หมอเทพเซียนของอ๋องเสียน

บทที่ 117 พระชายาตวนช้าเร้วก็ต้องเปลี่ยนเจ้านาย



บทที่ 117 พระชายาตวนช้าเร้วก็ต้องเปลี่ยนเจ้านาย

บทที่ 117 พระชายาตวนช้าเร็วก็ต้องเปลี่ยนเจ้านาย

อ๋องตวนไม่ต้องการที่จะอยู่ต่อ คิดที่จะลุกขึ้นแล้วจากไป เป็น เพราะประการแรก หยุนโล่ชวนอยู่ที่นี่ ประการที่สองเพราะไม่ อยากเห็นอันหลิงหยุน ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเห็นแก่พี่น้อง เขาก็ ไม่มีทางมา”

” อ๋องตวนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแล้วจากไป อัน หลิงหยุนเองก็เตรียมที่จะกล่าวคำอำลาส่งพวกเขากลับ แต่คิด ไม่ถึงว่าจนฉูฉูอยู่ดีๆจะเป็นผู้นำขึ้นมา

“ในเมื่อพระชายาเสียนเชิญด้วยความจริงใจ จึงยากที่จะ ปฏิเสธได้ ข้าและท่านอ๋องจึงควรจะอยู่ต่อ

อันหลิงหยุนรู้สึกโกรธ จะพูดทั้งทีพูดให้ดีๆก็ไม่ได้

เจ้าพูดแค่เพียว่าจะอยู่ต่อกพอแล้ว!

“พ่อบ้านเตรียมอาหารเย็น ไปหาท่านอ๋อง แล้วทูลว่าข้า จะเชิญอันกั๋วกง อันกั๋วจิ๋ว อ๋องตวน และพระชายาตวนทาน อาหาร”
“แล้วข้าล่ะ?” หยุนโล่ชวนเกรงว่านางจะถูกลืม จึงรีบถาม

“แน่นอนว่ารวมถึงจวนจู่ด้วย”

“ต้องอย่างนี้สิถึงจะถูก

หยุนโล่ชวนหัวเราะอย่างภูมิใจ อันหลิงหยุนรู้สึกชอบเด็กสาว คนนี้ขึ้นมาแล้ว

พ่อบ้านรับ แล้วรีบไปหาคน

ตอนนี้ถางเหอเองก็รออยู่ด้านนอก เมื่อพ่อบ้านออกมาด้าน นอกก็ส่งสายตาให้แก่ถางเหอ ให้เขาไปหากงชิง ส่วนพ่อ บ้านจะไปจัดเตรียมอาหารเย็น

อันหลิงหยุนกลับไปนั่งที่เดิม ไม่มีคำพูด ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ทำให้ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่

กลับกลายเป็นหยุนโล่ชวนที่จ้องอันหลิงหยุน

อันหลิงหยุนสังเกตเห็นว่าสาวน้อยคนนี้สนใจหมาจิ้งจอกหาง

สั้นของนาง
“พี่สาว ขอข้าอุ้มเจ้าจิ้งจอกตัวนั้นของท่านหน่อยได้หรือไม่?” สุดท้ายสาวน้อยก็เปิดปากพูด อันหลิงหยุนอุ้มหมาจิ้งจอกหาง สั้นมาอย่างเสียดาย

“นางไม่ได้ชื่อเจ้าจิ้งจอก นางชื่อว่าจิ้งจอกน้อย ถ้าเจ้าอยาก จะอุ้มนาง ต้องให้นางเต็มใจถึงจะได้ เจ้าเรียกนางว่าเจ้า จิ้งจอก นางคงจะไม่ชอบนัก

อันหลิงหยุนอธิบายอย่างละเอียด แล้วจึงลุกขึ้น ยื่น หมาจิ้งจอกหางสั้นให้แก่หยุนโล่ชวน เมื่อเห็นว่านางไม่ใช่คน เลว จึงให้นางอุ้มสักพัก

หยุนโล่ชวนรีบยื่นมือไปรับมากอด “เช่นนั้นข้าจะทำดีต่อนาง หน่อย จิ้งจอกน้อยเจ้าอย่าซนนะ!”

หยุนโล่ชวนยิ้มออกมาอย่างเอาใจ หมาจิ้งจอกหางสั้นเองก็ ไม่ได้รู้สึกไม่ยินดี จึงปีนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหยุนโล่ชวน อย่างเงียบๆ

อันหลิงหยุนพบว่า จิ้งจอกตัวนี้ช่างแสนรู้เสียจริง

อันหลิงหนุนกลับไปนั่งที่เดิมเพื่อรอกงชิง

รอจนถึงเวลาทานข้าวก็ยังไม่มา
“พี่สาว ขอข้าอุ้มเจ้าจิ้งจอกตัวนั้นของท่านหน่อยได้หรือไม่?” สุดท้ายสาวน้อยก็เปิดปากพูด อันหลิงหยุนอุ้มหมาจิ้งจอกหาง สั้นมาอย่างเสียดาย

“นางไม่ได้ชื่อเจ้าจิ้งจอก นางชื่อว่าจิ้งจอกน้อย ถ้าเจ้าอยาก จะอุ้มนาง ต้องให้นางเต็มใจถึงจะได้ เจ้าเรียกนางว่าเจ้า จิ้งจอก นางคงจะไม่ชอบนัก

อันหลิงหยุนอธิบายอย่างละเอียด แล้วจึงลุกขึ้น ยื่น หมาจิ้งจอกหางสั้นให้แก่หยุนโล่ชวน เมื่อเห็นว่านางไม่ใช่คน เลว จึงให้นางอุ้มสักพัก

หยุนโล่ชวนรีบยื่นมือไปรับมากอด “เช่นนั้นข้าจะทำดีต่อนาง หน่อย จิ้งจอกน้อยเจ้าอย่าซนนะ!”

หยุนโล่ชวนยิ้มออกมาอย่างเอาใจ หมาจิ้งจอกหางสั้นเองก็ ไม่ได้รู้สึกไม่ยินดี จึงปีนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหยุนโล่ชวน อย่างเงียบๆ

อันหลิงหยุนพบว่า จิ้งจอกตัวนี้ช่างแสนรู้เสียจริง

อันหลิงหนุนกลับไปนั่งที่เดิมเพื่อรอกงชิง

รอจนถึงเวลาทานข้าวก็ยังไม่มา
อ๋องตวนหน้าถอดสี ตบโต๊ะหนึ่งฉาด: “กล้ามากนะ!”

“อืม?” อันถั่วกงเองก็หน้าถอดสี แล้วมองไปทางอ๋องตวน “อ๋องตวน ท่านทําเช่นนี้หมายความว่ากระไร?”

อันหลิงหยุนตกตะลึง กินข้าวมื้อเดียวทำไมทำเหมือนกับ ทะเลาะกันกระไรอย่างนั้น?

“ข้าไม่เคยเจอคนที่ไร้มารยาทเช่นนี้มาก่อน พระชายาพูดมี เหตุผลทั้งหมด พระชายาเสียนไม่ให้คนมาตักอาหาร แล้วมัน เกี่ยวอะไรกับนางที่ต้องมาพูดแทนด้วย?

อ๋องตวนพูดจาบีบบังคับ ไม่ยอมอ่อนข้อให้

อันถั่วกงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาออกรบมาทั้งชีวิต เป็นถึง

ผู้บัญชาการทหาร ยังสู้อ๋องตวนไม่ได้

อันหลิงหยุนทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว

“อ๋องตวน ข้าว่าที่ท่านพูดนั้นรุนแรงเกินไปหน่อย จวิ้นจู่นางไว้ เดียงสานัก พูดไปโดยไม่ทันได้คิด ไม่ได้คิดที่จะต่อต้านใคร จวนอ๋องเสียนของน้าต้อนรับได้ไม่ดี ทุกท่านสามารถต่อว่า จวนอ๋องเสียนของข้าได้ แต่การที่ท่านตบโต๊ะจ้องจวิ้นจู่น้อยตา ถลนเช่นนี้ ท่านทําไปเพื่ออะไรกันแน่?
อันหลิงหยุนโบกมือ: “เด็กๆ ตักอาหารให้พระชายาตวน อย่า ให้คนหยาบคายเช่นข้า ต้องละเลยต่อพระชายาตวนเลย หาก พูดออกไปจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้

พ่อบ้านรีบตอบ: “พ่ะย่ะค่ะ”

พ่อบ้านสั่งให้คนมาตักอาหาร จนแววตาเย็นชา

อ๋องตวนเองก็หน้าแดง แต่ก็ยังจับมือกันไม่ยอมแพ้

“ข้ากำลังปกป้องพระชายา เป็นคนมีความรู้ตั้งแต่เด็ก เป็นคนมีคุณธรรม เมื่อเห็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม ประเพณีเช่นนี้ จึงพูดออกไปด้วยความหวังดี หากพระชายา เสียนไม่ชอบฟัง ก็ไม่ต้องฟัง”

“ข้าเองก็ไม่อยากฟัง แต่ทนไม่ได้ที่เห็นคนบางคนไม่ยอม ให้คนอื่นได้ทานข้าวอย่างสงบ ดูเหมือนว่าอ๋องตวนเองก็เป็น อ๋องของประเทศต้าเหลียง แม้กระทั่งถูกหรือผิดยังแยกแยะไม่ ออก ไม่กลัวว่าจะต้องอับอายคนอื่นหรอกหรือ?”

“เจ้า?”

อ๋องตวนโกรธจนกัดฟัน อันหลิงหยุนเองก็ไม่ยอมแพ้แม้แต่ น้อย: “ผู้หญิงเมื่อแต่งงานออกไปข้างนอก ก็เปรียบอันหลิงหยุนโบกมือ: “เด็กๆ ตักอาหารให้พระชายาตวน อย่า ให้คนหยาบคายเช่นข้า ต้องละเลยต่อพระชายาตวนเลย หาก พูดออกไปจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้

พ่อบ้านรีบตอบ: “พ่ะย่ะค่ะ”

พ่อบ้านสั่งให้คนมาตักอาหาร จนแววตาเย็นชา

อ๋องตวนเองก็หน้าแดง แต่ก็ยังจับมือกันไม่ยอมแพ้

“ข้ากำลังปกป้องพระชายา เป็นคนมีความรู้ตั้งแต่เด็ก เป็นคนมีคุณธรรม เมื่อเห็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม ประเพณีเช่นนี้ จึงพูดออกไปด้วยความหวังดี หากพระชายา เสียนไม่ชอบฟัง ก็ไม่ต้องฟัง”

“ข้าเองก็ไม่อยากฟัง แต่ทนไม่ได้ที่เห็นคนบางคนไม่ยอม ให้คนอื่นได้ทานข้าวอย่างสงบ ดูเหมือนว่าอ๋องตวนเองก็เป็น อ๋องของประเทศต้าเหลียง แม้กระทั่งถูกหรือผิดยังแยกแยะไม่ ออก ไม่กลัวว่าจะต้องอับอายคนอื่นหรอกหรือ?”

“เจ้า?”

อ๋องตวนโกรธจนกัดฟัน อันหลิงหยุนเองก็ไม่ยอมแพ้แม้แต่ น้อย: “ผู้หญิงเมื่อแต่งงานออกไปข้างนอก ก็เปรียบสามีเป็นเสมือนทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วทำไมถึงได้จุ้นจ้านเช่นนี้ พูดว่ามีความรู้อะไรกัน หรือว่าพระชายาตวนจะลืมคุณธรรม เอาไว้ที่บ้าน ไม่ได้นําออกมาด้วย? นี่มันเรื่องอะไรกัน เมื่อครู่ เห็นอยู่ชัดๆว่าพระชายาตวนต้องการทำให้ผู้อื่นอับอาย ข้าเอง ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน หรือว่าเวลาที่พระชายาตวนเข้าไปเสวย ร่วมกับฮองเฮาในวัง ก็มีข้อเรียกร้องเช่นนี้ด้วย?

ถ้าหากไม่ใช่ เช่นนั้นทั้งสองที่ปฏิบัติคนละแบบ ก็แสดงว่าข้า ดูถูกพระชายาอ๋องตวนเกินไป อยู่ในวังเป็นแบบหนึ่ง อยู่ที่จวน อ๋องเสียนของข้าเป็นอีกแบบหนึ่ง

จริงอยู่ จวนอ๋องเสียนอยู่อย่างถ่อมตนและไม่ค่อยข้องแวะ กับวังหลวง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้พระชายาตวนมารังแกได้ง่ายๆ เช่นนี้

อีกทั้งท่านอ๋องตวน บอกว่าพระชายาตวนมีความรู้ มีคุณธรรม อะไรนั้น หรือว่าแบ่งคนออกเป็นสูงต่ำ รวยจน ก็พูดว่ามีความรู้ มีคุณธรรมได้แล้วหรือ หรือจะพูดว่า พระชายาตวนเห็นว่าจวน อ๋องตวนสูงส่งกว่าจวนอ๋องเสียนของข้า

อ๋องตวน ท่านไม่เพียงไม่ขัดขวาง ซ้ำยังสนับสนุนอีก

วันไหนที่ขาเข้าวังคงจะต้องพูดเรื่องนี้เสียหน่อยแล้ว หาคน มาช่วยข้าออกความคิดเห็น แล้วค่อยตัดสินเรื่องที่พระชายาตวนมีความรู้ มีคุณธรรม”

“เจ้า…… จนฉโกรธจนหน้าแดง ตัวสั่น

“อัน……” อ๋องตวนมองอันหลิงหมุนด้วยความโกรธ กำลังจะ พูดอะไรบางอย่าง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่หน้าประตู

“ข้าได้ยินเสียงอึกทึกคึกโครมภายในห้องโถงดังออกมาแต่ ไกล คงไม่ใช่แอบนินทาข้าอยู่หรอกนะ?” กงชิงวี่สวมใส่ชุด บรรดาศักดิ์ สีดำ ที่เย็บปักถักร้อยลายเมฆมงคลและมังกร โบราณ กายคลุมเสื้อขนสัตว์เดินเข้ามา

ขณะที่กำลังพูดก็ถอดผ้าคลุมไหล่ออก ลุ่ยหลิ่วรีบรับไปแขวน

ให้เรียบร้อย

อันหลิงหยุนรีบลุกขึ้นถอนสายบัว: “ถวายพระพรท่านอ๋อง”

กงชิงวี่หันไปมองอันหลุนหยุนเบาๆ แล้วพูดด้วยความเอ็นดู: “พอแล้ว ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว!”

อันหลิงหยุนลุกขึ้น: “ท่านอ๋อง แต่ว่าทรงล้างมือแล้วหรือ

เพคะ?”
“ล้างแล้ว ถางเหอบอกว่าพระชายาเชิญแขกรับประทาน อาหาร ให้ข้ากลับมาพร้อมกัน ข้าจึงล้างมือแล้วกลับมา

กงชิงวี่เดินแทรกเข้ามาจากทางด้านหนึ่ง มาอยู่ข้างๆอันหลิง หยุน ใช้สองมือประคองอันหลิงหยุน เชิญให้อันหลิงหยุนนั่ง ลง อันหลิงหยุนจึงนั่งลง

เมื่อทั้งสองนั่งลง กงชิงก็หันไปทักทายอันกั๋วกงก่อน: “ท่า

นถั่วกง”

“อ๋องเสียน”

“ก๋วจิ๋ว”

“อืม”

“พี่สอง”

อ๋องตวนเบือนหน้าหนีด้วยความไม่พอใจ

“เป็นเพราะน้องสะใภ้ต้อนรับได้ไม่ดีอย่างนั้นหรือ พี่สองถึง

ไม่ได้พอใจเช่นนี้?” กงชิง พูดเบาๆ
ตอนนี้เอง จุนฉูฉูมองกงชิง ด้วยความโกรธแค้น เหมือน

เกือบจะร้องไห้ออกมา

ตวนอ๋องคิดว่านางน้อยใจ จึงยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่

“ฉูฉู่เดิมทีหวังดี จึงถามถึงเรื่องคนตักอาหาร คิดไม่ถึงว่า จะ ทำให้โล่ชวนจวิ้นจู่ไม่พอใจ ข้าต่อว่านางเพียงแค่ไม่กี่คำ คิด ไม่ถึงว่าจะทำให้พระชายาเสียนรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา

“หยุนหยุน มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” กงชิงวถาม แววตาเย็นชา อย่างยิ่ง อันหลิงหยุนจึงพูดว่า “อ๋องตวนกล่าวถูกแล้ว หม่อม ฉันผิดเอง เชิญท่านอ๋องลงโทษด้วย

อ๋องตวนตะลึงไปชั่วขณะ อันถั่วกงและกั่วจิ๋วเองก็รู้สึกแปลก

ใจ

สิ่งที่คนภายนอกพูดนั้น ดูเหมือนจะไม่เป็นความจริง

เวลาที่พระชายาเสียนอยู่ต่อหน้าอ๋องเสียน ช่างว่าง่ายขนาด

นี้จริงๆ!

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็จงกลับไปนั่งสำนึกตัวเสีย หาก ไม่มีคำสั่งของข้า ก็ห้ามออกมา อาหยู่ เจ้าไปคอยเฝ้าไว้
พวกเจ้าสองคนด้วย เป็นคนรับใช้ แต่ไม่รู้จักคอยเตือน จึงหนี ความผิดไม่พ้น ให้ไปนั่งสำนึกเป็นเพื่อนพระชายา” กงชิงพูด ด้วยน้ำเสียงเย็นชา

อันหลิงหยุนลุกยืนขึ้น แล้วถอนสายบัว: “หม่อมฉันทูลลา อัน ถั่วกงทานให้อร่อย อันกั๋วจิ๋วทานให้อร่อย อ๋องตวนทานให้ อร่อย”

อันหลิงหยุนลุกขึ้น แล้วเดินออกทางประตูไป สาวใช้หงเถา และลุ่ยหลิ่วก็หันไปถอนสายบัวให้กงชิงวี่ แล้วจึงหันหลังเดิน ตามออกไป

อาหยู่เองก็ตามไปด้วย

ห้องโถงเงียบสงบทันใด

ความโกรธของอ๋องตวนนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อึดอัดใจ ยิ่งนัก

ถึงแม้ฉูฉูจะน้อยใจไปบ้าง แต่เรื่องนี้เมื่อคิดในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาเองที่โวยวายโดยไม่มีเหตุผล เรื่องตัก อาหารก็เป็นอย่างที่อันหลิงหยุนบอก ในวังหลวงเองก็ไม่มีคน ตักอาหารให้ พวกเขาเองก็ทานอาหารกันอย่างเรียบง่าย แต่ วันนี้มาที่จวนอ๋องเสียนกับพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
ปกติ เวลาพวกเขาไปที่อื่นก็ไม่มีคนตักอาหารให้ ปกติแล้วจะ มีแค่ภายในวัง ภายในจวน หรือบ้านของตนเองเท่านั้นถึงจะมี คนคอยตักอาหารให้ หากเชิญคนมารับประทานอาหารหลาย คนเช่นนี้ เกรงว่าจะตักให้ไม่ทัน

แม้แต่ในจวนของราชครูจน ก็ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น

แต่วันนี้ ฉกลับพูดเช่นนี้ จริงๆแล้วก็ไม่สมควรนัก

ตอนนี้อันหลิงหยุนยอมรับผิด ยิ่งกลับทำให้เขารู้สึกไม่ สบายใจ

อันถั่วจั๊วมองออกไปด้านนอก: “น่าสงสารจริงๆ!

“ปกติแล้วข้าเองก็มักจะปวดหัวกับนางอยู่บ่อยๆ พระชายา เติบโตมาในจวนแม่ทัพ อันเจียงจินเองก็อยู่แต่ข้างนอกตลอด นางจึงมีนิสัยซุกซน คนในจวนแม่ทัพตามใจนางมากเกินไป จึง ทำให้นางโตขึ้นมามีนิสัยแบบนี้

ข้าเองก็กำลังอบรมนางอยู่ แต่นางเองไม่ได้มีเจตนาร้าย หวัง ว่าอันกั๋วกงและกั่วจิ๋วจะไม่หัวเราะเยาะ พี่สองเองก็ให้อภัยนาง เถอะ”

กงชิงถขมับอย่างจนใจ จนฉูฉกำมือแน่น กงชิงเจ้านี่มันบ้าชัดๆ นางมีดีอะไรกันแน่?

ให้อันหลิงหยุนไปนั่งสำนึกผิดจริงๆ หรือว่าต้องการจะตบ หน้านางกันแน่?

ดูสายตาที่เขาจ้องมองอันหลิงหยุนอย่างมีเลศนัย ไม่เหมือน กำลังสั่งสอน แต่เห็นชัดๆว่ากำลังปกป้อง

“ท่านพี่อ๋องเสียน อย่าไปฟังพวกเขาพูดมั่วๆนะ อองตวน กำลังช่วยพระชายาของเขา แต่จริงๆแล้วเห็นอยู่ชัดๆว่าพระ ชายาของเขารังแกพี่สาวพระชายาเสียน ข้าเห็นชัดเจนว่าพี่ สาวพระชายาเสียนนั้นเป็นคนมีเหตุมีผล เป็นเพราะนางตั้งใจที่ จะก่อเรื่อง ข้าจึงทนดูไม่ได้ นางจึงดุด่าข้า พี่สาวพระชายาเสีย นจึงช่วยพูดแทนขาสองสามคำ

ข้ารู้ว่าชั่วไท่เฟยกับท่านปู่ของข้ามีข้อแลกเปลี่ยนซึ่งกัน และกัน จึงต้องการให้ข้าไปเป็นพระชายารองของอ๋องตวน ในเมืองหลวงมีใครไม่รู้บ้างว่าพวกเขาสองสามีภรรยารักกัน ขนาดไหน มีข้าเพิ่มมาหนึ่งคนก็ดูจะขัดหูขัดตา แต่ข้าเองก็ ขัดหูขัดตาเช่นกัน ข้าไม่ใช่เพราะฮั่วไท่เฟยทรงตรัสว่าทรง โปรดปรานข้ามาก ต้องการให้ข้าเป็นลูกสะใภ้ มิเช่นนั้นนางจะ ต้องรู้สึกหดหู่ ข้าเองก็ไม่มีวันตอบตกลงหรอก”

หยุนโล่ชวนมองอ๋องตวนด้วยความโกรธ อ๋องตวนจะตบโต๊ะ แต่จุน จับมือเขาเอาไว้ “อ๋องตวน เรื่องนี้ให้พอแค่นี้ เถอะเพคะ ข้าไม่สนใจ ในเมื่ออ๋องเสียนปกป้องกันขนาดนี้ พวกเราอยู่ต่อก็เปล่าประโยชน์ พวกเรากลับกันเถอะเพคะ”

อันกัวกงขมวดคิ้วแน่น อ๋องตวนผู้นี้ดูๆไปแล้วเหมือนพวกขึ้ พลาด ไม่มีความฉลาดเลยสักนิด

ที่ฮั่วไท่เฟยพูดมาทั้งหมด ไม่เป็นความจริง

หลานสาวของเขาจะให้แต่งกับคนขี้ขลาดไม่ได้

“ดี”

อ๋องตวนประคองจนฉูฉลุกขึ้น แล้วพูดว่า “เรื่องวันนี้ ข้าจะ กราบทูลให้เสด็จแม่ทรงทราบถึงเรื่องที่โล่ชวนจวิ้นจี่กระทำ ทั้งหมด……

อ๋องตวนคิดที่จะยกเลิกงานแต่ง แต่ถูกจนฉูฉูขวางไว้: “ท่าน อ๋อง อย่าพูดเหลวไหล พวกเราไปกันเถอะเพคะ”

จนไม่สามารถทำเสียเรื่องของฮั่วไท่เฟยได้ นางไม่อยาก แกว่งเท้าหาเสี้ยน จึงขัดขวางอ๋องตวนแล้วรีบออกจากจวน อ๋องเสียน
อันกั๋วจิ๋วมองทั้งสองคนเดินออกจากประตูไป ก็รู้สึกผิดหวัง

กับจุนฉูฉูผู้นี้เป็นอย่างมาก

นางเองก็เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ คิดไม่ถึงว่าเป็นคนไม่รู้ จักระงับอารมณ์ แล้ววันหน้าจะรับผิดชอบได้กระไร

ตำแหน่งพระชายาอ๋องตวนนี้ สักวันจะต้องเปลี่ยนแปลง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ