เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก...

บทที่18 คุณว่าใครป่าเถื่อน



บทที่18 คุณว่าใครป่าเถื่อน

เซียวซูติดตามเย่โม่เซินมาเป็นเวลานานแล้ว การกระทำ ของเย่โม่เซินเมื่อครู่นั่นมันทำให้เห็นได้ชัดเลยว่า..

เขาไม่กล้าคาดเดาอะไรทั้งนั้น แต่ว่ามีบางเรื่องที่ควรหรือ ไม่ควรทำนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองพอจะคาดการณ์เอาได้

เยโม่เซินจ้องเสิ่นเฉียวอยู่เป็นเวลานาน จนในที่สุดก็เกิด

การตอบสนอง

แสร้งทำเป็นน่าสมเพชแล้วยังไง เด็กนั่นก็ไม่ใช่ของเขาเย่

โม่เซินสักหน่อย!

เด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง ไม่คู่ควรแก่ความสงสาร เห็นใจ!

สายตาเยโม่เซินตกไปยังใบหน้าเขา เต็มไปด้วยความ

บังคับขู่เข็น “คุณพูดอะไรนะ”
“เปล่า ไม่มีอะไรครับ ถ้าอย่างนั้นก็ตามเดิมเนอะ”

“อื้อ”

เอาล่ะ เซียวซู่เข้าใจแล้ว ไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นเห็นเธอ นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนที่ว่าจะเก็บเด็กคนนี้เอาไว้รีไม่นั้นก็ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“พวกคุณมือไม้ให้มันคล่องแคล่วสักหน่อย ไปหาเปลมา ยกเธอไปซะ จากนั้นก็พาไปส่งที่คุณหมอสุยไป”

“ครับ!”

หลังจากมีคนยกเสิ่นเฉียวไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็เหลือ เพียงแค่เซียวซู่และเย่โม่เซินสองคนเท่านั้น

เซียวซูมองตามแผ่นหลังของเขา ลังเลอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะถามออกมาเบาๆ “คุณชายเย่ ผมพาคุณไปไหม

ครับ”

“อื้อ”
สิบห้านาทีผ่านไป คุณหมอสุยเดินออกมาจากห้องผ่าตัด มีเหงื่อเย็นปรากฏอยู่บนหน้าผากเขาอยู่บ้าง

“เรียบร้อยแล้วเรอะ” เย่โม่เซินหรี่ตาแคบลงจ้องมอง อย่างเป็นอันตราย

คุณหมอสุยกล่าวอย่างอับอายว่า “คุณชายเย่ มีเรื่องบาง อย่างผมคิดว่าควรจะบอกกับคุณให้รู้ล่วงหน้าก่อน”

เซียวซูซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเย่โม่เซินนั้นค่อนข้างหยาบคาย เมื่อเขาได้ยินก็พูดขึ้นมาว่า “มีเรื่องอะไรก็บอกมาตรงๆ เลย”

“คุณหนูเสินผนังมดลูกด้านในบางมาก ถ้าหากว่าทำแท้ง ล่ะก็ อาจจะทำให้เกิดการตกเลือกมาก” แต่ว่าคุณหมอสุย รู้ว่าเย่โม่เซินเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ดังนั้นเขาจึงได้มา พูดถึงประเด็นนี้เอาตอนก่อนจะเริ่มผ่าตัด “ถ้าหากว่าตัดสิน ใจผ่าตัดล่ะก็ คุณชายเยจะต้องเซ็นหนังสือยินยอมผ่าตัด หรือว่าคุณชายเยจะต้องการเวลาคิดพิจารณาอีกสักหน่อย ว่าจะทำการผ่าตัดต่อไปหรือไม่…

พอได้ยิน เย่โม่เซินก็ทำหน้ามุ่ย “ตกเลือกอย่างนั้นรึ”
เย่โม่เซินพยักหน้า

เยโม่เซินเม้มปาก จะตายไหม”

คุณหมอสุยกระแอมหนึ่งเสียง สีหน้ามีอาการอีกอักเล็ก น้อย มันจะเป็นอันตรายอย่างมาก”

บรรยากาศโดยรอบนิ่งเงียบไปหลายวินาที ที่อีกข้างหนึ่ง ของกำแพง เย่โม่เชินราวกับเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกำลัง ปกป้องลูกต่อหน้าตนเองอยู่ น้ำตาของเขาเอ่อล้นออกมา จากดวงตา เสียงวิงวอนขอร้องเบาๆ “ขอร้องคุณล่ะ..

นิ้วของเขาขยับริมฝีปากอันเรียวบางของเย่โม่เซินเม้ม แน่น

“คุณหมอสุย คุณชายเย่ของเราเป็นคนอย่างไรคุณยังไม่รู้ อีกยังไม่รู้อีกหรือ คำถามแบบนี้คุณยังต้องมาถามอีก การ ผ่าตัดแน่นอนว่าต้อง..”

“ยกเลิก!”

เซียวซู่ยังพูดไม่ทันจบ เย่โม่เซินก็โพล่งขึ้นมากลางคัน

เซียวซูชะงักไปเบาๆ เอาลดศีรษะลงมองเย่โม่เซินอย่าง

ไม่เชื่อสายตา

“เออะ คุณชายเย่”

“คุณชายเย่ นี่มันเรื่องอะไรกัน เซียวซู…ไม่ค่อยเข้าใจ!”

เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าตัวเองหลับไปนานมาก เธอฝันได้น่ากลัว มาก ใบรับรองที่เธอฝากหานเส่โยวหาคนทำให้นั้นถูกหาน เส่โยวจับได้ จากนั้นยังถูกบังคับให้ไปโรงพยาบาล จากนั้น เด็กก็ถูกดูดออกมาเป็นก้อนเลือด

“อ้า ! ” เสิ่นเฉียวร้องอุทานออกมา จากนั้นอยู่ๆก็ลุก พรวดพราดขึ้นจากเตียง

เธอเอื้อมมือออกมากุมที่ท้องน้อยโดยสัญชาตญาณ เหงื่อเย็นยะเยือกผุดขึ้น
เธอมองไปรอบๆทั้งสี่ทิศ ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ฉากรอบๆ เริ่มจะคุ้นตา มันคือห้องนอนของเย่โม่เซิน

เธอพยายามระลึกถึงเรื่องเมื่อคืน เสิ่นเฉียวเด้งตัวออก จากผ้าห่มและลุกขึ้นยืน ลูกของเธอหลุดไปแล้วใช้รึเปล่า

“ร้องโวยวายทำบ้าอะไร” เสียงเย็นยะเยือกทำเอาฝีเท้า เสิ่นเฉียวหยุดนิ่งอยู่กับที่ เธอหันกลับไปมองยังที่มาของ เสียงนั้น เซียวซู่กำลังเข็นเย่โม่เซินเข้ามา

พอเห็นเขา เสิ่นเฉียวก็โมโหจนหูดับ เธอคว้าหมอนที่อยู่ ติดกับตัวขึ้นมาแล้วปามันใส่เขาในทันที

ไอ้โรคจิต !”

เยโม่เซินหอบหายใจ เซียวซูผลักหมอนที่เธอโยนมา ทั้งไปที่ด้านข้าง “เสิ่นเฉียว คุณบ้าไปแล้วรีไง ! ”

“เย่โม่เซิน คุณมันป่าเถื่อน ทำไมคุณถึงได้จิตใจโหดเหี้ยม ขนาดนี้ เอาลูกคืนฉันมาเดี๋ยวนี้นะ !”

เสิ่นเฉียวผิดหวังจนเกินจะควบคุมสติอารมณ์ได้เธอพุ่งตัวไปคว้าคอเสื้อของเสิ่นเฉียวเอาไว้ นัยน์ตาเอ่อล้นไปด้วย หยดน้ำตา

“คุณว่าใครป่าเถื่อน” เสียงเย่โม่เซินสงบนิ่ง ฟังไม่ออกว่า

ยินดีหรือยินร้าย

เสิ่นเฉียวจ้องเขาด้วยตาแดงก่ำ

“ปล่อยมือ”

เสิ่นเฉียวไม่ปล่อยมือ เธอกัดริมฝีปากล่างจนแน่นพร้อม

กับจ้องมองเขา

“คุณหนูเสิน คุณนี่ไม่รู้จักสำนึกชั่วดี ! รีบปล่อยคุณชายเย่ ของพวกเราเดี๋ยวนี้ ! ” เซียวซูตะคอกอย่างโกรธเคืองไม่ พอใจอีกประโยค

“ต่อให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน มันก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึกมาก กว่าคุณเย่โม่เซิน ที่ไม่เพียงแต่จะเลือดเย็นเท่านั้น ใจก็ยัง

ดำอีกด้วย”

“อย่างนั้นเรอะ” เย่โม่เซินหัวเราะเหอะขึ้นมา “ที่แท้คุณก็ มองผมอย่างนี้สินะ
เสิ่นเฉียวตาแดงก่ำจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่พูด

ไม่จา

น้ำตาเอ่อจนล้นท่วมดวงตา แต่ว่าเธอก็ยังไม่ยอมลดละ ออกไปจากเบื้องหน้าเย่โม่เซิน

“ดีมาก” เย่โม่เซินจับข้อมืออันขาวละเอียดนั้นไว้ พร้อม กับเชยคางของเธอ “สัตว์เดรัจฉานอย่างนั้นรี สัตว์ยังมี อารมณ์ความรู้สึกมากกว่าผมอีกอย่างนั้นรี โอ้ เซียวซูออก ไป”

ห้ะ เซียวซู่เบิกตากว้าง ทำไมเขาต้องออกไปด้วยล่ะ

เขาต้องการจะเปิดปากเอ่ยถาม แต่ว่าเย่โม่เซินทั้งร่างก็ แสดงออกถึงความแข็งกร้าวอันโดดเดี่ยว นั่นทำให้คนรู้สึก หนาวจนสั่นสะท้าน

เขากระแอมขั้นหนึ่งครั้ง เซียวซู่ก็หันไปอย่างเงียบๆ

“คุณคิดจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ… หลังจากที่เซียวซู ออกไป เสิ่นเฉียวถึงได้รู้สึกตัว เธอต้องการดิ้นให้หลุดจาก การรัดกุมของเย่โม่เซิน
เยโม่เซินถึงแม้ว่าขาจะพิการ แต่ว่าพละกำลังของเขานั้น เยอะมาก เขาคว้าข้อมือเธอไว้ เธอก็ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ ได้เลย วินาทีต่อมา เย่โม่เซินก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน มือใหญ่โอบเอวผอมบางของเธอเอาไว้ เชยคางเธอขึ้น ด้วยมือเดียว แล้วใช้หัวกดลง

ริมฝีปากอันเย็นเยือกกดทับลงบนปากของเสิ่นเฉียวอย่าง ไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ

สมองของเสิ่นเฉียวปิดตัวลงโดยสมบูรณ์ แต่ดวงตาก็ยัง คงเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

คุณ…คุณทำอะไรนะ

ในห้องแห่งความคิด ความเจ็บปวดเกิดขึ้นบริเวณริม ฝีปาก เสิ่นเฉียวจึงได้สติกลับมา

ลมหายใจของเย่โม่เซินหนักหน่วงมาก บรรยากาศรอบตัว นั้นช่างเย็นเยือก เขาพยายามรวมตัวเธอเอาไว้อย่างแน่น

หนา

ความรู้สึกเช่นนี้…ช่างป่าเถื่อน เอาแต่ใจ
เสิ่นเฉียวมึนงงเล็กน้อย

เย่โม่เซินตรงหน้า ทำไมถึงได้…ถึงได้ทำให้เธอรู้สึก เหมือนกับชายในรถเมื่อเดือนกว่าที่ผ่านมาคนนั้นนะ

แต่ว่า มันก็ผ่านไปตั้งเดือนกว่าแล้ว

เสิ่นเฉียวจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นให้ความรู้สึกอันแข็งแกร่ง อื่นๆนั้นเธอแทบจะลืมไปหมดสิ้น รวมไปถึงเสียงนั้นด้วย

เธอไม่เห็นแม้กระทั่งป้ายทะเบียนรถคันนั้น ไม่อย่างนั้น ตอนนี้เธอตั้งครรภ์แล้ว บางทีอาจจะลองตามหายในคืนนั้น ดูก็ได้

ริมฝีปากล่างเจ็บขึ้นอีกครั้ง เสิ่นเฉียวได้สติกลับมา เย่โม่ เซินจ้องเธอสายตาไม่ไหวติง

เขาดึงริมฝีปากตัวเองกลับไป น้ำเสียงลุ่มลึก “ตอนนี้เป็น คุณนายเย่ขนาดเวลาจูบก็ยังจะใจลอยอีกรี”

พอพูดจบ เขาก็เคลื่อนไหวไปรอบๆเอวเธอ กอดรัดคอ ของเธอ แรงค่อนข้างเยอะ เสิ่นเฉียวเจ็บจนครางเสียงออกมา

“คุณ คุณไม่ได้เกลียดฉันหรอ” เสิ่นเฉียวพูดติดอ่างเล็ก น้อย แต่สายตาที่จ้องมองเขากลับเปี่ยมไปด้วยความ เกลียดชัง

“ใช่สิ เกลียดคุณ กับทำให้คุณขายหน้า มันคนละเรื่องกัน คุณนายเย่ ดูเหมือนความจำคุณจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ” เย่ โม่เซินหัวเราะเยาะเธออีกครั้ง “เหอะ” ริมฝีปากแดงเรื่อ ของเสิ่นเฉียวถูกประกบลงอีกครั้ง คิ้วเธอบิดเบี้ยวเจ็บปวด จนอยากจะผลักคนดันออกไปข้างหน้า มือของเขากลับ กอดรัดเอวเธอเอาไว้อีกครั้ง ล็อคเธอเอาไว้ในอ้อมแขน

ระหว่างที่ประกบริมฝีปากกันอยู่นั้น เสียงเย่โม่เซินก็ทุ่มต่ำ ลง “ถ้าหากว่าผมเป็นสัตว์เดรัจฉาน คุณก็จงนั่งนิ่งๆอย่างว่า ง่าย”

ขณะที่เสิ่นเฉียวกำลังงุนงงสับสนอยู่นั้น มือข้างหนึ่งก็เลิก เสื้อของเธอขึ้น ฝ่ามือใหญ่อันร้อนเป็นไฟสัมผัสไปบนเนื้อ หนังของเธอ

เสิ่นเฉียวเบิกตากว้าง “อย่าแตะต้องตัวฉัน ! ”
พอพูดจบ เสิ่นเฉียวก็ออกแรงกัดริมฝีปากบางของเย่โม่

เซิน

เสียงคำรามดังขึ้น ปากและฟันของพวกเขาทั้งสอง

อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ