เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก...

บทที154 วางแผนใส่ร้าย



บทที่154 วางแผนใส่ร้าย

จริงๆแล้วความสามารถในการทำงานของเสิ่นเฉียวนั้นดีมาก อีกทั้ง ก่อนหน้านี้เธอมีประสบการณ์มาก่อน ดังนั้นการจัดการกับเอกสาร เหล่านี้ถือได้ว่าเป็นงานถนัด เพียงแต่ว่าลูกน้องคนอื่นไม่รู้ว่าแต่ก่อน เธอเคยทำงานอะไรมาก่อน อีกทั้งไม่รู้ว่าตอนที่เธออยู่เคียงข้างเย่โม่ เซิน เธอก็สามารถตามฝีเท้าของเย่โม่เซินได้ทัน

ทุกคนมองเห็นแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอ ต่างรู้สึกว่าเสิ่นเฉียว

คือผู้หญิงที่ใช้เรื่องบนเตียงหรือวิธีการอื่นๆเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง งานนั้น

ตอนนี้ท่านประธานเกลียดเธอแล้ว ดังนั้นจึงลดตำแหน่งของเธอ ทันที

ในครั้งนี้หัวหน้ามอบเอกสารเหล่านั้นให้เธอจัดการ เดิมทีคือตั้งใจ จะทําให้เธอรู้สึกนําบากใจ ดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกมีความสุขบนความ ทุกข์ของเธอ อยากจะเห็นเด็กใหม่ที่พึ่งโดนลดตำแหน่งมาโดนผู้อื่น สรรหาวิธีกลั่นแกล้งให้พบเจอแต่ปัญหา ถึงตอนนั้นก็สามารถขึ้นไป ฟ้องคุณชายเย่ ไม่แน่อาจจะสามารถไล่เธอออกไปจากบริษัทตระกูล เย่ก็ได้

เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที ตั้งแต่ที่เสิ่นเฉียวถือเอกสารกลับ มาเธอเริ่มตั้งใจจัดการกับเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานตลอดเวลา ไม่ สนใจว่าคนที่อยู่ด้านหลังจะพูดอะไร คนอื่นๆเห็นว่าเธอสามารถนั่งนิ่งอยู่กับที่โดยที่ไม่สะทกสะท้านอะไร พวกเขาก็เริ่มอยู่ไม่สุข ต่างก็เริ่มพูดจาฉีกหน้าเธอ

“อะไรกัน วางมาดอย่างกับอะไร เธอคงไม่คิดจริงๆว่าตัวเองจะ สามารถจัดการกับเอกสารทั้งหมดให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงได้ใช่ มั้ย?”

“จุ๊จุ๊ อีกสักพักเอกสารเหล่านี้ต้องใช้ในที่ประชุม ถึงตอนนั้นถ้ามี ปัญหาอะไรขึ้นมาเธอคงจะน่าดูเลยทีเดียว ตอนนี้จะวางมาดนิ่งแค่ ไหน อีกสักพักได้คุกเข่าอ้อนวอนแน่!”

“ทําไมเธอไม่ขยับตัวเลย? คิดว่าตัวเองจริงจังแล้วจะทำได้หรอ?”

“ยังเหลืออีกสิบนาทีก็จะครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว เห้ย เด็กใหม่….ตอนนี้ คุณจะอ้อนวอนขอร้องก็ยังทันนะ!”

เสิ่นเฉียวไม่สนใจพวกเธอ แค่พอนั่งนานๆเธอก็เริ่มรู้สึกปวดฉี่ขึ้น มา เธอเหลือบไปมองคอมพิวเตอร์ อีกนิดเดียวก็จะทำเสร็จแล้ว เงิน เฉียวใช้เวลาห้านาทีสุดท้ายจัดการเอกสารจนเสร็จเรียบร้อย

ตอนที่เธอทําเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสิ่นเฉียวเห็นว่ายังมีเวลา ดังนั้นจึง เดินไปเข้าห้องน้ำ

เมื่อเธอเดินออกไป กลุ่มคนที่อยู่ด้านข้างก็พุ่งตัวเข้ามาดู

“ดูเหมือนว่าเธอจะทำเสร็จหมดแล้ว” ชุยหมิ่นลี่ผู้หญิงหนึ่งในนั้น พุ่งขึ้นมาด้านหน้าเพื่อกวาดตาดู เธอเห็นว่าเอกสารด้านในทำเสร็จ เรียบร้อยเป็นอย่างมาก

“เป็นไปได้ยังไง?” กาวหยุนเบิกตาโต จากนั้นจ้องมองเอกสารตรง หน้าที่ถูกจัดการเรียบร้อยเหล่านั้นอย่างไม่น่าเชื่อ “เธอทำอะไรไม่ เป็นไม่ใช่หรอ? เธอจะจัดการรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน? ใช้เวลาไม่ ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ!

ชุยหมิ่นลี่กัดริมฝีปากล่าง “แต่กาวหยุน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าเธอ จัดการเสร็จหมดแล้ว ทำยังไงกันดี? จะให้เธอมาที่แผนกของพวกเรา วันแรกแล้วแสดงผลงานชิ้นโบว์แดงเลยหรอ?”

“ฝันไปเถอะ!” กาวหยุนหัวเราะอย่างเย็นชาหนึ่งที “พี่เฉียงเวยบอก มาแล้วให้พวกเราต้อนรับเด็กใหม่คนนี้ดีดี เธออยากจะรอดไปแบบนี้ ไม่มีทางหรอก”

“ งั้น พวกเราทำยังไงดี?” ชุยหมิ่นลี่ถามด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

กาวหยุนยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา

เสิ่นเฉียวไปเข้าห้องน้ำมา เมื่อกลับมานั่งอยู่บนที่นั่งของเธอแล้ว สีหน้าเธอแลดูขาวซีดเล็กน้อย

ถึงแม้เธอจะกินยาเป็นเวลาทุกวัน แต่บางทีท้องไส้ของเธอก็ไม่ค่อย ดี อาจจะเกี่ยวข้องกับสภาพอารมณ์ของเธอ เพื่อลูกแล้วเธอจะต้อง ปรับสภาพอารมณ์ให้ดี เสิ่นเฉียวกำลังเตรียมที่จะปริ้นเอกสารออกมา แต่เธอกลับพบว่า หน้าจอของคอมพิวเตอร์ดำมืดทั้งจอ

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอออกแรงคลิกเมาท์หลายที หน้าจอ

ก็ยังคงดำสนิท

ดูเหมือนว่าจะถูกปิดเครื่องไปซะแล้ว———

เสิ่นเฉียวกดปุ่มเปิดเครื่องใหม่ หน้าจอจึงค่อยๆสว่างขึ้นมา หลังจาก ที่เธอรอด้วยความตื่นเต้นประมาณหนึ่งนาทีแล้ว คอมพิวเตอร์ก็ถูก เปิดเพื่อใช้งานได้ใหม่ เธอคลิกไปที่หน้าในเมื่อสักครู่นี้พบว่าเอกสาร ที่ตัวเองจัดการเสร็จโดนคนอื่นลบไปหมดแล้ว

“ฮ่าฮ่า~” ด้านข้างของเธอมีเสียงหัวเราะเยาะขึ้นมา เสิ่นเฉียวหัน หน้าไปมอง เธอเห็นว่าชุยหมิ่นลี่และกาวหยุนกำลังหัวเราะอย่างมี ความสุขเมื่อเห็นว่าเธอกำลังเป็นทุกข์ เมื่อเห็นว่าเธอหันหน้าไปมอง พวกเธอสองคนก็จ้องมองเธอด้วยสายตาที่ดูหยิ่งผยอง ราวกับว่าไม่ ได้กังวลเลยสักนิดว่าเธอจะรู้ความจริงว่าพวกเธอเป็นคนทำ

เสิ่นเฉียวขมวดคิ้วแน่น จากนั้นลุกขึ้นมายืน “คือพวกคุณใช่มั้ยที่เป็น คนปิดคอมของฉัน?”

เมื่อพูดจบ กาวหยุนลุกขึ้นมายืนแล้วจ้องหน้าเสิ่นเฉียว เธอกอดอก แล้วพูดด้วยสีหน้าที่หยิ่งผยอง “คุณมีหลักฐานอะไรที่จะยืนยันว่าพวก เราเป็นคนปิดคอม? ตำแหน่งที่คุณนั่งไม่มีคนนั่งมาตั้งนานแล้ว เปิด คอมใช้งานยังซ้าขนาดนั้น อีกอย่างมีปัญหาบ่อยๆ คุณเองทำเอกสาร เสร็จไม่รู้จักบันทึกงานเองแล้วคุณจะไปโทษ ใคร?”

“ใครบอกว่าฉันไม่ได้บันทึก คือพวกคุณลบมันทิ้งต่างหาก” เสิ่น เฉียวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“หึหึ งั้นขอถามว่าดวงตาดวงไหนของคุณที่มองเห็นว่าพวกเราเป็น คนลบ? คอมมีปัญหาตัวเองปิดคอม ก็อาจจะเป็นไปได้ที่เอกสารจะมี ปัญหาแล้วหายไป ทำไมถึงโยงมาถึงหัวของพวกเราล่ะ เด็กใหม่ ตัว คุณเองที่ทํางานไม่สําเร็จแล้วโบ้ยปัญหาให้กับคนอื่นไปเรื่อยมันไม่โอ เคเลยนะ”

ซุยหมิ่นสี่ก็ลุกขึ้นมายืนตาม จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน “จริงๆเลย ความสามารถในการทำงานของตัวเองไม่ดีก็โบ้ยมาให้ คนอื่น ไม่น่าล่ะทำไมถึงโดนลดตำแหน่ง? อย่าบอกนะว่าทุกครั้งที่ หัวหน้าสั่งงานอะไรให้คุณ พอทำไม่สำเร็จก็โบ้ยความผิดไปให้คนอื่น น่ะ? ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ฉันว่าจะช้าหรือเร็วคุณก็ต้องโดนถีบออกจาก บริษัทตระกูลเย่อยู่ดี หรือว่า….คุณไปเป็นพนักงานทำความสะอาดไม่ ดีกว่าหรอ? ไม่ต้องมาเปลืองทรัพยากรของแผนกพวกเรา รู้ไว้ซะด้วย ว่าเปิดคอมก็ต้องใช้ไฟฟ้านะ?”

คำพูดนี้ทำให้กาวหยุนรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเธอสอง คนจึงหันหน้ามาสบตากัน กาวหยุนแบมือแล้วพูด “ใกล้จะถึงเวลาหนึ่ง ชั่วโมงแล้ว อีกสักพักหัวหน้าก็จะมาหาคุณ ฉันจะดูว่าคุณจะเอาอะไร ไปส่ง ถ้าทำไม่ดีล่ะก็รีบๆออกไปจากแผนกของพวกเราซะ”

เสิ่นเฉียวหายใจเข้าลึกๆ เธอยังไม่ทันพูดอะไร หัวหน้าก็เดินมา แล้ว

“เกิดอะไรขึ้น มาสุ่มหัวอะไรกันตรงนี้?” หัวหน้าถามด้วยสีหน้าที่ไม่

ค่อยพอใจ

“พี่เฉิงเยี่ยน คุณมาเอาเอกสารที่เด็กใหม่คนนี้ทำ แต่จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่ได้จัดการเลย เธอไม่ยอมรายงานล่วงหน้ากับคุณแบบนี้ พี่ เฉิงเยี่ยน อีกสักพักคุณต้องยื่นเอกสารนี้ขึ้นไป ท่านประธานต้องใช้ ในการประชุม!” ชุยหมิ่นลี่รีบพุ่งไปด้านหน้าเพื่อฟ้อง

ท่าทีที่หยิ่งผยองของกาวหยุนในเมื่อสักครู่นี้หายไป ตอนนี้เธอพูด ด้วยท่าทีที่ดูน่าสงสาร “หัวหน้า เห็นแก่ที่เธอเป็นเด็กใหม่แล้วปล่อย เธอไปเถอะ ยังไงซะเอกสารเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครคนหนึ่งจะจัดการ ได้ง่ายๆ เธอโดนลดตำแหน่งมา แน่นอนว่าต้องไม่มีความสามารถเช่น นี้ ช่างมันเถอะ”

หัวหน้าจ้องมองเสิ่นเฉียวด้วยสายตาที่ดุดัน จากนั้นพูดด้วยความ โมโห “พึ่งมาได้วันแรกก็อยากจะทำให้ฉันเจอความฉิบหายสินะ?”

เสิ่นเฉียวยืนอยู่กับที่ไม่พูดอะไร ในเวลานี้เธออธิบายอะไรก็ไม่มี ประโยชน์ เธอพึ่งจะมาที่นี่ก็โดนหัวหน้าแผลงฤทธิ์ใส่

“โอเค คุณอยากให้ฉันเจอความฉิบหาย ฉันก็ไม่ยอมเป็นแพะรับ บาปให้คุณหรอก เรื่องนี้คุณต้องตามฉันไปที่ห้องประชุมแล้วยอมรับ ผิดด้วยตัวเองในวันนี้! เฉียว ” เมื่อพูดจบ หัวหน้าก็ยื่นมือมาดึงแขนของเสิ่น เสิ่นเฉียวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เพื่อหลีกเลี่ยงจากสัมผัสตัวกับผู้ชาย คนนั้น จากนั้นพูดอย่างเย็นชา “ฉันเดินเองได้”

หัวหน้าดึงมือกลับมา จากนั้นพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “โอเค ตามฉัน มาเดี๋ยวนี้”

เสิ่นเฉียวเดินกลับไปหิ้วกระเป๋าของตัวเองด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก จากนั้นดึงแฟลชไดรฟ์ออกมาจากคอมแล้วกำอยู่ในฝ่ามือ จากนั้น เธอจึงเดินตามหัวหน้าออกไปจากห้อง

หลังจากที่พวกเธอเดินออกไปแล้ว ซุยหมิ่นลี่ และกาวหยุนก็พูดคุย

กัน

“เมื่อตะกี้เธอกลับไปหยิบกระเป๋าทำไมน่ะ? อีกอย่างเหมือนเธอเอา อะไรออกมาจากคอมรึเปล่า?”

“ไม่รู้ ยังไงซะเอกสารโดนพวกเราลบออกไปหมดแล้ว เธอหยิบ สิ่งของอะไรก็ช่างมันเถอะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ