอาไว้แล้ว อยากจะหันหลังกลับหรือ?”

“แค่เขียนไปเรื่อยเปื่อย
อันหลังหยุนไม่ได้พูดความจริง แล้วจึงจัดเตียงเตรียมที่จะพัก ผ่อน

กงกอดนางจากทางด้านหลัง “ข้าไม่เชื่อ

“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ” อันหลังหยุนต้องการให้เขาเชื่อตอน

ไหนกัน

อันหลังหมุนขึ้นเตียง แล้วถอดชุดคลุมด้านนอกออก วันนี้ เหนื่อยแล้ว อยากที่จะพักผ่อนให้เร็วสักหน่อย

กงชิง เห็นนางถอด เขาเองก็ไม่เกรงใจ เขาจึงถอดเสื้อผ้าที่

ใสอยู่ออก

เขาเอามือเปิดมุ้ง แล้วตามเข้าไปหาอันหลังหยุน

ไฟดับลง พ่อบ้านเดินมาถึงประตูจึงฟังอย่างระมัดระวัง ปัง!

เหมือนมีของอะไรบางอย่างกระทบที่บนแผงประตู พ่อบ้าน กใจ จึงรีบหันหลังเดินกลับไป

อาหมองจากที่ไกลๆ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อาจเข้าใกล้ แล้วท่านอ๋องจะยอมให้คนอื่นเข้าใกล้ได้กระไร
พักผ่อนมาทั้งคืน กงชิงลุกขึ้นแต่เช้า อันหลิงหยุนเห็นเขา เปลี่ยนชุดเฉาฝู (เสื้อที่ใส่ในการฉลองพระองค์ทางการ)

“ท่านนําชุดเฉาฝู มาด้วยหรือ?” อันหลิงหยุนลืมตาขึ้นมอง เขา เฉาฝู สีดำ ตรงกลางหน้าอกเป็นรูปกรงเล็บของห้ามังกร ทอง แทงทะลุเมฆหมอก แววตาที่ดูดุดันคู่นั่นเหมือนกำลัง มองใครด้วยความโกรธ ราวกับมีชีวิต ครอบง่าคนได้ ราวกับว่า กำลังจะพุ่งออกมากลืนกิน

“อาหย่เอามาให้ ข้าจะเข้าวัง ถ้าจะหาตุ๊กแกก็รอให้ข้ากลับ มาก่อน ห้ามออกไปแล้วนะ”

“ข้าไม่ออกนอเมือง แต่เดินในเมืองได้หรือไม่?” อันหลิงหยุน

ยังไม่ตื่นนอน จึงพูดเสียงเบา

“อย่างมากคือสี่ชั่วโมง ห้ามเกินจากนี้” กงชิงวี่พูดจบ ก็หัน หลังเดินออกไป อันหลิงหยุนพลิกตัวนอนต่อ อยากจะลุกขึ้น มารับปากเรื่องของอาหยู่ แต่เมื่อหันกลับมาคนก็ไม่อยู่เสีย แล้ว จึงได้แต่นอนต่อ

อันหลิงหยุนตื่นนอน ทานข้าวเช้า แล้วจึงออกจากจวนแม่ทัพ ก่อนออกเดินทางก็นำสมุนไพรจำนวนหนึ่งมาด้วย

เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋องเสียน อันหลิงหยุนก็ไปหาหงเถาและลุ่ยหลิ่ว ทั้งสองไม่เป็นอะไร เมื่อเห็นอันหลิงหยุนก็รับ ชักชวนว่าอย่าออกไหนอีก ให้อยู่ในจวน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ ถูกท่านอ๋องลงโทษ

อันหลิงหยุนเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า นางกลับมาเช่นนี้แล้ว คนใน จวนกลับไม่มีใครรู้เลยว่านางถูกรับตัวกลับมา ต่างก็คิดว่านาง กลับมาเอง

กินข้าวเย็นเสร็จอันหลิงหยุนก็ออกไปข้างนอก อาหย่ไปเป็น เพื่อนนาง นางทิ้งหมาจิ้งจอกหางสั้นเอาไว้

ขณะที่กำลังเดินผ่านร้านขายสมุนไพรร้านหนึ่ง ก็เห็นคนคน หนึ่งวิ่งเข้าไปข้างในอย่างรีบร้อน วิ่งไปพลางร้องไห้ไปพลาง เมื่อไปถึงธรณีประตูก็ล้มลง

แล้วจึงปีนขึ้นจากธรณีประตูรีบเข้าไปตะโกนเรียกหมอ

อันหลิงหยุนยืนดูอยู่สักครู่ หมอที่อยู่ด้านในพูดว่า “ไม่ใช่ว่า ข้าไม่ไปกับเจ้า เป็นเพราะข้าเองก็จนปัญญา ฮูหยิน ของเจ้าข้า รักษาไม่ได้”

“ แต่ไม่ยอมออกไปแบบนี้ก็ไม่ได้นะ

คนคนนั้นร้อนใจอย่างมาก ร้องจนใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาแต่หมอของร้านมาร้านนั้นพูดอะไรโบก มีหวย วันหลังหน เองอยากจะเข้าไปสอบถาม

“เจ้าไปเถอะ ขาเองก็จนปัญญา

หมอหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป คนที่มาหาหมอคนนั้นอา ประมาณยี่สิบปี ซึ่งเป็นวัยหนุ่มสาวอยู่ เขาร้อง ร้องไปเช็ดน้ำตาไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ