เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก...

บทที่ 121 ยอมพูดความจริงแล้วใช่ไหม



บทที่ 121 ยอมพูดความจริงแล้วใช่ไหม

หลังจากที่นัดพบกับบริษัทตระกูลหานแล้ว เสิ่นเฉียวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา ทันที

เมื่อก่อนเคยบอกว่าจะเลี้ยงอาหารหานชิง แต่ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงเขาเลย สักครั้ง เส่โบว์บอกว่าพี่ชายของเธอยุ่งมาก ดูไปดูมาแล้ว….ก็เหมือนจะยุ่ง มากจริงๆ ในระหว่างนั้นมีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง อีกทั้งเวลานั้นยังเป็นเวลา อาหารอีกด้วย

เสิ่นเฉียวถือโอกาสหาอาหารที่หานชิงชอบทาน หลังจากนั้นก็ทำการจอง

ร้านอาหาร

ตอนที่ทำการจองร้านอาหาร เสิ่นเฉียวก็รู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะ เงินของเธอมีไม่พอ….

ตามหลักแล้ว เรื่องงานควรจะนำไปเบิกกับทางบริษัท แต่เธอยังมีความเป็น ห่วงเรื่องเธอกับบริษัทตระกูลหานเมื่อครั้งก่อนอยู่เล็กน้อย ดังนั้น เธอจึงไม่ กล้านำไปเบิกกับทางบริษัท คิดเพียงแค่ว่าจะต้องจ่ายเอง

ครั้งนี้ไม่มีเงิน แล้วเธอจะเลี้ยงอาหารหานชิงได้ยังไงละ?

คิดอยู่สักพัก เส้นเฉียวจึงโทรไปหาเสิ่นโปวผู้เป็นน้องสาวของเธอ

ตั้งแต่เธอออกมาจากตระกูลเสิ่นเมื่อครั้งก่อน เธอก็ไม่เคยติดต่อกับคนใน บ้านอีกเลย คนในบ้านก็เหมือนสูญหายไปจากบนโลก ไม่เคยติดต่อเธอมา เลยสักครั้ง และไม่เคยถามเธอว่าอยู่ที่ตระกูลเปเธอสบายดีไหม เป็น อย่างไรบ้าง

ดังนั้น ตอนเสิ่นโย่วเห็นว่าเสิ่นเฉียวโทรมา หล่อนจึงตัดสายเธอทิ้งอย่างไม่ ลังเลเลยสักนิดเดียว

เพราะว่ารู้สึกผิด เธอจึงกลัว กลัวว่าที่เส้นเฉียวโทรหาเธอ ก็เพราะจะทวง เงินที่เธอยืมเฉิ่นเสียวมาเมื่อครั้งก่อน

เสิ่นเฉียวเห็นหล่อนตัดสาย มุมปากก็เผยให้เห็นรอยยิ้มเย็นชา

คิดว่าตัดสายแล้วเธอก็จะไม่มีทางอื่นอย่างนั้นหรอ? หลังจากที่เฉินเสียว เลิกงาน เธอก็ไปดักรอหล่อนที่หน้าประตูโรงเรียนทันที

เดิมที เวลานี้ในโรงเรียนคงหาใครไม่เจอแล้ว แต่เสิ่นโย่วไม่เหมือนกับผู้ หญิงคนอื่น หลังเลิกเรียน หล่อนยังต้องไปซ้อมเต้นอีก ดังนั้น รอจนการ ซ้อมเต้นสิ้นสุดลง ก็ถึงเวลานั้นพอดี

เสิ่นเฉียวที่อยู่ไกลออกไปมองเห็นเสิ่นโย่วแล้ว หล่อนกำลังเดินออกมา พร้อมกันกับเพื่อนกลุ่มซ้อมเต้นของหล่อนสองสามคน

” เสิ่นโย่ว! เสิ่นเฉียวเรียกชื่อหล่อน

เสิ่นโป่งมองเธออย่างตกตะลึงเล็กน้อย หลังจากเห็นเสิ่นเฉียวแล้ว สีหน้า ของหล่อนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย * เสี่ยวโปว นั่นพี่สาวของเธอไม่ใช่หรอ?”

* พี่สาวของเธอมาหาเธอแล้ว งั้นวันนี้เธอยังจะออกไปกินอาหารกับพวก เราอยู่อีกหรือเปล่า? ”

เสิ่นเฉียวยืนรออยู่ด้านข้างนิ่งๆ เสิ่นโย่วรู้สึกราคาญเล็กน้อย พวกเธอไป รอฉันที่ร้านชานมแถวนี้ก่อน ฉันคุยกับพี่ฉันสักครู่ เสร็จแล้วจะตามไป

* ได้”

หลังจากที่กลุ่มเพื่อนของหล่อนเดินจากไปแล้ว เสิ่นโย่วก็มองเธออย่างไม่ พอใจ และพูดขึ้นมา: พี่ พี่จะมาหาฉัน ทำไมไม่บอกฉันก่อนละ? อยู่ๆก็มา โผล่ที่หน้าประตูโรงเรียน มันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกรู้บ้างไหม? พวกเพื่อนฉัน ก็กำลังรอฉันอยู่อีกด้วย”

ใบหน้าของเส้นเฉียวยังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา สายตาของเธอมอง หล่อนอย่างเยือกเป็น: ” ฉันน่ะ คิดอยากจะบอกกับหล่อนก่อน แต่หล่อนรับ โทรศัพท์ของฉันไหมละ? ”

ระหว่างการพูดคุย เสิ่นเฉียวก็หยิบโทรศัพท์ออกมา และนำไปโบกให้เสิ่น โย่วตู: ฉันโทรหาหล่อนตั้งหลายสาย หล่อนรับหรอ?”

ได้ฟังดังนั้น เสิ่นโย่วก็หลบสายตาเล็กน้อย: เพราะฉันกำลังซ้อมเต้น ฉัน ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ จึงไม่ได้ยิน พี่ พี่ก็รู้ไม่ใช่หรอว่าฉันกำลังข้อมเต้น? ี่ ยังจะโทรหาฉันอีกนี่นะ! ”

” ปิดเสียงโทรศัพท์ แล้วตอนที่ซ้อมเต้นเสร็จ หล่อนไม่ดูโทรศัพท์หรอ?” สีหน้าของเสิ่นเฉียวยังคงนิ่งเหมือนเดิม น้ำเสียงทุ้มต่ำ: ครั้งก่อน เรื่องที่ หล่อนเอาสมุดเงินฝากของฉันไป ฉันขี้เกียจจะเถียงกับหล่อนแล้ว ในนั้นมี เงินอยู่หลายหมื่น ถึงตอนนี้ หล่อนคืนฉันแค่หมื่นเดียว”

เสิ่นโย่วตาโตอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่: คืนพี่แค่หมื่นเดียว? พี่ พี่ความจำเสื่อม หรอ? ไม่ใช่ว่าแม่บอกกับพี่แล้วหรอ ว่าเงินนั้นแม่ได้เอาไปใช้แล้ว? ถ้าพี่จะ หวงก็ไปทวงที่แม่นุ่น? จะมาทวงที่ฉันทำไม?”

เสิ่นเฉียวหัวเราะอย่างเป็นชา: ใครเอาเงินไป หล่อนรู้อยู่แก่ใจ ”

” ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ได้เอาไป แค่หมื่นเดียว ฉันก็จะไม่ให้พี่”

“ งั้นหรอ? เสิ่นเฉียวยกมุมปากขึ้น : ” ที่จริงแล้วเราสองพี่น้องน่ะ ฉันไม่ เคยคิดจะทำเรื่องให้มันเด็ดขาดจนเกินไปเลยนะ ฉันยอมให้หล่อนมาตั้งแต่ เล็ก หล่อนอยากได้อะไร มีที่ฉันไม่เคยให้หล่อนหรือไง? แต่ไม่คิดเลยว่า หล่อนจะใช้วิธีขโมยของ ฉันที่เป็นพี่สาวจึงมีหน้าที่ที่จะทำการสั่งสอน หล่อน ”

พูดจบ เสิ่นเฉียวก็จับแขนเสื้อของเสิ่นโย่ว ไปสถานีตำรวจกับฉันหรือเรา ไปหาอาจารย์ของหล่อน ดูสิว่าช่วงระยะเวลานี้หล่อนได้เรียนรู้อะไรจากใน โรงเรียนบ้าง”

แรงของเธอมีไม่มาก มีพอๆกับเสิ่นโย่ว เสิ่นโย่วที่เดิมทีก็ตื่นตระหนกอยู่ แล้ว พอได้ยินว่าเธอจะพาตัวเองไปสถานีตำรวจหรือไปพบอาจารย์ ใบหน้า ขาวซีดก็เกิดความลุกลี้ลุกลนขึ้นทันที

* ที่ พี่อย่าทำแบบนี้สิ ฉันไม่ได้เอาเงินพี่ไปนะ ฉันไม่ได้ใช้เงินก้อนนั้นของ พี่จริงๆนะ

* ไม่เป็นไร เราไปพบอาจารย์หรือตำรวจก่อน แล้วค่อยคุยกัน เสิ่นเฉียว พูดอย่างเยือกเป็น

เสิ่นโย่ว: พี่ ตั้งแต่เล็กพี่รักและทะนุถนอมฉัน และยอมฉันมาโดยตลอด พี่ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ ถ้าพี่พาฉันไปหาอาจารย์ ต่อไป ฉันคงต้องอับอาย ขายหน้ามากแน่ๆ และถ้าแฟนของฉันรู้ เขาก็คงจะไม่คบกับฉันอีกต่อไป พี….พี่ดีที่สุดแล้ว ครั้งนี้ ปล่อยฉันไปเถอะนะ”

” ในที่สุดก็ยอมพูดความจริงแล้วใช่ไหม? ” เสิ่นเฉียวหยุดพูด เอาเงินไป

ไหน? ”

“ เมื่อครั้งก่อน ตอนวันเกิดของฉัน ฉันได้พูดว่าจะนัดรวมตัวกัน พูดออกไป แล้ว สรุปคือทุกคนมาร่วมงานเลี้ยง เพื่อเป็นการรักษาหน้า ฉันจึงเอาเงินที่ ไปใช้จนหมด พี่ก็รู้ว่าถ้าฉันไปขอเงินพ่อกับแม่ พวกเขาคงจะไม่ให้ฉันแน่ๆ อีกอย่าง ถ้าแม่รู้ว่างานเลี้ยงของฉันงานนีึงใช้เงินเยอะขนาดนั้น แม่ก็คงจะตี ฉันอีกแน่ๆ แต่พี่ ตอนนั้นฉันแค่พูดเล่นๆ ไม่คิดว่าพวกเขาจะมากันมากมาย ขนาดนั้น แถมยังพาเพื่อนมาอีกต่างหาก ฉันจนปัญญาจริงๆนะพี่ พี่ยกโทษ ให้ฉันเถอะ! เราเป็นพี่น้องกัน ครั้งนี้….ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไม่อย่างนั้น ฉัน จะเอาเงินน้ำพักน้ำแรงของพี่ไปใช้ทำไมกันละ!”

เฉินโย่วทุกข์ใจ หล่อนกอดแขนของเสิ่นเฉียวไปด้วย และร้องไห้อย่าง น้อยใจไปด้วย

เสิ่นเฉียว: ” . เหมือนเธอจะใจอ่อนอีกแล้วสิ

จะพูดยังไงดี หล่อนเป็นน้องสาวแท้ๆของเธอ ที่เธอมาที่นี่ก็แค่จะมาแสดง ท่าที มาตอนนี้ เสิ่นโปวยอมรับผิดต่อเธอแล้ว อีกทั้งยังบอกเรื่องที่เกิดขึ้น อีกด้วย เสิ่นเฉียวพบว่าตัวเองโกรธไม่ลงจริงๆ

* พี่ พี่ไม่โกรธฉันแล้วใช่ไหม? ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ ”

* โกรธหล่อนแล้วได้อะไร? ฉันสามารถเชือดหล่อนได้หรือไง?” เสิ่นเฉียว โกรธมาก เงินก้อนนั้น เธอเก็บสะสมมานานมาก แต่มาถูกหล่อนเอาไปใช้จน หมดเกลี้ยง เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว ตอนนี้เธอรีบใช้กลับไม่มีเสีย แล้ว

* พี่ ฉันขอโทษจริงๆ ฉันยังมีอยู่สองพันบาท ฉันจะให้พี่ ” พูดจบ เสิ่นโย่วก็ รีบหยิบกระเป๋าตังค์และหยิบเงินสดสองพันบาทยื่นให้กับเสิ่นเฉียว: นี่เป็น เงินที่เหลืออยู่ ฉันคิดอยากจะคืนให้พี่มาโดยตลอด แต่ตอนที่พี่ถามฉันเมื่อ ครั้งก่อน ฉันรู้สึกกลัว จึงไม่กล้ายอมรับ

มองเงินสดสองพันบาทสีแดงนั้น เสิ่นเฉียวก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที ” ให้ฉันหมด แล้วหล่อนจะทำยังไง? ”

เสิ่นโป่งเช็ดน้ำตาที่หางตา และพูดยิ้มๆ : ” ไม่เป็นไรหรอกพี่ เพื่อนฉันมีบัตร กินข้าว ถึงตอนนั้นฉันค่อยกินข้าวของพวกเธอก็ได้ ไม่อย่างนั้นให้ฉันติดตัว สักหนึ่งร้อยบาท จะได้ซื้อซาลาเปากิน เดิมทีเรื่องนี้มันก็เป็นความผิดของ ฉันอยู่แล้ว ฉันก็ควรยอมรับบทลงโทษ ”

เติมทีก็เป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว ตอนยังเล็ก พวกเธอสองคนสนิทกันมาก จน มาหลายปีนี้….เลิ่นเฉียวจะทนเห็นหล่อนลำบากได้อย่างไรกัน มาตอนนี้ หล่อนเป็นฝ่ายยอมรับผิดด้วยตัวเอง เสิ่นเฉียวก็รู้สึกใจอ่อนตามหล่อนไป ด้วยเช่นเดียวกัน

“ช่างเถอะ เก็บไว้คนละครึ่งเถอะ หล่อนเก็บพันนึงไว้ใช้กินข้าว ส่วนพี่ทำ อะไรไม่ได้ เพราะพี่ต้องรีบใช้ รอเงินเดือนพี่ออก พี่ค่อยให้แกเพิ่ม ”

ได้ฟังดังนั้น รอยยิ้มของเสิ่นโย่วก็แข็งที่อไปเล็กน้อย: พี่ หลังจากที่แต่ง เข้าตระกูลเปแล้ว…พี่ไม่มีความสุขหรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ