เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก...

บทที่ 71 ทำไมคุณถึงไม่เปิดโปงฉัน



บทที่ 71 ทำไมคุณถึงไม่เปิดโปงฉัน

บทที่ 71 ทำไมคุณถึงไม่เปิดโปงฉัน

เย่หลิ่นหานนิ่งไปครู่หนึ่ง ประเดี๋ยวเดียวก็ยิ้มออกมา อย่างช่วยไม่ได้

“โม่เซินนี่นายกำลังโทษพี่ใหญ่ที่ให้คุณปู่ไปเป็นผู้ใหญ่ สู่ของานแต่งของนายเหรอ?”

อะไรนะ? เสิ่นเฉียวตกใจมาก งานแต่งงานของเจโม เซิ่น เย่หลิ่นหานไปเป็นผู้ใหญ่สู่ขอให้?

เยโม่เซินยิ้มเยาะ แล้วไม่ได้ตอบอะไรอีก

“นายก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว อีกอย่างนายยังมีอาการบาดเจ็บ ที่ขา ควรหาคนดูแล เรื่องลูกสาวตระกูลเสิ่นฉันเข้าใจ อย่างแจ่มแจ้งมาก่อน

ดังนั้นที่พี่ใหญ่ให้คุณปู่ไปเป็นผู้ใหญ่สู่ขอให้งานแต่ง นาย นายก็น่าจะเข้าใจความหวังดีของพี่ใหญ่”
ในตอนแรกเสิ่นเฉียวเพียงแค่รู้สึกประหลาดใจ

กับการแต่งงานของเย่โม่เซิน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเย่หลี่ นหานจะเป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอให้

หลังจากได้ยินแล้วใบหน้าของเสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนไป ทันที และเธอก็มองเย่หลิ่นหานด้วยจิตใต้สำนึก

เขาเคยสืบเกี่ยวกับลูกสาวตระกูลเสิ่นหรือไม่? นี่ไม่ได้ หมายความว่า เขารู้แล้วว่าเธอไม่ใช่เสิ่นเฉียว?

เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว เสิ่นเฉียวก็จำได้ว่าเมื่อพูดคุยกับ เขาก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะตะโกนชื่อของตัวเธอ ออกมา!

ในเวลานั้นเสิ่นเฉียวไม่ได้สังเกต เพราะเธอถูกเรียกว่า เสิ่นเฉียวจนชินแล้วดังนั้น

เมื่อคิดอย่างนี้ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกตกใจเหงื่อเย็นจัดก็ไหล

ออกมา

เธอมองชายผู้มีรอยยิ้มอันอ่อนโยนและดวงตาอันอบอุ่นนั่งตรงข้าม เขารู้จักตัวตนของเธอมานานแล้ว แต่ เขาไม่เคยเปิดโปงเธอเลย และต่อหน้าเขายังสามารถ พูดคุยสนุกสนานกับเธอได้อีกด้วย

ผู้ชายแบบนี้….ผู้ชายแบบนี้..

ยิ่งคิดว่าเสิ่นเฉียวหลังของเธอเย็นยะเยือก และหน้า ผากของเธอก็มีเหงื่อไหลซึมออกมา

“น้องสะใภ้เกิดอะไรขึ้น?” เขาสังเกตเห็นสายตาของ เธอ เมื่อเธอเห็นว่าใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นซีดเผือด และหน้าผากของเธอก็มีเหงื่อซึมออกมา เขาขมวดคิ้ว แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า “ทำไม่จู่ๆสีหน้าก็ไม่สู้ดี ไม่ใช่ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

ดวงตาของเขายังคงอ่อนโยนและเสียงของเขาก็เบา เหมือนสายลม

แต่ผู้ชายแบบนี้..

เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่าง เธอรู้สึกเย็นไปทั่วร่าง
เยโม่เซินก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเธอ เขาขมวดคิ้ว โดยไม่รู้ตัว “หญิงแต่งงานครั้งที่สอง คุณเป็นอะไร ไป?”

ริมฝีปากของเสิ่นเฉียวขยับไปมา เธอตัวสั่นตอบกลับไป

ว่า “ไม่ ไม่มีอะไร”

“ไม่มีอะไร แล้วทำไมคุณเหงื่อออกมากขนาดนี้?” เย่ โม่เซินจ้องที่เธออย่างไม่พอใจ ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนี้ เคยชินกับการโกหกแล้วเหรอ หรือเธอคิดว่าเขาเป็น คนตาบอด เรื่องต่างๆก็ชัดอยู่ตรงหน้าเธอยังจะมาเถียง ข้างๆคๆอีก

เมื่อได้ยินเสิ่นเฉียวก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากอ ย่างไม่รู้ตัว มือของเธอสั่นเล็กน้อย “จู่ๆก็รู้สึกไม่ค่อย สบายท้อง”

“เฉียวเฉียว

ไม่เ เอะไร

หานเส่โยว

เห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ดี จึงลุกขึ้นถามเธอด้วยความกังวล

ทุกคนมองเธอ ทำให้เสิ่นเฉียวยิ่งกดดันขึ้น

เธอกัดริมฝีปากล่างของเธอในทันที

“ฉันแค่….รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย ไม่อย่างนั้น ฉันขอตัว กลับก่อน”

หลังจากพูดจบเสิ่นเฉียวแทบจะลุกขึ้นยืนทันทีโดยไม่รู้ ตัว แล้วก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรมาก สายตาของทุก คนก็มองข้างหลังเธออย่างสงสัย

หลังจากก้าวไปได้สองก้าว เสิ่นเฉียวก็หยุดกะทันหัน แล้วมองกลับไปที่หานเสโยว

หานเส่โยวกำลังจะยืนขึ้น แต่เย่โม่เซินกลับเลื่อนรถเข็น มาข้างหน้า “ในเมื่อภรรยาของผมไม่สบาย ถ้าอย่างนั้น แล้วต้องรบกวนพี่ใหญ่ต้อนรับคุณหนูหานด้วย”

หานเส่โยวหยุดอยู่กับที่
เย่หลิ่นหานยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่มีปัญหา ถ้าอย่างนั้น โม่เซินไปส่งน้องสะใภ้กลับก่อนเถอะ น้องสะใภ้ พวกเธอ เดินทางระวังๆ”

“ได้ค่ะ ได้.. เสิ่นเฉียวรับปากอย่างตะกุกตะกัก หลัง จากนั้นเธอก็มองไปที่หานเสี่ยวอย่างไม่สบายใจ หาน เส่โยวแต่แรกอารมณ์ไม่ดี แต่ยังโบกมือให้เธอ “ไม่ เป็นไร คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉัน พวกคุณกลับไป ก่อนเถอะ”

“อืม”

หลังจากออกมาแล้ว เสิ่นเฉียวเดินไปข้างหน้า ขณะที่ เธอกำลังจะลงบันได เยโม่เซินเรียกเธอให้หยุด “หญิง แต่งงานครั้งที่สอง”

เมื่อได้ยิน เสิ่นเฉียวก็หยุดเดินแล้วหันกลับมามองเขา

อย่างงงงวย

“มานี่สิ”

เสิ่นเฉียวเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟังเหมือนตุ๊กตาหุ่นกระบอก “มีเรื่องอะไรเหรอ”

เย่โม่เซินต้องระงับความโกรธของเขา “ข้างหน้าเป็น

บันได”

เมื่อได้ยิน เสิ่นเฉียวก็หันหลังกลับไปมองเขาและ “ฉันรู้ มีปัญหาอะไรเหรอ”

“มีปัญหาอะไร? ใช่ จะมีปัญหาอะไร? เยโม่เซ็นยิ้มเยาะ “ผมไม่รู้ว่าภรรยาของผมอยากจะฆ่าผมจริงๆไหม? หึม?”

“เสิ่นเฉียวถึงตอบสนองกลับมา บันไดด้านหน้าไม่ ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอ แต่เยโม่เซินได้รับบาดเจ็บเขา นั่งอยู่บนรถเข็นไม่สามารถลงจากบันไดได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้เสิ่นเฉียวถึงขึ้นมาเข็นรถเข็นเขา “ฉัน ขอโทษฉันกำลังคิดถึงเรื่องต่างๆอยู่ ดังนั้นฉันเลยลืมไป พวกเราไปที่ลิฟต์ทางนั้นกันเถอะ”

เสิ่นเฉียวเข็นเย่โม่เซินไปทางลิฟต์ นิ้วที่สั่นก่อนหน้านี้ ดีขึ้นเล็กน้อย ด้านนอกอากาศสดชื่น อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันกับเย่หลิ่นหานทำให้เสิ่นเฉียวรู้สึกกดดัน

อย่างมาก

จ่าเธอรู้สึกว่าเย่หลิ่นหานภายนอกอาจดูอ่อนโยน แต่ ตัวตนที่แท้จริงนั้น…

ไม่กล้าที่จะจินตนาการ

“เมื่อครู่คุณจะพูดอะไรก็หยุดพูด ตกใจกลัวจนตัวสั่น เจอเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดเหรอ?” เสิ่นเฉียวเกี่ยวกับเรื่อง นี้

จ่าเย่โม่เซินที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ถามขึ้นอย่างเย็นชา

“ไม่ ไม่มีอะไรแล้ว” เส้นเฉียวส่ายหัวของเธอ “เมื่อครู่ ฉันรู้สึกอึดอัดท้อง แต่ตอนนี้ ดีขึ้นมากแล้ว”

เธอไม่คิดจะบอกเย่โม่เซินเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดนี้ อย่างไรเสียนิสัยของเยโม่เซินก็เหมือนกับระเบิดเวลา บอกกำเริบก็กำเริบ พูดไปแล้วก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิด อะไรขึ้นกับเขา
เส้่นเฉียวกำลังคิดถ้าเย่หลิ่นหานรู้จักตัวตนที่แท้จริง ของเธอทำไมถึงไม่บอกนายท่านเยล่ะ?

ตามหลักการแล้ว เขากับนายท่านควรจะอยู่ฝ่าย เดียวกัน

เช่หลิ่นหานเป็นมิตรหรือศัตรู?

ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้วิธีที่จะซ่อนความรู้สึกของตัว เอง ยังเปิดเผยทั้งหมดที่ต่อหน้าคนนอก นึกไม่ถึงยัง พยายามที่จะโกหกอีก?”

เสียงเยาะเย้ยของเยโม่เซินดังขึ้นมา ทำให้สีหน้าของ เสิ่นเฉียวเปลี่ยนไป แต่เธอก็ยังคงกัดฟันแน่น

ติง-

ลิฟต์มาถึงแล้วเส้นเฉียวก็เป็นเย่โม่เซินเขาไป

ในพื้นที่เล็กๆ มีเพียงคนสองคน ลมหายใจของเสิ่น เฉียวไม่มั่นคง และในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ตอนแรก ทำไมคุณถึงคิดจะสืบเรื่องเสิ่นโย่ว?”
เมื่อได้ยิน เยโม่เซินไม่สามารถปริปากพูดอะไรได้

“เพิ่งจะแค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วเหรอ?”

คิดว่าเธอจะมีดี

เสิ่นเฉียวขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่าอะไร?”

“กลัวคนอื่นจะรู้ว่าตัวตนของคุณว่าเป็นใคร?”

เสิ่นเฉียว กำหมันแน่น เขาเคยสืบเรื่อง เสิ่นโย่วหลัง จากที่เธอแต่งงานเข้ามาตั้งแต่แรกเขาก็รู้เธอไม่ใช่เสิ่น โย่วแล้ว เย่หลิ่นหาน บอกว่าเขาได้สืบมาแล้วเช่นกัน

ซึ่งก็หมายความว่าเขาก็รู้

จะดูยังไง เย่หลิ่นหานก็ดูไม่ใช่คนโง่

ถ้าอย่างนั้น…. เขาตั้งใจเปิดเผยข้อมูลนี้ต่อ เสิ่นเฉียว หรือไม่?

“พี่ใหญ่พูดก่อนหน้านี้ว่า ก่อนงานแต่งเขาได้ตรวจสอบ ข้อมูลของเส้นโย่วถ้าอย่างนั้นเขา ….”
“อ่าง” เยโม่เซินเย้ยหยันออกมา “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามัน สายเกินไปแล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ เสิ่นเฉียวก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตา เสียง สูงขึ้นเล็กน้อย

“เย่โม่เซินคุณรู้ตั้งนานแล้วว่าพี่ใหญ่รั้ว่าฉันไม่ใช่เสิ่น

โย่ว?”

“ไม่อย่างนั้นล่ะ?”

“นั่น แล้วทำไมเขาไม่เปิดเผยฉัน?” เสิ่นเฉียวกัดริม ฝีปากล่างของเธออย่างไม่น่าเชื่อ เย่โม่เซินรู้ว่าหลังจาก นี้จะปล่อยให้เธอออกไป แต่เย่หลิ่นหานไม่ใช่ เขายัง เรียกเธอว่าน้องสะใภ้ตามปกติและลูบหัวเธออย่างใกล้

ชิด พูดกับเธอด้วยคำพูดที่อบอุ่น

เรื่องนี้ที่แท้…เป็นอย่างไรกันแน่?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ