ตอนที่ 129 ขอบคุณมาก คุณนายหลง
ไปเถอะครับ ไปบอกลากันด้วยดี จบกันอย่างสันติ
ถังจิ้นเหยียนให้กำลังใจเธอ สิ่งใดที่ต้องเผชิญหน้าก็ควรก้าว ออกไป พวกเขาไม่ใช่ทหารหลบหนี
ฉู่ ลั่วหาน วางโทรศัพท์ลงในกระเป๋าขอเธอ เช็ดน้ำตาออกจาก แก้มของ “ไม่ต้องห่วงฉันจะไม่ล้มลงฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก”
ถังจิ้นเหยียนยิ้มอย่างนุ่มนวลและพูดว่า “ผมเชื่อว่าคุณหมอฉู่ ผู้อัจฉริยะคนนี้จะไม่ล้มลงง่ายๆอย่างนี้”
เดิมที่เธอต้องการที่จะออกไปอย่างเงียบ ๆ แต่งานเลี้ยงของ ตระกูลโม่จัดขึ้นตรงจังหวะพอดี เธอคงทำแบบนั้นไม่ได้
“ผมจะพาคุณไปที่นั่นเอง”ถังจิ้นเหยียน ขับรถออกจากสุสาน ไป ที่นี่หารถแท็กซี่ได้ยาก
ฉู่ลั่วหานส่ายหัว” ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปส่งฉันที่โรงพยาบาล เถอะ ฉันจะขับรถไปเอง”
แม้ว่าเวลาจะเสียไปบ้าง แต่เธอก็อยากจะปรากฏตัวต่อหน้า เขาในลักษณะที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เหมือนตัวเอกก้าวออก มาอย่างงดงามเมื่อปิดฉากลง
รถคันสีขาวขับไปด้วยความรวดเร็ว ฉู่ลั่วหานไม่เคยขับรถเร็ว ขนาดนี้ พูดได้เลยว่าความรู้สึกนี้ไม่เลวนัก
ความรู้สึกเหนือความตายเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ
รถคันหรูหยุดลงที่ชั้นล่างในตึก MBK ฉู่ลั่วหาน ปลดเข็มขัด นิรภัยออกก่อนที่เธอจะลงจากรถที่สวยงาม เธอปรากฏออกมา อย่างสง่างามเข้าไปในประตูหมุนของอาคาร
โม่หรูเฟยสวมกระโปรงยาวสีแดงกุหลาบอ่อน เดินพลิ้วไหว สวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ บนใบหน้าแต่งหน้าค่อนข้างหนา เธอถือกระเป๋าถือประดับเพชรในมือ การก้าวอย่างเบาๆของเธอ มีเสน่ห์อย่างไม่อาจบรรยาย ในฐานะสตรีมีครรภ์เธอกล้าใส่ รองเท้าส้นสูงมี 10 เซนติเมตรได้อย่างไม่เกรงกลัว
ข้างหลังเธอมีบอดี้การ์ดสี่คนในชุดเครื่องแบบสีดำและแว่น กันแดด ทุกคนดูแข็งแรงและทรงพลัง แฟน ๆ คลั่งไคล้ที่ พยายามขอรูปถ่ายและลายเซ็น เพราะคนทั่วไปไม่สามารถเข้า มาในพื้นที่สำนักงานMBKได้ แฟนๆ ส่วนใหญ่ที่อยู่ต่อหน้าเธอ คือพนักงานภายในของบริษัทนั่นเอง
ตั้งใจทำขนาดนี้ให้ใครดูกัน?
ฉู่ลั่วหานนั่งอยู่ในรถรอดูสถานการณ์ ท่าทางของโม่หรูเฟย ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง และสิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือโม่หรูเฟยเดิน เข้าไปในรถของหลงเซียว!
รถของหลงเซียวขับออกไปโดยคนขับของเขา นี่มันอะไรกัน?
ฉู่ลั่วหานเต็มไปด้วยความสงสัยดวงตาของเธอหงุดหงิดมาก ขึ้นและการที่โม่หรูเฟยมาหาหลงเซียวในเวลานี้คงไม่พ้นเรื่อง งานเลี้ยงใช่ไหม? ก็จริง ตอนนี้เธอก็ทำตัวเหมือนสะใภ้บ้านตระกูลหลงไปทุกทีๆ ในสถานการณ์แบบนี้เธอคงอยากใช้
โอกาสแสดงความสามารถสักหน่อย
ฉู่ลั่วหานเบ้ปากแล้วโทรหาหลงเชียว
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เขาคงจะวุ่นอยู่แน่ๆ แต่คิดไม่ ถึงว่าเขาจะรับได้รวดเร็วเพียงนี้ “ถึงแล้วเหรอ? ” เขาถามขึ้น อย่างตรงไปตรงมา
คู่ลั่วหานพยักหน้า เธอซื่อบื้อหรือไง เขาจะไปเห็นเหรอ “พึ่งถึง ค่ะ อยู่ที่ตึกทำงาน”
ฝ่ายตรงข้ามนิ่งลงไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร ปลายสายได้ยิน เสียงดังตลอดเวลาเดี่ยวดังเดี๋ยวเบาและมีเสียงกระดาษบินว่อน เสียงของกระดาษที่ดังเข้ามาบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นรีบร้อนเพียง
ใด
เขาทำอะไรอยู่กันแน่นะ?
เธอโทรหาเขาส่วนมากเขาจะปฏิบัติต่อเธออย่างดี ครั้งนี้เธอ จึงไม่ได้โมโหและรอฟังเขาตอบกลับ
ขับรถมาเองเหรอ? ”
%3D ใช่ค่ะ”
รอผม 5 นาทีนะ”
” ได้ค่ะ”
ประโยคสนทนาที่เรียบง่ายขนาดนี้และจบลงในระยะเวลาสั้นๆ สถานการณ์ดูไม่ปกติเท่าไรนัก เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ในขณะนี้ ที่ห้องทำงานของประธานบริษัท
เมื่อสักครู่ที่โม่หรูเฟยมานั้น เหมือนเอาข่าวสารบางอย่างมา ด้วย มันทำให้หลงเซียวไม่พอใจนัก
จี้ตงหมิงถึงถามขึ้นด้วยความระมัดระวังว่า “ท่านประธาน คุณ โม่หมายความว่าอย่างไร? อยากใช้ความร่วมมือมากดดันท่าน อย่างนั้นหรือ? ”
หลงเชียวโยนเอกสารที่โม่หรูเฟยเอามาให้ทิ้งไปและยิ้มอย่าง เยือกเย็นพูดว่า “ใช่ชัดเจนมาก พวกเขาหวังว่าคืนนี้ในงานเลี้ยง ผมจะออกปากยอมรับโม่หรูเฟย ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการ ข่มเหงและเป็นการแสดงให้เห็นว่า คุณไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อลูกสาวแม้จะต้องเสียเงินมากมายก็ตาม”
จี้ตงหมิงเอามือกอดอกแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านประธาน หมายถึงหากเราไม่ทำความร่วมมือนี้ในปีนี้ หุ้นMBKก็คงจะ ตกลงอย่างเห็นได้ชัด และเราไม่มีเหตุผลที่ดีในการอธิบายให้ ประธานกรรมการบริษัทฟังใช่ไหมครับ? II
สิ่งที่ โม่หรูเฟยต้องการก็คือตรงนี้ หลงถึงเขาให้ความสำคัญ กับด้านธุรกิจและผลสำเร็จมาก ส่วนขั้นตอนนั้นเขาไม่สนใจว่าจะ เป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้ หลงเชียว ต่อต้านโดยการแต่งงานกับฉู่ ลั่วหานทำให้เขาเกิดความโมโห หากในครั้งนี้บริษัทต้องล้มลง อีกหลงเซียวก็ลำบากเช่นกัน
แต่หลงเชียวเพียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “หากเขาอยากเล่นผมจะเล่นเป็นเพื่อน เอาของไว้ตรงนั้นแหละ ผมขอลง ไปข้างล่างก่อน”
จี้ตงหมิงก้มหัวลงน้อมรับคำสั่ง “ครับ แต่ว่ารถของท่านเพิ่ง ออกไปส่งคุณหนู โม่เมื่อสักครู่”
” ไม่เป็นไรบอกหยางเซินให้ทีว่าหลังส่งเธอเสร็จแล้ว ให้กลับ มาเปลี่ยนรถอีกคันหนึ่งแล้วไปรับพวกเรา”
รถคันที่โม่หรูเฟยนั่งไปเมื่อสักครู่ หลงเชียวไม่อยากจะนั่งมัน อีกรวมทั้งไม่ยอมให้ฉู่ลั่วหานมานั่งด้วย
ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสูงสง่าสะอาดสะอ้านช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก เดินออกมาจากบันได เมื่อฉู่ลั่วหานเห็นหลงเชียว
เดินมาทางตน ก็อดไม่ได้ที่จ้องมองโดยไม่กะพริบตา
ขณะที่เธอกำลังตกตะลึงนั้นประตูรถถูกเคาะขึ้น เธอลดกระจก ลงจากข้างในแต่ไม่ได้ลงจากรถ “ไปไหน? ”
ไปไหนอย่างนั้นหรือ? เขาควรจะเป็นคนขับรถไม่ใช่หรือไง?
อีกอย่างเธอนั่งอยู่ในที่คนขับและดูเหมือนไม่ได้มีความ ประสงค์จะลงจากรถ “วันนี้คุณนายหลงอยากเป็นคนขับรถงั้นโกรธหายไปในพริบตา เธอไม่รู้จริงๆหรือกำลังแกล้งเขาเล่นกัน
แน่!
“รถของผมถูกคนขับออกไปแล้วก็เลยต้องนั่งรถของคุณนะ” หลงเชียวพูดแต่ยังไม่ขึ้นรถ รอดูท่าทางของฉู่ลั่วหาน
หลังจากเขาให้อภิสิทธิ์แก่เธอเขาก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก
ฉู่ลั่วหานโกรธเล็กน้อยและมองเขา เมื่อสักครู่เขากับ โม่หรูเฟย ทำอะไรกันบ้างไม่ทราบ พอลับตาก็จะมาอยู่กับเธอ ไม่รู้ว่าบน ร่างกายเขายังหลงเหลือกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือ ไม่!
“ขอโทษนะคะคุณหลงเชียว รถของฉันไม่สะดวกเท่าไหร่คุณ เปลี่ยนอีกคันหนึ่งเถอะ”
เหอะๆๆ
หลงเซียวขมวดคิ้วเธอยิ่งวันยิ่งเอาแต่ใจ “อย่าทำเป็นเด็กๆไป ได้น่า พวกเราต้องเตรียมตัวอีกมากก่อนไปงานเลี้ยง ตอนไปนั่ง รถของคุณตอนกลับนั่งรถของผม โอเคไหม?
ท่าทางของฉู่ลั่วหานอ่อนลงเล็กน้อย คำว่าอย่าทำตัวเป็นเด็ก ของเขาทำให้เธอใจอ่อน
เมื่อขึ้นรถหลงเชียวนั่งข้างคนขับ เขามองเธอและพูดด้วย อารมณ์ดีว่า “ชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างของผมอยู่ในมือคุณ แล้ว!
เขานั่งใกล้มาก ใกล้จนเธอได้กลิ่นหอมบนร่างกายของเขา ฉู่ลั่วหานรวบรวมสติของเธอแล้วพูดว่า “ขอโทษทีนะคะ เทคนิคการ ขับรถฉันคงไม่ดีเท่าไหร่”
หลงเซียวพูดกึ่งเล่นว่า “ไม่เป็นไรครับ หากเกิดอุบัติเหตุอย่าง น้อยพวกเราก็ตายด้วยกันเท่านั้นเอง”
ไม่รู้เพราะอะไรเมื่อเขาพูดว่าตายด้วยกัน ภายในใจของเธอ นั้นเหมือนกับมีใครมาบีบเคล้น เธอนั่งนิ่งไม่พูดจา
รถขับออกไปด้วยความเร็วไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป กระทั่ง พวกเขาไปถึงจุดหมาย
ทั้งสองเดินเข้าไปด้วยกันและยื่นบัตรเชิญ ฉู่ลั่วหานขมวดคิ้ว
นี่มันstylist หรือพนักงานต้อนรับกันแน่นะ?
ในที่สุดเค่ยรุ่ยก็ได้พบกับตัวเป็นๆของฉู่ลั่วหาน นับจากที่เธอ ก้าวเข้ามาในประตู เค่ยรุ่ยก็มองเธออย่างไม่ละสายตา
ผิวของเธอช่างดีเสียจริง เค่ยรุ่ยเองที่เคยเห็นดารามานับไม่ ถ้วนยังต้องเอ่ยชม “คุณนายหลงช่างดูแลผิวพรรณได้ดีเหลือเกิน ฉันเจอผู้คนมามากมาย คุณคืออย่างนี้เลย”
เธอยกนิ้วโป้งให้กับฉู่ลั่วหานเป็นความหมายว่าชื่นชม
เมื่อผู้หญิงของเขาได้รับคำชมหลงเชียวก็ยืดอกแล้วอมยิ้ม ฉู่ลั่ วหานมีผิวพรรณที่ดีมากจริงๆ นุ่มนิ่มเหมือนผิวทารกไม่มีรอยจุด ด่างดำใดๆ
เพียงแต่ว่า เขานั้นไม่ได้สัมผัสมันมานานแล้ว
หลงเซียวไม่ได้เขินอายจนเกินไป เธอตอบกลับว่า “ขอบคุณ
ค่ะ”
เค่ยรุ่ยบอกว่า” โอเค งั้นเชิญทั้งสองท่าน เราจะเริ่มกันเลยนะ
คะ”
งานเลี้ยงในวันนี้ เป็นงานเลี้ยงรวมตัวของบรรดาผู้มีอำนาจ ในวงการต่างๆ ดังนั้นการแต่งกายจะให้ผิดพลาดไม่ได้เลย แม้แต่น้อย
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงหลงเซียวก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย
เค่ยรุ่ยเอามือกุมปากตัวเองแล้วพูดว่า “พระเจ้า ฉันไม่อยาก เชื่อเลยจริงๆ คุณหลงเชียวคุณหล่อได้กระชากใจมาก! ”
ร่างกายสูงใหญ่ใส่ชุดสีน้ำเงินเข้ม ประดับด้วยกระดุมสีทอง ทั้งสองข้าง ทำให้รูปร่างเขาดูสูงใหญ่กว่าเดิม เสื้อข้างในสีขาว และผูกเนกไทด้วยสีที่เข้ากัน
ผมดำขลับนั้นถูกจัดแต่งอย่างเรียบร้อยให้เห็นหน้าผาก เปิด เผยฮวงจุ้ยและดูมีพลัง
หลงเชียวนำมือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เพียงแค่การกระทำนี้ ก็ทำให้คนทั้งหลายใจละลายได้!
ส่วนฉู่ลั่วหานนั้นต้องแต่งรายละเอียดมากกว่าเขา เธอจึงช้า กว่าสิบนาที
เมื่อหลงเชียวหันกลับมามองกระจก ฉู่ลั่วหานอยู่ข้างหลังของ เขา ทรงผมเธอเพียงแค่นำกิ๊ฟมาประดับบนผมอย่างเรียบง่ายแต่ช่างงดงามยิ่งนักจนเขาแทบหยุดหายใจ!
ผู้หญิงรูปร่างผอมบางใส่ชุดสีแดงยาวสง่าปกคลุมลงไปที่หัว เข่าเป็นทรงใบบัว เผยให้เห็นขาเรียวงามและประดับด้วย รองเท้าส้นสูงติดเพชรแวววาว
เพียงแต่งหน้าเล็กน้อยก็ทำให้ผู้หญิงคนนี้สวยมาก จนสุดจะ
บรรยาย
เค่ยรุ่ยเอามืออุดปากอย่างตกตะลึง “โอ้พระเจ้า! คุณชาย เชียว คุณช่วยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ฉันได้ไหม ขอร้องล่ะเป็น พรีเซ็นเตอร์ให้ฉัน อ้อ ถ่ายรูปกับฉันก็ได้นะคะ!
หลงเชียวไม่สนใจเธอ เขาเดินมาอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ ปาก เรียวแดงของเขายิ้มขึ้นเขาไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่นัก เมื่อเขายิ้มขึ้น มันทำให้เธอแทบละลาย
“สวยมากเลยครับ” เขาชมด้วยความจริงใจ
เมื่อฉ่ลั่วหานเห็นเขา เธอเองก็ตกใจเล็กน้อย “คุณ…! ” “ผมรู้ว่าวันนี้ผมหล่อมาก” หลงเชียวแย่งคำพูดของเธอไป ฉู่ลั่วหานพูดว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง”
หลงเชียวส่ายหัว “ไม่ใช่ นั่นมันเป็นเพราะคนที่ยืนอยู่เคียงข้าง ผมคือคุณ ผมใช้ออร่าจากคุณมาประดับให้ตัวผมดูดีขึ้นต่าง หาก”
หา..
คำชมนี้ช่างน่ายกย่องจริงๆ
เขายื่นแขนไปให้เธอ เธอควงแขนของเขา ทั้งสองคนเดินมา ออกจากห้องแต่งตัวและเห็นรถสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตู
ช่างเป็นรถที่สวยงามดูดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา บ่งบอกได้ ว่าเจ้าของรถคันนี้มีอำนาจและรสนิยมดีเพียงใด
หลงเชียวพูดว่า “ตอนมานั่งรถของคุณ ตอนนี้ขอให้ผมไปส่ง คุณนะ คุณนายหลง เชิญขึ้นรถได้เลยครับ”
ท่าทางที่เต็มไปด้วยสง่าราศีของเขาก้มตัวลงและยื่นมือมามัน ทำให้เธอชื่นชมในตัวเขายิ่งนัก
เหตุใดเธอจึงไม่มีแรงต่อสู้เขาเสียที ทุกครั้งจะกลายเป็นว่า โดนเขาเอาชนะไปได้!
จี้ตงหมิงและหลงเชียวมองหน้ากันโดยไม่ได้พูดอะไร หมายความว่าสิ่งทุกอย่างที่เตรียมไว้ในวันนี้ครบหมดแล้ว รอ เพียงกลางคืนเมื่อถึงเวลาเท่านั้น
คู่ลั่วหานนั่งอยู่ข้างกายเขา เบาะเก้าอี้ใหญ่โต แต่ทั้งสองนั้น กลับนั่งเบียดชิดกัน ฉู่ลั่วหานมีที่นั่งเพียงนิดเดียว
หลงเชียวกระแอมอยู่ในลำคอจากนั้นก็เบียดเข้าไปข้างกาย เธอยื่นมือออกไปที่ผมเธอแล้วพูดว่า “มีผมร่วงลงมาน่ะ”
ฉู่ลั่วหาน “.! ”
เมื่อนั่งอยู่ติดกับเขา เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจเขา โอบล้อมเธอไว้อย่างอบอุ่น
มือของเขาค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาและจับมืออันเล็กของเธอไว้ นิ้ว มือของเธอมีความเย็นเล็กน้อยดั่งก้อนน้ำแข็ง เรียวยาวนุ่มลื่น เหมือนกับหยก
“ขอบคุณมากนะครับที่ยินยอมไปเป็นเพื่อนผม คุณนายหลง”
หรือ? ”
“คุณจะนั่งรถคันเดียวกับฉันเหรอ หลงเชียว? “ฉู่ลั่วหานถาม
หลงเชียวถูกเธอถามกลับเช่นนี้ก็หัวเราะ เมื่อสักครู่อารมณ์ ผู้๘ ญ
๕ขึ้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ