เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก...

บทที่109 เพราะว่าพวกเราเคยนอนด้วยกัน



บทที่109 เพราะว่าพวกเราเคยนอนด้วยกัน

บทที่109 เพราะว่าพวกเราเคยนอนด้วยกัน

“ไอ้เด็กเวร! นายไปทำร้ายคนอื่นเค้าอย่างไร้สาเหตุแบบนั้น คำอธิบายสักคำก็ไม่มี นายคิดจะทำลายตระกูลเยรีไง!?”

เย่หลิ่นหานที่ยืนอยู่ข้างๆนายท่านเย่ที่กำลังโกรธจัดเข้ามา พูดเตือน “คุณปู่ โม่เซินจะทำอะไรก็ล้วนแต่มีเหตุผลเป็นของ ตัวเอง แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นเขาไปทำอะไรใครเค้าก่อน อาจจะ เป็นเพราะว่าครั้งนี้ล่าสุดฉางน่าจะไปทำอะไรให้โม่เซินไม่พอใจ จริงๆ โม่เซิน อย่างน้อยนายควรจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับ คนในบ้านได้ฟัง ตกลงลู่สนฉางไปทำเรื่องอะไรให้นายต้องขุ่น เคืองใจ?”

“หี พวกนายมีสิทธิ์อะไรมารู้เรื่องของฉัน?” ทำทีของเย่โม่ เซ็นดูหยิ่งผยองอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้มองนายท่านเย่และเย่ หลิ่นหานไว้ในสายตาเลยสักนิด แต่เสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ข้างๆเขา กลับรู้ดี เขาไม่อยากดึงตัวเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

ในครั้งที่แล้วตอนที่เสิ่นเฉียวออกมาพูดแล้วโดนเขาเข้ามา ขัดขวางเอาไว้ เธอก็รู้ดีว่าเย่โม่เซินไม่อยากจะดึงเธอเข้ามา เกี่ยวข้องด้วยตัวเธอรึเปล่า?

มันคือเวลาที่เธอควรจะยืดอกออกมา เธอไม่ต้องการที่จะให้ เยโม่เซินต้องมารับเรื่องแทนตัวเองทุกครั้ง

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวจึงยึดอกออกมาพูดก่อนที่นายท่าน

เย่จะโมโหอีกครั้ง

“เป็นเพราะเรื่องของฉันเองค่ะ” เสิ่นเฉียวยืดอกออกมาพูด ถึงแม้ว่าร่างของเธอจะผอมบางแต่เธอกลับยืนบังร่างของเย่โม่

เซินได้

เย่โม่เซินอึ้งทันที จากนั้นขมวดคิ้วแน่น

“ฉันให้เธอเปิดปากพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเส่นเฉียวจึงขาวซีด เขาต้องการจะ พูดข่มเธอเพื่อให้เธอกลายเป็นคนนอกอีกแล้วใช่มั้ย? แต่ครั้ง นี้เสิ่นเฉียวไม่อยากให้เขาต้องมารับกรรมแทนตัวเองอีก ดังนั้น เธอจึงรีบพูด “เป็นเพราะว่าลู่สุนฉางมาลักพาตัวฉัน!”

“อะไรนะ?” เย่หลิ่นหานตกใจทันที “น้องสะใภ้ คุณบอกว่าลู่ สุนฉางลักพาตัวคุณ? นี่…”
ดวงตาที่เฉียบคมของนายท่านเย่จ้องมองมาที่เธอ “ลักพาตัว คุณ? เกิดเรื่องขึ้นเมื่อไหร่?”

เขาไม่รอให้เสิ่นเฉียวเปิดปากพูด เย่โม่เซินเคลื่อนรถเข็น เข้ามา เสิ่นเฉียวกลัวว่าเขาจะถูกตำหนิเพราะเข้ามาปกป้องตัว เธออีก ในจังหวะก่อนที่เขาจะพูด เธอรีบพูดแทรกออกมาก่อน “เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาลักพาตัวฉันตอนที่ไปร่วมงานเลี้ยง

เย่โม่เซินขมวดคิ้ว “เชี่ยเอ๊ย!”

ผู้หญิงคนนี้มาออกหน้าเพื่ออะไร? คนอย่างเขาเย่โม่เซิน ต้องการให้คนอื่นมาออกหน้าแทนเพื่อปกป้องเขาด้วยรีไง?

“นายท่านคะ ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่ฉันพูดมันอาจจะเป็นเรื่องเหลือ เชื่อสำหรับคุณ แต่ลู่สุนฉางลักพาตัวฉันไปจริงๆ อีกทั้งเขายัง พูดจาไม่ดีต่อเย่โม่เซิน มุ่งทำร้ายร่างกาย ถ้าหากว่าเป็นนาย ท่านละก็คงไม่อยากเห็นคนอื่นมาทำร้ายหลานชายของตัวเอง เช่นนี้รึเปล่า? ” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวเหลือบไปมองดูเย่ โม่เซิน ไม่ใช่ว่าเธอไม่รับรู้ถึงสายตาที่เย็นชาของเย่โม่เซิน แต่ เธอไม่อาจจะทนมองเย่โม่เซินที่ต้องเข้ามารับเรื่องทุกอย่าง แทนเธออีกแล้ว

“ฉันอยากจะพูดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ พูดมาตลอด ครั้งนี้ฉันพูดออกมาแล้วนายท่านคงจะไม่โทษโม่เซินแล้วสินะ?”

นายท่านเย่หรี่ตาลงแล้วจ้องมองไปที่เธอ เขาไม่ได้พูดอะไร

มีแต่เย่หลิ่นหานที่ถามเธอด้วยความกังวลว่า “ลู่สุนฉาง ลักพาตัวคุณ? คุณบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

เสิ่นเฉียวก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เธอถอยมายืนอยู่ข้างๆเย่ โม่เซิน จากนั้นตอบด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “ไม่ได้บาดเจ็บ เย่ โม่เซินช่วยฉันเอาไว้”

เสิ่นเฉียวเหลือบไปมองนายท่านอีกครั้ง เธอเห็นเขายังคง มองดูตัวเอง ไม่ได้มีความหมายอื่น

เสิ่นเฉียวจึงยกเรื่องทั้งหมดที่เย่โม่เซินเคยพูดกับตัวเองมา อธิบายให้กับนายท่านเย่ “อีกอย่าง หากจะพูดในด้านของ การร่วมธุรกิจ ล่าสุดฉางคนนี้เป็นคนที่มีความคิดไม่เหมือนคน ปกติทั่วไปจึงทำอะไรเข้ากับผู้อื่นยาก ไม่สามารถมองทะลุ วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเขาได้ ในครั้งนี้โครงการที่บริษัทตระ กูลเย่และบริษัทตระกูลลู่ต้องร่วมมือทำคือโครงการที่ต้องใช้ เวลาในการดำเนินการเป็นเวลานาน ฉันตรวจสอบมาแล้ว การ ร่วมธุรกิจกับบริษัทแบบเดียวกัน หากร่วมงานกับบริษัทตระกูล ฟางจะคุ้มค่ามากกว่าบริษัทตระกูลลู่!”
เมื่อฟังจบ เย่โม่เซินอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปมองที่

เสิ่นเฉียว

ผู้หญิงคนนี้…ดูฉลาดกว่าที่เขาคิดซะอีก แม้แต่จุดเล็กๆนี้เธอ

ก็ยังมองออก

เห้อ- สมกับเป็นผู้หญิงของเย่โม่เซินคนนี้

ดังนั้นภายใต้แววตาที่มืดมนดวงนั้นแฝงไปด้วยความพึง

พอใจ

“หวังว่านายท่าน จะลองพิจารณาดู” เสิ่นเฉียวพูดเสริมอีก

หนึ่งประโยค

“ได้ยินยังตาแก่?” เย่โม่เซินพูดเสริม

สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือที่อยู่ด้านในของ

เสื้อสูทค่อยๆกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ไอ้สารเลวคนนี้ ไม่ง่ายเลยที่ เธอจะพูดออกมาได้ขนาดนี้ สุดท้ายเขากลับมาพูดจาแบบนี้

ต้องการจะยั่วโมโหคนอื่นทำไง?

ดังนั้นเสิ่นเฉียวจึงขึ้นเย่โม่เซินไปด้านหลัง จากนั้นวิ่งกลับมา
“นายท่านคะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่ในการร่วมธุรกิจ ในครั้งนี้หากว่าการเจรจาระหว่างบริษัทตระกูลลู่กับบริษัทตระ กูลเย่ไม่สำเร็จ จะไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่พวกเราเสียหายอะไร แต่ กลับตรงกันข้ามมันคือชัยชนะอย่างหนึ่ง ขอแค่เราสามารถร่วม งานกับบริษัทตระกูลฟางได้ก็พอ”

เมื่อฟังจบ สายตาอันเฉียบแหลมของนายท่านเย่จ้องมองมา ที่เธอ “คุณมั่นใจใช่มั้ย?”

เสิ่นเฉียวอึ้งทันที แต่เธอสามารถโต้ตอบได้อย่างรวดเร็ว เห็น ได้ชัดว่าเธอได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว

เสิ่นเฉียวตอบ “ฉันจะพยายามค่ะ”

เยโม่เซินขมวดคิ้วแน่น เขากำลังจะเปิดปากพูดอะไรบาง อย่าง แต่เสิ่นเฉียวรีบพูดตัดหน้าเขา “งั้นพวกเราขอตัวกลับ ห้องก่อนนะคะ”

จากนั้นไม่รอให้นายท่านเย่โต้ตอบอะไร เสิ่นเฉียวจึงหันหลัง

แล้วเข็นเย่โม่เซินออกไป

กระบวนการทั้งหมดนี้น่าจะใช้เวลาไม่ถึงสามนาที ถ้าปล่อย ให้เย่โม่เซินกับนายท่านเย่พูดคุยกันละก็สงสัยนายท่านเย่

คงจะโมโหจนบ้าตายก่อน
เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ น้ำเสียงอันเย็นชาของเย่โม่เซินดังขึ้น

มา

“ใครให้คุณคิดตัดสินใจอะไรเองแบบนี้?”

สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นพูดอธิบาย “ยังไงก็แล้วแต่พวกเราก็เตรียมที่จะร่วมงานกับบริษัทตระกูล ฟาง อยู่แล้ว ไม่ใช่หรอ?”

“ดังนั้นคุณเลยเอาเรื่องนี้มาบังเอาไว้น่ะหรอ?”

เสิ่นเฉียวเม้มปาก “ฉันจะพยายามตั้งใจเจรจาเรื่องการร่วม งานกับบริษัทตระกูลฟางนะ ฉันขอโทษ..”

ขอโทษอีกแล้ว? สายตาของเย่โม่เซินเย็นชามากขึ้น “ใครใช้

ให้คุณมาขอโทษ?”

“งั้น….คุณจะให้ฉันพูดว่าอะไร?” เสิ่นเฉียวรับรู้ได้ว่าเมื่อตัว เองอยู่ต่อหน้าเยโม่เซินเธอไม่เคยทำอะไรถูกทั้งนั้น ไม่ว่าจะ

พูดอะไรก็โดนเย่โม่เซินพูดขัดตลอด

เยโม่เซินเหลือบตาขึ้นมามองเธอ
ร่างผอมบางของเจอลูกที่อยู่ข้างให้เสื้อสูท เผยให้เห็นแค่ ใบหน้าเล็กๆ ขาวฟอง แววตาคู่นั้นช่างดูใสสะอาดแต่ก็แฝง

ไปด้วยความอ่อนแอ

ท่าทางเธอในตอนนี้แทบจะไม่สามารถจีนตนาคารเชื่อมโยง กับเธอในเมื่อสักครูที่ฤกขึ้นมาออกหน้าพูดแทนเขาได้เลย

เทวดาของเปไม่เซ็นเริ่มสั้นไหว “มานี่ส

เส้นเดียวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอก็เชื่อฟังคำพูดของ เขาแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ

“คุณจะทำอะไร…” เธอยังพูดไม่จบ มือใหญ่ๆของเยโม่ เซินยื่นเข้ามา จากนั้นดึงเธอเข้ามาในอ้อมอกของตัวเอง เสิ่น เฉียวนึกไม่ถึงว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เธอนั่งอยู่บนขาของเขา

“ฟังนะ ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนห้ามเธอมายืนบังอยู่ข้างหน้า

ฉัน”

เสิ่นเฉียวจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ตกตะลึง

“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสู่สุนฉางเมื่อคราวก่อน หรือว่าตอนที่ฉันกำลังทะเลาะกับตาแก่นั่น ผู้หญิงของเย่โม่เซินแค่ยืนอยู่ข้าง

หลังฉันก็พอ”

อะไรนะ? ดวงตาของเสิ่นเฉียวเบิกกว้าง

นึกว่าตัวเองฟังผิดไป…เธอเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้

เขาบอกว่า เธอคือผู้หญิงของเย่โม่เซิน?

จริง….ใช่มั้ย?

“สีหน้าอะไรของคุณ?” เย่โม่เซินจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ไม่

พอใจ เขาหรี่ตาแล้วพูด

เสิ่นเฉียวพูดอย่างตะกุกตะกัก “คุณ เมื่อตะกี้คุณพูด….ฉันคือ

ผู้หญิงของคุณ?”

เยโม่เซินรู้สึกไม่สบอารมณ์ เขาบีบคางของเธอแล้วถามเธอ กลับ “นอนก็นอนด้วยกันแล้ว คุณยังอยากจะปฏิเสธ? หรือจะ บอกว่า คุณยังอยากจะกลับไปอยู่เคียงข้างสามีเก่าของคุณคน นั้น?”

เสิ่นเฉียวอึ้งอยู่กับที่ “ฉัน….
ไม่อนุญาต

แววตาของเยโม่เซินแลดูมืดมนราวกับค่ำคืนอันเรียบ บนี้ เสียงเย็นชาแต่มีความดึงดูดน่าฟัง จากนี้ไปห้ามคุณไปติดต่อ ข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่นอีก ได้ยินมั้ย?

เสิ่นเฉียวอึ้งทันที ริมฝีปากของเธอขยับ “เพราะว่า พวกเรา เคยนอนด้วยกัน ดังนั้นคุณเลยยอมรับว่าฉันคือผู้หญิงของคุณ อย่างนั้นหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ