คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป

ตอนที่ 178 ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าเป็นสุภาพบุรุษ



ตอนที่ 178 ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าเป็นสุภาพบุรุษ

ร่างกายของชายหนุ่มที่ดูราวกับถูกบีบรัดไปทั่วทั้งตัวค่อยๆ ผ่อนคลายลงภายในอ้อมกอด เธอค่อยๆ ใช้มือที่อ่อนนุ่มลูบ ไปที่หน้าอกตรงหัวใจของเขาอย่างแผ่วเบา วิธีนวดของเธอ ใช้อย่างชำนาญ ซึ่งสามารถควบคุมกำลังได้เป็นอย่างดี ไม่ เบาไม่แรงเกินไป ไม่เร็วและไม่ช้าเกินไปด้วย

เพราะเกรงว่าจะทำให้เขาตื่นตกใจขึ้นอีก แอนน่าจึง คุกเข่าอยู่กับพื้นแข็งๆ ตลอด ไม่รู้ด้วยว่านวดไปนานแค่ไหน แล้ว จนในที่สุดลมหายใจของฝ่ายชายก็ฟื้นฟูกลับมาเป็น ปกติ เธอจึงวางฝ่ามือไปที่หัวใจของเขาเพื่อตรวจสอบอัตรา การเต้นหัวใจ ซึ่งตอนนี้ก็กลับมาปกติแล้ว

เมื่อกี้นี้แทบจะตกใจจนหัวใจหยุดเต้นเลย

“นี่ ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง?” แอนน่าส่งเสียงถามอย่าง แผ่วเบา แต่หลงเชียวกลับไม่ตอบสนอง

“นี่คุณ คุณดีขึ้นหรือยัง? ยังปวดอยู่ไหม?”เธอเปล่งเสียงให้ดังขึ้น แต่เขาก็ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ กลับมา นี่เขาเป็นอะไรไปเนี่ย?

เธอก้มหน้ามองฝ่ายชายที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเธอ พร้อมทั้งปิดตาสนิท เขาคงจะหลับอยู่แน่เลย

แอนน่าขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม นี่เขายังหลับใน สถานการณ์แบบนี้ได้อีกหรือ? ก็เล่นเจ็บเสียขนาดนั้น ดูแล้ว ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่เลยนะ

แอนน่าออกแรงลุกขึ้นยืน พลันเธอก็รู้สึกปวดที่หัวเข่าขึ้น

“กร้อก…” คาดว่ามันคงจะเสื่อมไปแล้วด้วยซ้ำ

“ไม่ใช่หรอกมั้ง? นี่ฉันต้องพาคุณไปที่ชั้นสองอีกหรือเนี่ย? นี่ คุณ คุณรู้ไหมว่าตัวคุณหนักแค่ไหนน่ะ? แล้วฉันจะพาคุณ ลงไปยังไง? ตื่นสิคุณ เอาไว้ลงไปถึงค่อยหลับต่อก็ได้”

แอนน่าพยายามพูดคุยกับเขา แต่การพูดคุยกับคนที่หลับ ไม่ได้สติแบบนี้ มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้

มา
เอาเถอะ ฉันจะอดทนแล้วกัน! ใครใช้ให้เขามาเป็นคน ป่วยกันล่ะเนี่ย?

แอนน่าพยายามทดลองออกแรงใช้ท่าทางต่างๆ อยู่หลาย แบบ จนในที่สุดเธอก็แบกเขาขึ้นหลังแล้วเดินลงชั้นสองไป พอมาถึงเธอก็วางหลงเชียวไว้บนเตียง เป็นเพราะน้ำหนักที่ มาก ทำให้เธอหมอบลงกับเตียงอย่างตัวอ่อนด้วยความ เหนื่อยล้า

ชั่วขณะที่เธอกมหน้าอยู่นั้น หน้าของเธอก็เกือบจะอยู่ชิด ติดกับใบหน้าของหลงเชียวพอดี

ถึงจะดูอาการไม่หนักเท่าไหร่ แต่ลมหายใจของแอนน่า เกือบเหมือนถูกเขาตูดออกไปเสียแล้ว

ช่วงเวลาที่หลงเชียวหลับกับเวลาปกตินั้นไม่เหมือนกัน เขาไม่ได้เย็นชาและเฉียบคม กลับกัน กลับดูน่าสงสาร คิ้ว ของเขาขมวดกันจนเป็นตัวอักษรเลยทีเดียว

ยิ่งพอขมวดกันจนแทบเป็นตัวอักษรแบบนั้น ก็ง่ายที่จะ เกิดรอยย่นเป็นแนวยาวเต็มหว่างคิ้วของเขา

เฮ้อ!
ด้วยความที่แอนน่าเป็นคนใจดีอยู่แล้ว นางจึงใช้นิ้วทั้ง สองนวดลงไปบนขมับและหว่างคิ้วของเขา ซึ่งมันก็ทำให้ อาการขมวดคิ้วของเขาผ่อนคลายลง

เส้นผมหน้าม้าสีดำเข้มถูกปล่อยปรกหน้าผากของเขาครึ่ง หนึ่ง ซึ่งมันทั้งปิดจุดด้อยและเสริมจุดเด่นให้กับดวงตาของ เขามากยิ่งขึ้น ขนตาที่งอนยาว และภายใต้แสงไฟที่สว่าง โชติช่วงนั่น ก็มีแสงที่สะท้อนกับหนังตาของเขาราวกับวาด เป็นลวดลายออกมา

เส้นกล้ามเนื้อต่างๆ บนใบหน้าของเขาก็ดูชัดเจนมากยิ่ง ขึ้น คมจมูกที่สันโด่ง ริมฝีปากเรียวบางที่เม้มกันจนเป็นเส้น ตรง ดูก็รู้ว่าเขากำลังใช้พลังที่มีในการอดกลั้นความเจ็บปวด เอาไว้

ก็ถือว่าพลังความอดทนของชายคนนี้ไม่เลวเลยล่ะนะ หาก ความเจ็บปวดที่ว่าไปอยู่บนร่างกายของคนธรรมดาล่ะก็ คงจะทรมานจนสลบไปตั้งนานแล้ว แต่เขากลับยืนหยัดทน ความเจ็บปวดจนถึงสุดท้ายได้เลยนี่สิ

เฮ้อ แต่ก็เป็นความเข้มแข็งที่น่าสงสารล่ะนะ
หลังจากใช้ทั้งสองมือประคองให้เขานอนอย่างสบาย เธอ ก็รองหมอนให้เขาอีกใบหนึ่งอย่างดี ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุม ตัวเขาเอาไว้เพื่อยืนยันว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว จากนั้นแอน น่าก็ยันเตียงเพื่อลุกขึ้นยืน พลันความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านมาที่ หัวเข่าของเธออีกครั้ง

นี่มันจะซวยอะไรกันนักหนานะ ถึงได้ไปก่อความยุ่งยากให้ กับคนแบบนี้ได้

พอแอนน่ากลับมาถึงห้องนอนของตัวเอง นางก็นอนลงแต่ ก็พลิกไปพลิกมานอนไม่หลับทั้งคืน

ลั่วลั่ว? ผู้หญิงที่เขาตะโกนออกมานั้น เป็นอะไรกับเขากัน แน่นะ? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ผู้หญิงที่กินข้าวด้วยกันหรอกใช่ ใหม?

ผู้ชายเฮงซวย กล้าเหยียบเรือสองแคมหรือไงกัน! หน้าไม่ อาย! หากรู้ก่อนหน้านี้ก็คงไม่ช่วยเอาไว้หรอก!

วันต่อมา ตอนเช้าตรู่

หลงเชียวที่ตื่นขึ้นมาจากฝัน พลางเอามือลูบไปมา พอเห็น ว่าเป็นผ้าห่มเขาก็ตะลึงไปทันที
นี่ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้กันล่ะเนี่ย? แล้วเขาหลับไปได้ยังไง

กัน?

พลันในสมองของเขาก็ราวกับมีแสงฉายขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่เขายังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก นี่เมื่อคืนเซามีใข้หรือ?

เขาเปิดลิ้นชัก แล้วหยิบเอากล่องโลหะออกมา ด้านในมี ยาลูกกลอนที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ดังนั้น แสดงว่าเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้กินยานอนหลับไป แล้วทำไมเขา ถึงหลับกันได้ล่ะ?

หลงเชียวนวดขมับไปมาพลันเขาก็คิดออก เมื่อคืนความ ทรงจำสุดท้ายของเขาหยุดอยู่ที่ห้องกระจกที่ชั้นสาม ไม่สิ น่า จะตอนที่เขาอยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงคนนั้นมากกว่า

ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกันได้ล่ะเนี่ย!

เขาเดินไปเปิดผ้าม่านที่ทำจากแพรขึ้น เมื่อมองออกไปเขา ก็เห็นแอนน่ากำลังวิ่งกลับมา หน้าผากที่ดูสะอาดสุกใสของ เธอมีเหงื่อซึมอยู่เล็กน้อย พร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อดูมี ชีวิตชีวา
พลันหนีเซียวก็ยกมือถือขึ้นโทรไปหาเบอร์ๆ หนึ่ง

* โอ้โห ลมอะไรพัดให้คุณชายหลงโทรหาฉันกันได้ล่ะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นล่ะ? คิดถึงฉันงั้นหรือ?” กู้เยนเซินตอนนี้กำลังอยู่ ที่ประเทศอเมริกา เพื่อมาใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาในช่วงกลาง คืนนั้น เอง

ยิ่งพอได้ยินเสียงเพลงจากดีเจที่ดังทะลุผ่านล่าโพงออกมา ทำให้หลงเชียวรีบยกหูมือถือออกให้ห่างจากตัวเองอย่าง รังเกียจ

“ไปหาที่สงบๆ หน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

น้ำเสียงของเขาดูเคร่งขรึม ราวกับเรื่องที่เป็นทางการ กู้เยนเซ็นพยักหน้า “ได้สิ รอสักนาทีเดียวนะ”

หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเสียงก็เงียบลงได้สักที

“ฉันล้างหูเตรียมพร้อมแล้วล่ะ พูดมาเลย คุณชายหลงที่มี จิตใจนิ่งดั่งน้ำมีเรื่องอะไรจะมาแบ่งปันกับฉันงั้นหรือ?” กู้เยน เซินยืนพิงกำแพงอยู่ที่มุมๆ หนึ่ง พร้อมทั้งเอาหัวพิงกำแพงไว้ ด้านนอกตอนนี้เป็นฤดูที่อุดมสมบูรณ์ ทุกอย่างดูมี สีสันตระการตา ถือได้ว่าเป็นค่ำคืนที่สวยงามของนิวยอร์ค เลยก็ว่าได้

“เมื่อคืนฉันหลับไปนะ..”

แล้วมันหาได้ยากหรือไงกันนะ? คุณชายกู้แสดงออกมา แบบนั้น

“ฉันหลับไป โดยที่ไม่ได้กินยา

“อะไรนะ? เป็นไปไม่ได้สิ! ก็นายกินยานั่นมาเกือบจะสองปี แล้วไม่ใช่หรือไง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ? นายดีขึ้นแล้ว หรือ? แล้วมันมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า? ตอนนี้นายยัง สดชื่นดีอยู่ใช่ไหม?”

กู้เยนเซินถามคำถามรัวเป็นชุด เป็นเพราะเขารู้สึก ประหลาดใจมากเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะถามคำถามเหล่านั้น ไป เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันอยู่

หลงเชียวหันไปมองร่างกายที่วิ่งหายไปด้านนอกหน้าต่าง ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่มีผลข้างเคียงอะไรหรอก แต่ว่า ฉันไม่ได้ กินยา เพราะเมื่อคืนโรคหัวใจกำเริบนะสิ”
ขอเวลาให้คุณชายกู้ได้ปรับตัวกับค่าพูดเมื่อกี้สักสามนาที เพราะตอนนี้เขาตะลึงไปกับคำพูดของหลงเชียวหมดแล้ว แววตาของเขาแทบจะถลนออกมาจนเกือบไปชนกับเสาไฟ และสมองของเขาก็รู้สึกเหมือนกับเอาหัวไปโชกกำแพงยังไง ยังงั้น

หลงเชียวที่ได้ยินเสียงแปลกๆ จากอีกฝ่าย ก็ไม่ใด้รีบร้อน อะไร เขารอให้อีกฝ่ายได้สติกลับมาอย่างเงียบๆ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? นายไม่ได้ถูกผีสิงใช่ไหม? ถ้าไม่งั้น จะได้ลองขอให้นักบวชไม่ก็พระไปดูอาการของนายหน่อยดี ไหม?”

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว พอดีฉันไปเจอหมอคนหนึ่งเข้านะ เธอเป็นผู้หญิง แล้วก็ฟังให้จบก่อนล่ะอย่าเพิ่งพูดขัด เธอมีชื่อ ว่าแอนน่า เธอเพิ่งจะกลับมาจากประเทศอเมริกา อายุ ประมาณยี่สิบกว่าปี สัญชาติอเมริกา เป็นผู้เชี่ยวชาญ ศัลยกรรมหัวใจ แต่ส่วนนี้ไม่สำคัญหรอก ประเด็นก็คือ น้ำ เสียงของเธอ…เหมือนกับของลั่วลั่วเลย”

หา?

หือ?
อะไรนะ?

คุณชายกู้ในตอนนี้พยายามสงบสติอารมณ์ไว้อย่างมาก ไม่ให้ตัวเองหลุดคำหยาบคายอะไรออกไป “แล้วหลังจากนั้น ล่ะ? เธอได้..”

“ไม่หรอก ทั้งหน้าตา นิสัย วิถีชีวิตประจำวัน ไม่เหมือนกัน สักอย่างเลย”

“ไอ้บ้า! แล้วนายจะพูดหาพระแสงอะไรเนี่ย! ฉันตื่นเต้นจน แทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่แล้วนะ…เพราะฉะนั้นแล้วนายจะทำยัง ไงต่อล่ะ? นายรู้สึกอะไรกับเธอบ้างหรือเปล่า?”

หลงเชียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แววตาของเขาเต็มไปด้วย ความเยือกเย็น อีกทั้งยังให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว “ไม่เลย”

หวาดกลัว นอกจากฉู่ลั่วหาน เขาก็แทบจะไม่มีความรู้สึก ใดๆ กับหญิงอื่นอีกเลย

“เฮ้อ…เอาเถอะ นายกับหมอคนนั้น ก็อยู่ด้วยกันมาพัก หนึ่งล่ะนะ ไม่แน่ว่าอาจจะ เอ่อ…เธออาจจะทำให้นายดูสง่า ผ่าเผยขึ้นก็ได้นะ ไม่อย่างนั้นนายกับโม่หรูเฟยคง…คงไม่ อาจอยู่ร่วมสามีภรรยากันตลอดชีวิตก็ได้ใช่ไหมล่ะ? แหะๆ ๆ”
แววตาของหลงเซียวฉายแววความอาฆาตออกมา ก่อนจะ พูดใส่กู้เยนเซินผ่านมือถือไปอย่างแทบจะกินเลือดกินเนื้อ “ไสหัวไปเลย!”

“ตึง!” เขาโยนมือถือทิ้งไว้บนเตียงทันที

ให้ตายสิไหลอย่างกลับปลาไหลเลยเชียวนะ

กู้เยนเซินเองก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนิดๆ ล่ะนะ เขามองไปยัง สายที่ถูกตัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ก่อนจะบ่นพีมพำอย่างเวทนาตัว เอง “ต่อให้พวกพี่คิดจะช่วยนายมากแค่ไหนก็คงจะช่วยไม่ ไหวล่ะนะ เฮ้อ ท่านเชียวนะท่านเซียว ดูเหมือนคนที่คิดว่า นายเป็นดั่งผู้มีอำนาจฟันแทงไม่เข้าแบบนี้ ใครจะไปรู้ความ ขมขึ่นที่อยู่ในใจนายกันล่ะ?”

หลังจากเผยความรู้สึกออกมา กู้เยนเซินก็ไปใช้ชีวิตอย่าง สบายอกสบายใจที่แหล่งรวมหญิงงามทันที

พลันเวลาก็ผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว จนแอนน่าก็อยู่ที่บ้านพัก กับหลงเซียวมาเป็นเวลาสามวันแล้ว

เธอเองก็ไม่เคยถามชื่อ ครอบครัว ฐานะของเขามาก่อน เลย แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่อยากจะรู้เช่นกัน
เขาเองก็ไม่เคยถามเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวหรือฐานะ ของเธอมาก่อนเหมือนกัน เป็นเพราะเรื่องที่เขาอยากจะรู้นั้น ต้องถามจากปากของเขาเอง

เข้าสู่วันที่สาม แอนน่าได้ขอว่าต้องการไปเยี่ยมผู้ช่วย แถมเธอก็ตั้งใจใส่แหวนหมั้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้เขาได้เห็น ว่า ตัวเธอเป็นผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว

“เธอจะไปเยี่ยมพวกเขาหรือ?”

“ใช่ค่ะ ฉันต้องไปยืนยันด้วยตัวเองให้แน่ใจ ว่าพวกเขา ปลอดภัยแล้ว”

“ถ้าเธอไม่ไป พวกเขาจะปลอดภัยกว่านะ หากไปล่ะ ก็…ฉันก็คงรับประกันไม่ได้หรอก”

“ที! นี่คุณดูเหมือนคุณจะทำตัวปลิ้นปล้อนเหลือเกินนะ ฉัน ก็ช่วยปฐมพยาบาลฉุกเฉินไปให้คุณแล้วไง คุณก็ต้องให้ฉัน ไปเยี่ยมพวกเขาเป็นการตอบแทนสิ มาใช้วิธีผิดๆ แบบนี้

ช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลยนะคะ”

แววตาของหลงเชียวตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความเย็นชาแกม หยอกล้อนิดๆ “เมื่อไหร่กันที่ฉันบอกว่าตัวเองเป็นสุภาพบุ รุษน่ะ?”
ไอ้บ้าเอ๊ย!

แอนน่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ การต้องมารับมือกับผู้ชายไร้ ค่าแบบนี้ ถ้าค้นหาในกูเกิ้ลจะเจอวิธีไหมนะ?

“ฉันอยากจะไปหาคู่หมั้นของฉัน ถ้าหากเขาไม่เจอฉันล่ะก็ เขาจะต้องร้อนใจแน่ๆ พอถึงตอนนั้นคุณก็อย่ากลัวว่าจะเกิด เรื่องไม่ดีเอาละกันนะคะ”

หลงเชียวพลิกหนังสือพิมพ์หน้าเศรษฐกิจไป ก่อนจะยกชา ขึ้นจิบ “บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ฉันกลัวหรอกนะ แล้วอีกอย่าง คู่หมั่นของเธอน่ะ จะทำอะไรฉันได้หรือไง?”

ไอ้สารเลว!

“นี่คุณจะให้ฉันออกไปไหมคะเนี่ย?”

จริงๆ แล้วเธอไม่อยากที่จะมาพูดอะไรไร้สาระกับเขาเลย เพราะตอนนี้เธอโกรธจนแทบจะเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว

“ออกไปได้สิ”

“จริงหรือคะ? จะไปที่ไหนก็ได้งั้นหรือคะ?” แอนน่าดูแทบ จะไม่เชื่อราวกับฟังผิดไป
หลังจากทานเชียวอ่านหนังสือพิมพ์จบ เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิง คนนี้พูดไร้สาระมากเกินไป มันน่ารำคาญ เขาจึงไม่ชอบเอา อย่างมาก

” ไข่แล้ว” หลงเชียวลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางอ่อนเพลีย วันนี้ เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เดิมทีเขาก็อยากจะออกไปที่ๆ หนึ่ง แต่เพราะตอนเข้าเขาถูกผู้หญิงคนนี้ส่งเสียงเอะอะโวยวายจน แสบแก้วหู ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่สดชื่นอยู่หน่อยๆ

“ขอยืมรถสักคันสิคะ” เธอเองไม่อยากจะนั่งรถแท็กซี่ไป อีกทั้งในความทรงจำตอนที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกานั้น เธอก็ ไม่เคยนั่งรถแท็กซี่มาก่อนเลย

“รถที่อยู่ในโรงเก็บรถนั้น เธอเลือกได้ตามสบายเลยแล้ว

กัน”

เฮอะ! นี่มันดีสุดๆ ไปเลย!

พลันหลงเชียวกับแอนน่าก็เดินไปที่โรงรถด้วยกัน หลัง จากเปิดประตูไฟฟ้าของโรงรถ ก็เผยให้เห็นโรงรถที่มีขนาด ร้อยกว่าตารางเมตร ราวกับร้านจำหน่ายรถเลยทีเดียว มีรถ หรูเรียงแถวต่อกันที่ละคัน แต่ละคันก็เป็นคันที่มีคุณภาพสูงแต่ละคันก็ดูเป็นคนที่มีเสียด้วย

“เลือกมาสิ กุญแจอยู่ในตู้เซฟนั้นนะ รหัสก็คือหนึ่งศูนย์ สองสาม

แอนน่าใช้สายตากวาดมองรถทั้งหมดอย่างรวดเร็ว พลัน เธอก็ชี้นิ้วไปที่รถคันสีเงิน “เอาคันนี้ล่ะค่ะ”

การออกแบบที่ดูหรูหราและสง่างาม ช่างเหมาะกับผู้หญิง เสียนี่กระไร

แต่ท่านกลับพูดขึ้นว่า “คันนี้ไม่ได้หรอก เลือกคันอื่น

เถอะ

“นี่คุณแกล้งฉันใช่ไหม?”

“เธอจะเอาหรือไม่เอา?”

ต้องอดทนไว้

“เอาคันข้างๆ ก็ได้ค่ะ รถปากานีอะไรนั่น”

“ตกลง หยิบกุญแจเอาเองล่ะ”

จะประสาทกินอยู่แล้ว เขาเป็นคนบอกเองว่าให้เลือกได้ ตามสบาย แต่ดันมีข้อจำกัดมาอีก ไร้เหตุผลจริงๆ!

พลันรถปากานีสีแดงสดก็ส่งเสียงคำราม ออกจากลานบ้านไปอย่างสง่าผ่าเผย อีกทั้งเสียงของรถสปอร์ต

ระดับสูงก็ดังสะท้อนไปไกล

ทั้งดูเท่ มีอำนาจ สง่างามเสียจริง

นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะชอบรถคันนี้เข้า ผู้หญิงคนนี้ ช่างน่า

กวนใจเสียเหลือเกิน

ระหว่างทาง แอนน่าเหยียบคันเร่งจนความเร็วของรถ พุ่ง สูงไปถึงสองร้อยกว่า ซึ่งมันสูงกว่าความเร็วจำกัดมาตรฐาน ของรถทั่วไป ที่ให้วิ่งบนทางหลวงในประเทศแล้ว ที่เธอขับ รถไป ไม่ใช่เพราะขี่เล่นรับลม แต่เป็นเพราะกำลังระบาย ความโกรธอยู่ต่างหาก

แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ เธอเพิ่งจะเร่งความเร็วได้ครู่เดียว แต่รถเฟอรารี่สีแดงที่อยู่ข้างหลัง ก็ตามมาติดๆ

ยิ่งเธอเร่งความเร็วเท่าไหร่ รถด้านหลังก็ยิ่งความเร็วตาม มาเท่านั้น หากเธอขับซ้า ด้านหลังก็ช้าตามไปด้วย ดูแล้ว เหมือนกับพวกที่ทำทำทำทางอยากจะเอาชนะเลยนี่นา

ช่างน่าตลกจริงๆ! คิดไม่ถึงว่าอยากจะแข่งขันกับเธอนะ

เนี่ย
แต่ก็รู้สึกขี้เกียจที่จะเล่นด้วยเหมือนกันแฮะ

แต่ตอนนี้จะเปลี่ยนเลนก็สายไปแล้ว แถมยังไม่มีถนน ทางออกให้ด้วย จึงทำได้เพียงสิ้นเปลืองไปแบบนี้

พลันรถเฟอรารี่คันนั้นก็เหมือนจะอดทนไม่ไหว เขาเพิ่ม ความเร็วพุ่งขึ้นมาอยู่ทางด้านซ้ายของเธอ จนอยู่ติดชิดกับ ตัวรถของเธอเลย

รถยังคงรักษาความเร็วไว้แบบนั้น ก่อนจะค่อยๆ ลด กระจกรถลงมาอย่างช้าๆ พลันก็เผยให้เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ ด้านใน เขาสวมแว่นกันแดดสีดำ ริมฝีปากเผยอขึ้นสามสิบ องศาคล้ายกับกำลังกระเซ้าเย้าแหย่ “โอ้! คิดไม่ถึงเลยว่าจะ เป็นผู้หญิง!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ