คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป

ตอนที่ 105 จุดชนวนวิกฤต



ตอนที่ 105 จุดชนวนวิกฤต

คู่ลั่วหานยกมือขึ้นนวดขมับ วันนี้เธอวุ่นวายสับสนมากเหลือ เกิน ฉันเพียงอยากอยู่เงียบๆ สักพัก “ฉันบอกว่าไม่ต้อง นาย ไม่ต้องมา ฉันจะกลับบ้านเดี่ยวนี้แล้ว”

หลงจื่อเบ้ปากอย่างผิดหวัง ถูกพี่สะใภ้ปฏิเสธจนได้ เสียใจ แต่เธอเท่ออกขนาดนั้น สิ่งที่เธอไม่อยากทำ คนอื่น บังคับยังไงก็ไม่เป็นผล

“ก็ได้ ถ้าพี่อยากดื่มเมื่อไหร่บอกผมได้เลย ผมไล่เพื่อน กลับไป เพื่ออยู่เป็นเพื่อนพี่โดนเฉพาะเลย!”

“นายเที่ยวให้สนุก ไม่ต้องสนใจฉัน” คู่ลั่วหานวางสาย โทรศัพท์ เธอไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลงเชียว แม้แต่ น้องชายของหลงเชียวเอง เธอก็ไม่อยากปริปากพูดกับเขา

นอกจากผับบาร์ที่เสียงดังกึกก้อง ยังมีร้านนั่งชิวอยู่ไม่ไกล นี้ ไม่เสียงดังวุ่นวาย สามารถนั่งพักเงียบๆ ได้สักพัก

ฉู่ลั่วหานจอดรถลงที่โรงจอดรถ สังเกตเห็นร้านนั่งชิวสงบ คนไม่มากนัก สาวเท้าเรียวเดินเข้าไป

จี้ตงหมิงเห็นเธอลงจากรถ เดินเข้าไปยังร้านนั่งชิว จึงเอ่ย ถามขึ้นอย่างหวั่นเกรง “เจ้านาย พวกเราเข้าไปไหมครับ?”

ผ่านมื้อค่ำที่ไม่ค่อยราบรื่นนัก เธอคงไม่อยากพบเจอเขาอีก หลงเชียวเลื่อนกระจกรถลง จ้องมองยังหญิงสาวร่างบาง ในยามค่ำคืน คำถามมากมายในใจ แต่กลับลงไปกอดเธอ ไว้ไม่ได้ “ไม่ต้องหลอก รอที่นี่แหละ”

“ครับ”

น้อยนักที่เขาเห็นเจ้านายเศร้าปานนี้ จี้ตงหมิงได้กลิ่นอาย ความขมขึ้นลอยมาตามอากาศ

ภายในร้านคนไม่มากนัก บางคนนั่งดื่มเหล้าหน้า

เคาน์เตอร์อย่างเดียวดาย บางคนกำลังบ่นกระปอดกระแปด พูดภาษาคนเมา

และใครบางคนที่คุยโทรศัพท์พลางร่ำไห้

ฉู่ลั่วหานเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ ทำการเช็ดเครื่อง สำอางบนใบหน้าออก ฉู่ลั่วหานภายในกระจกเป็นเพียงหญิง สาวธรรมดาใบหน้าสะอาดสะอ้าน

เพียงแต่ดวงตาแดงก่ำจากการร่ำไห้ ใบหน้าที่ไร้เครื่อง สำอางประทินผิว ดวงตาซ้ำบวมอย่างเห็นได้ชัด

เธอเดินกลับเข้าไปในห้องโถง เลือกที่นั่งในมุมหนึ่ง

“คุณชายรองจ้องอะไรอยู่? เห็นผีหรือไง?”

หลงจื่อไม่สนใจคำถามของเพื่อน ดวงตาจ้องตรงไปยังที่

หนึ่ง
อะไรกัน? เธอกลับบ้านแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมมาอยู่ที่นี่ซะ

ได้?

หลงจื้อไตร่ตรองเข้าไปถามให้รู้ เขาจ้องมองออกไปยัง นอกหน้าต่างสังเกตเห็นรถคันหนึ่งจอดรอบริเวณใต้ต้นไม้ นั่นรถพี่ใหญ่นี่นา!

วันนี้เขาไม่ได้ดื่มเหล้าเยอะ ทำไมถึงปรากฏภาพ จินตนาการมหัศจรรย์ได้ พี่สะใภ้ดื่มเหล้าในบาร์คนเดียว พี่ ใหญ่ตอยอารักขาอยู่ด้านนอก อะไรกัน

“พี่สะใภ้!”

หลงจื้อบุกรุกเข้าไปโดยไม่ได้รับการเชื้อเชิญ จับลากเก้าอี้ ออก ต่อหน้าผู้คนแปลกหน้าทั้งหลาย เอื้อมแขนโอบไล่ฉู่ล วหาน ราวเด็กน้อยออดอ้อน

ขณะที่ฉู่ลั่วหานเหม่อลอย “หลงจื้อ? นาย..

ให้ตาย ทำไมถึงมาอยู่ในที่เดียวกันกับเขาได้? หลงจื้อช อบดื่มเหล้าไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมาอยู่ร้านนั่งชิวได้ ที่นี่ไม่เข้า กับนิสัยชอบเที่ยวของเขาอย่างชัดเจน

“ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าประตูบ้านเดียวกัน พี่สะใภ้ พวกเราเป็นคนบ้านเดียวกันจริงๆ ด้วย ทำไมพี่ใหญ่ผมไม่มา ด้วยหละ? รถเขาเหมือนว่าจอดอยู่ด้านนอกนะ”

เขาตามมาอย่างนั้นหรือ?
คู่ลั่วหานเจ็บปวดจนพูดไม่ออก ยกน้ำขึ้นดื่มอย่างอึดอัด

“เขา….”

“อ๋อ พวกพี่ทะเลาะกัน? พี่สะใภ้ สามีภรรยาทะเลาะกัน คืนดีกันบนเตียงทุกราย เดี๋ยวก็คืนดีกันแล้ว ถ้าพี่อารมณ์ไม่ ดี คืนนี้ไปพักผ่อนที่คฤหัสถ์เก่าได้นะ เราไปด้วยกัน!”

ต่อหน้าน้องชายสามี อู่ลั่วหานพูดอะไรมากไม่ได้ “ใช่ ทะเลาะกัน เรื่องของสามีภรรยา เธอไม่ต้องยุ่งจะดีที่สุด ระวัง จะถูกพี่ชายนายเล่นงานเอา”

หลงจื่อหัวเราะสนุกสนานพลางเขี่ยเล่นตุ๊กตุ่นที่ติดตัวมา “พี่สะใภ้ อันที่จริงแล้วพี่ใหญ่ภายนอกดูเย็นชาแต่ภายใน เป็นห่วง เขาเป็นคนดี! อย่ามองว่าเขาเย็นชาเข้มงวดต่อฉัน ที่จริงพี่ใหญ่เป็นห่วงฉันมากนะ ผมออกมาเที่ยว เป็นพี่ใหญ่ที่ จ่ายดังทั้งนั้น”

ภายนอกเย็นชาภายในเขาเป็นห่วง ก็อาจจะ แต่นี่ไม่ เกี่ยวข้องอะไรกับเธอแล้ว

“อย่างนั้น นายเที่ยวต่อเถอะ ฉันกลับบ้านก่อน”

หาความสงบไม่ได้ แถมยังวุ่นวาย ฉู่ลั่วหานหมุนตัวจากไป

หลงจื่อยกยิ้ม “พี่ใหญ่ผมอยู่ข้างนอก พี่จะให้โอกาสเขา หน่อยไหม?”

“เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่ายุ่งหน่า ได้ยินไหม?” คำ สั่ง หานออกคำสั่ง เพื่อให้เขาสงบคำ

หลงจื๋อท่าได้เพียงปิดปากเงียบ เดินกลับไปหาพวกพ้อง

ตนเอง

หลังออกจากร้าน อากาศพลันหนาวเหน็บเล็กน้อย สายลม พัดโบกผมสลวยสยายเงางาม เสื้อผ้าปลิวว่อน คืนนี้เธอสวย มาก ดูไร้เรี่ยวแรง อ่อนปวกเปียกซะจนเขาอยากปกป้องเธอ

ถูกลมหนาวพัดผ่าน สติพลันกลับคืนมา ความจริงที่อยู่ ตรงหน้า คิดไม่ตกเสียที

“หมอ”

เสียงปริศนาดังขึ้นขานเรียกชื่อเธอ ฉ่ลั่วหานสะดุ้งเล็ก น้อยด้วยความตกใจ ค่อยๆ หันกลับไปมองยังต้นตอเสียง

คืนนี้จะเป็นอะไรกันแน่

“ได้ยินเพื่อนบอกคุณอยู่ที่บาร์ ฉันไม่วางใจคุณอยู่คน เดียว เลยมาดูหน่อย”เสียงอันอ่อนโยนของถังจิ้นเหยียนลอย เข้ามา

ฉู่ลั่วหานหม่นหมองใจ จึงเว้นระยะห่าง “ฉันกำลังจะกลับ

บ้าน”

สังเกตเห็นดวงตาที่บวมแดงเล็กน้อย ถังจิ้นเหยียนรู้ได้ ทันทีถึงความไม่ราบรื่นในคืนนี้ “หากเธออนุญาต ฉันจะอยู่ เป็นเพื่อน เธออยู่คนเดียว ง่ายต่อการคิดมาก”
หญิงสาวที่อ่อนแอได้พบเจอกับชายที่อ่อนโยนแข็งแกร่ง หากไม่หวั่นไหว หัวใจไม่เต้นรัว ทางการแพทย์ยังอธิบาย

แต่ขอโทษที ความอ่อนโยนของคุณ ฉันไม่มีบุญวาสนา

พอที่จะเชยชม

ลั่วหานถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ฉันไม่เป็นไร ทุกอย่างมี ทางออก ขอบคุณค่ะรองคณบดี”

ถังจิ้นเหยียนถือวิสาสะจับแขนเธอเอาไว้ เขาวิ่งไล่ตามมา สิ่งที่อยากพูดกับเธอไม่เพียงเท่านี้ เพียงแค่เวลานี้เธอฟังไม่ เข้าหูอย่างชัดเจน “หากเธอเหนื่อย อ่อนล้า มาอยู่ข้างกาย

ผม ผมจะรอคุณ”

ฉู่ลั่วหานดวงตาบวมเบ่ง “ขอบคุณนะคะ แต่ขอโทษฉันทำไม่ได้”

“เจ้านายนายหญิงเธอ”

หลงเซียวเต็มไปด้วยความโกรธ ควบคุมสติตัวเองไม่ให้ ลงจากรถพลุ่งพล่านไปซัดหน้าไอ้ถังจิ้นเหยียน ราวกองไฟ

แผดเผาอยู่กลางอก

“ออกรถ กลับ!”

คู่ลั่วหานกลับถึงคฤหัสถ์เป็นเวลาเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว เธอ เข้าบ้านเปลี่ยนรองเท้า วางกระเป๋าลงก่อนชำระร่างกาย
ไม่หรูเฟยยังไม่เข้านอน เธออยู่ลั่วหานกลับมาอยู่นาน เห็นว่าเธอเข้าไปในห้องน้ำ จึงตบเท้ารีบเร่งเดินลงไปยังขั้น ล่าง เธอไม่เปิดไฟ ยืมแสงไฟจากด้านนอกออกเดินไปสู่ทาง เข้า

หันมองซ้ายขวา ไม่เห็นคนใช้สักคน

จึงรูดซิปกระเป๋าออก เป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้างในมีบัตรสีทอง

ที่ได้จากหยวนชูเฟินอยู่

โม่หรูเฟยยกยิ้มมุมปาก โบกสะบัดบัตรทองอย่างได้ใจ

ได้ความช่วยเหลือจากหยวนซูเฟิน เห็นผลเร็วกว่าเป็น ไหนๆ! หากเธอเอาบัตรทองนี้ให้หลงเชียวดู ฉู่ลั่วหานเธอ เตรียมตัวเฉดหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย

เช้าตรู่ หลังตื่นนอน คู่ลั่วหานพบว่าดวงตาตัวเองบวมเบ่ง

สภาพนี้เธอจะไปทำงานอย่างไร? ต้องถูกหัวเราะเยาะเป็น

แน่!

เธอลื้อลิ้นซัก ที่สุดเจอแว่นวางนอนอยู่ สายตาเธอไม่ได้สั้น มากนัก ไม่ใส่แว่นก็สามารถมองเห็นได้เช่นกัน ดีที่ยังไม่ทิ้ง

กรอบแว่นสีดำบดบังใบหน้าเธอเกือบครึ่ง บตทับสันตั้ง ของเธอ ราวเด็กนักศึกษา

“อ้าว! แต่งตัวแบบนี้! ทำตัวน่าสงสารให้ใครดูจ๊ะ!”
ฉู่ลั่วหานอดหัวเราะเยาะเธอไม่ได้เห็นว่าหลงเชียวไม่อยู่

เธอไม่สนใจเธอ ไม่รับประทานอาหารเช้า พลันเปลี่ยน รองเท้าออกไปทำงาน

เบ่ง! เบ่งไปสิ! วันนี้ฉันจะเตะเธอลงเหวเอง!

คู่ลั่วหานเปิดประตูคฤหัสถ์ จี้ตงหมิงมาเยือนอย่างนั้นหรือ

โน้มตัวอย่างมารยาท “สวัสดีครับนายหญิง”

ฉู่ลั่วหานพยักหน้าตอบรับ

จี้ตงหมิงเข้าบ้าน สองมือวางกุมทับกันข้างหน้า เอ่ยอย่าง นอบน้อม “คุณโม่ คำสั่งเจ้านาย จากนี้ไปคุณห้ามมาเหยียบ

ที่นี่อีก”

อะไรนะ?!

ฉู่ลั่วหานและโม่หรูเฟยต่างนิ่งอึ้ง

หรือว่า….เรื่องเมื่อคืนเขาจริงจังงั้นหรือ? ไม่! ไม่ได้เด็ด

ขาด!

โม่หรูเฟยตะโกนโวยวาย “แกโกหก หลงเชียวจะทำแบบ นั้นได้อย่างไร ฉันจะโทรศัพท์หาเขา ฉันท้องลูกของเขา เขา ทำแบบนี้ไม่ได้!”

“คุณโม่ นี่เป็นคำสั่งเจ้านาย ให้ความร่วมมือด้วยครับ”

จู่ลั่วหานเพ่งพินิจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ภาพของโม่ทรูเฟยที่ถูกนำตัวออกไป สร้างบาดแผลลึกในใจเธอ

เธอหนาวเหน็บจับใจ!

พระเจ้า ปฏิบัติการขับไล่นั่น น่ากลัวเสียจริง! วันนี้เป็นโม่ หรูเฟย พรุ่งนี้อาจเป็น….เธอ!

“ปล่อยฉัน! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ในท้องฉันมีทายาทตระกูล หลง ใครกล้าแตะต้อง!”

โม่หรูเฟยยึดรั้งมือจับประตู ออกแรงสุดตัวกระทั่งสีหน้า ซีดเซียว ฉู่ลั่วหานเห็นภาพตรงหน้าหัวใจบีบรัดแน่น เธอมี ครรภ์ กระทบกระเทือนไม่ได้เด็ดขาด!

“โม่หรูเฟย เธอนั่งลง ระวังเด็กในท้อง”

คำเตือนจากฉู่ ลั่วหาน โม่หรูเฟยยกมือกุมท้องพลาง โอดโอย “ท้องฉัน . โอ้ย! ฉันปวดท้อง!”

ได้ยินเสียงโอดโอยเจ็บท้องของโม่หรูเฟย จี้ดงหมิงออก คำสั่งปล่อยเธอ

โม่หรูเฟยปวดกระทั่งหยาดเหงื่อผุดเต็มใบหน้า นอนราบ กุมท้องบนโซฟาดีดดิ้นไปมา “ช่วยเด็กในท้องฉันด้วย!”

คู่ลั่วหาน โยนกระเป๋าทิ้งวิ่งปรี่เข้าไป “สูดหายใจเข้า ไม่ ต้องเกร็ง ฟังฉัน.

“ออกไป ! เธออยากฆ่าฉันใช่ไหม!”
“ฟังนะ ฉันเป็นหมอ หากเธอไม่ฟังฉันเด็กจะเป็นอันตราย เธอเลือกเอาเอง!”

โม่หรูเฟยถูกกำราบอยู่หมัด ทำตามคำสั่งเธอนิ่งๆ จู่ลั่วหา นหมุนตัวสั่งด้วยเสียงเย็น “นิ่งอยู่ทำไม โทรหาหลงเชียวสิ!”

ความนิ่งเมื่อเผชิญปัญหาของฉู่ลั่วหานทาเอาจี้ตงหมิง

ตะลึง

หลัง20นาทีผ่านไป

หลงเชียวกลับมาอย่างเร่งรีบ ลูกน้องที่จี้ตงหมิงพามาถูก ไล่ออกไปนอกห้องโถง เปิดประตูเข้าไปพลันเห็นฉ่ลั่วหาน ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับโม่หรูเฟย

“ชุนชุน น้ำร้อน”

“โม่หรูเฟย หายใจเข้า….ดีมาก หายใจเข้า”

“หลิงหลิง ขอหมอนให้ฉันใบ”

รองให้ช่วงขาเธอสูงขึ้น เพื่อบรรเทาความเจ็บช่วงเอว

เงาดำยืนหน้าโซฟา เห็นโม่หรูเฟยเจ็บปวดสีหน้าซีดเผือด และฉู่ลั่วหานที่ช่วยรักษาอย่างชำนาญมีอ

พลอยทำให้เขานึกถึงคำของกู้เยนเซิน หญิงสาวผู้มี พรสวรรค์ หมอสาวเหรียญทอง อายุ16สอบเข้ามหาลัย แพทย์
เธอสูดหายใจ เช็ดหยาดเหงื่อบนใบหน้า “โอเค เมื่อครู่ เธอได้รับการกระทบกระเทือนนิดหน่อย ทีหลังต้องระวัง มากกว่านี้ สบายใจได้ เด็กในท้องไม่เป็นไร”

โม่หรูเฟยเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก และเธอไม่คิดขอบคุณ

ด้วย

เพียงแต่ ฉู่ลั่วหานเงยหน้า พบกับหลงเชียวที่ยืนตรงนั้น อย่างเงียบๆ เงาด่าใหญ่บดบังเธอเอาไว้

พลางเก็บกล่องยา เธอก้มหน้าเอ่ย “เมื่อครู่เธอได้รับการก ระทบกระเทือน นายอุ้มเธอขึ้นไปสิ”

พี่เซียว?

โม่หรูเฟยลืมตาขึ้น ใบหน้าขาวซีดเต็มไปด้วยความหวัง “พี่เชียว คุณ..ซี๊ด! พี่กลับมาแล้ว”

ฉู่ลั่วหานจับกดช่วงเอวของเธอเอาไว้ “ฉันบอกแล้ว อย่า ตื่นตัวมากเกินไป!”

โม่หรูเฟยกัดฟันกรอด “เธอเป็นแพทย์ผ่าตัดหัวใจ สูติ นรีเวชเธอจะไปรู้อะไร!”

ไม่รู้อะไรบ้างเลย ไม่รู้หรือแพทย์ฝึกหัดต้องไปทุกแผนก เพื่อศึกษา? เอาเถอะ คนไอคิวต่ำ เธอไม่ถือสา

หลงเชียวจ้องมองไปที่ไม่หรูเฟย ใบหน้าอันคมเข้มแยกไม่ ออกถึงอารมณ์ในขณะนี้ “ฉันส่งเธอขึ้นไป”
คู่ลั่วหานส่งพวกเขาขึ้นไปด้วยสายตา ขาอ่อนล้มพับนั่งลง บนโซฟา คุกเข่าอยู่ครึ่งชั่วโมง เจ็บเข่าไปหมด

เธอมีโรคการประกอบอาชีพจริงด้วยเห็นใครเจ็บป่วยไม่

ได้เลย

แต่กับโม่หรูเฟยนั้นต่างออกไป

เธอทิ้งตัวลงนอน พลางดึงรั้งหลงเชียวเอาไว้

“พี่หลง มีอะไรบางอย่าง ฉันต้องบอกพี่ให้ได้”

เธออตกลั้นความเจ็บ รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี

“มีอะไร พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” หลงเชียวดึงผ้าขึ้นห่อหุ้มกาย เธอเอาไว้ ยันตัวลุกขึ้น

“ไม่ ฉันต้องบอกพี่ตอนนี้ ฉันไม่อยากเห็นพี่ถูกคนอื่น

หลอกเป็นของเล่น”

หลงเชียวขมวดคิ้ว!

ไม่หรูเฟยหยิบบัตรสีทองออกมา “พี่เชียว บัตรใบนี้ ฉัน พบเข้าที่ฉู่ลั่วหานโดยบังเอิญ เธอ…เธอต้องการหย่า เพราะ เธอรับเงินของคุณน้ามา!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ