บทที่6 ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ
ไม่รู้ว่านี่คือแก้วที่เท่าไหร่แล้ว เฉินเฉียวรู้สึกเหนื่อยล้าจน เริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา เธอรู้สึกเริ่มจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนที่เธอยกกาแฟมาถึงห้องประชุม เธอก็ไม่เห็นร่างของ เย่โม่เซิน แล้ว
เขายังไม่ได้บอกเธอเลยว่าสรุปแล้วเธอสอบผ่านหรือไม่ ผ่าน อยู่ดีๆก็หายตัวไปเช่นนี้อย่างนั้นหรอ?
เสิ่นเฉียว วางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ หมุนตัวเดินออกจาก
ห้องประชุมไป
เมื่อลงมาถึงหน้าตึก เธอก็มองเห็นรถส่วนตัวของเย่โม่ เซิน ขับออกไปจากบริษัทตระกูลเย่แล้ว
เธอโดนทิ้งอีกแล้ว
เสิ่นเฉียว หัวเราะให้กับตัวเอง เธอน่าจะคาดเดาได้ตั้งแต่
แรก
เธอเดินมาถึงริมถนนกำลังจะโบกรถแท็กซี่ อยู่ๆก็มีรถสี บรอนซ์เงินคันหนึ่งขับมาจอดอยู่หน้าเธอ
“น้องสะใภ้ ให้ผมไปส่งคุณนะครับ”
กระจกรถค่อยๆเลื่อนเปิดออกทำให้มองเห็นใบหน้าที่ อ่อนโยนเป็นสุภาพบุรุษของเย่หลิ่นหาน
เสิ่นเฉียวอึ้งเล็กน้อยแล้วส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ”
ถ้าโดนเยโม่เซินเห็นเข้าก็จะโดนด่าว่าเธอไปจับผู้ชายอีก
“ขั้นมาเถอะครับ คุณวิ่งไปมาหลายชั่วโมง คงเหนื่อยแย่ แล้ว” เมื่อพูดจบ เย่หลิ่นหานก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออก จาก นั้นเดินลงมาจากรถเพื่อเปิดประตูให้เธอ มันทำให้เธอไม่ อาจจะปฏิเสธเขาต่อได้
ท้ายที่สุดแล้ว เสิ่นเฉียวก็ขึ้นมานั่งอยู่ในรถของเขา
“ขอบคุณนะคะ”
ไม่ต้องเกรงใจครับ” เย่หลิ่นหานยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับ เธอ จากนั้นเตือนเธอเบาๆ “เข็มขัดนิรภัยครับ”
เธอนั่งรถของเย่หลื่นหานกลับไปที่ตระกูลเย่ ตลอดทาง ที่ขับกลับบ้านเขาไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ถามอะไรเธอแม้แต่ น้อย อีกทั้งพาเธอมาส่งตรงหน้าประตูทางเข้า
เสิ่นเฉียวค่อยๆเดินขึ้นไปห้องของตัวเอง เธอยังคงอึ้งกับ ความอ่อนโยนของเย่หลิ่นหาน
ทั้งทั้งที่เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทำไมนิสัยถึงต่างกันได้ขนาด นี้?
เมื่อเข้ามาในห้อง ฝีเท้าของเสิ่นเฉียวก็หยุดชะงักทันที
เพราะบนพื้นมีกระเป๋าสัมภาระของเธอวางอยู่
เสิ่นเฉียว อึ้งไปสักพักจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมามองคนที่
อยู่ในห้องนั้น
“ใครอนุญาตให้เธอเอาข้าวของของเธอมาวางเกลื่อนไว้ เต็มห้องของฉัน?”
เสิ่นเฉียว เงียบไปสักพัก เธอค่อยๆเดินมาหยิบกระเป๋า สัมภาระขึ้นมา “คุณจะไม่กลับมาที่ห้องนี้แล้วไม่ใช่หรอ?”
คืนแรกที่แต่งงาน เขาให้ผู้ช่วยของเขาเข็นตัวเขาออกไป เสิ่นเฉียวนึกว่าเขาจะไม่กลับเข้ามาอยู่ห้องนี้แล้ว
“ที ที่นี่มันห้องของฉัน”
เสิ่นเฉียว เงียบแล้วกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ “แต่ฉันเป็น ภรรยาของคุณนะ”
“ภรรยาที่ใช้ชื่อน้องสาวตัวเองอย่างนั้นหรอ?”
เสิ่นเฉียวพูดอะไรไม่ออก
จากที่ดูแล้วเขาน่าจะไม่ยอมให้เธออยู่ห้องนี้ต่อแล้ว จาก คำพูดของเขาสามารถรับรู้ได้ว่าเขารู้สึกเกลียดเธอแค่ไหน แต่ทว่าเธอออกไปจากห้องนี้ไม่ได้จริงๆ
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวก็จ้องมองไปที่เขาด้วยแววตาที่ อ้อนวอนขอร้อง “ฉันขอร้องล่ะ ขอเพียงพื้นที่ตรงมุมเล็กๆ ให้ฉันหน่อยได้มั้ย? ฉันไม่ต้องการพื้นที่มากมายหรอก”
ไม่ได้!”
สีหน้าของเสิ่นเฉียวขาวซีด “แต่ว่าถ้าฉันออกไป คุณปู่ก็จะ เห็น”
เย่โม่เซินออกคำสั่งชัดเจน เซียวซูก็รีบพูดตาม “คุณหนู เสิ่น เชิญครับ อย่าให้ผมลงมือเลย”
เสิ่นเฉียว กัดริมฝีปากเล็กน้อย “ไม่เหลือพื้นที่ให้ฉันต่อ รองแล้วจริงๆใช่มั้ย?”
แววตาของเย่โม่เซินนั้นลุ่มลึกราวกับหมาป่า มืดมน แต่ แฝงไปด้วยความชั่วร้าย
เมื่อเธอจ้องมองเขาได้สักพัก เสิ่นเฉียวก็หมุนตัวเดินออก
ไปพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระของเธอ
เธอปิดประตูห้อง
“คุณชายเย่ ดูแล้วเธอน่าจะจนตรอกจริงๆแล้วนะครับ”
เยโม่เซินจิบมุมปากขึ้นเล็กน้อย นึกว่าเธอจะแน่สักเท่า ไหร่เชียว เพียงแค่นี้ก็สามารถเอาชนะเธอได้แล้ว
ที่ ช่างไม่คุ้มค่าที่จะเสียเวลาต่อกรด้วยจริงๆ
“ทางด้านโรงพยาบาลได้ส่งคนไปตรวจสอบยัง?” อยู่ๆเย่
โม่เซินก็หันมาถาม
สีหน้าของเซียวซู่เปลี่ยนไปทันที “ยัง ยังไม่ได้ส่งคนไป
ครับ”
“งั้นนายยังจะมายืนเซออะไรตรงนี้?”
เซียวซูรีบตอบ “ผมจะรีบไปจัดการให้ครับ!”
เซียวซูรีบออกไปจากตรงนั้นอย่างไว ตอนที่เขาเดินออก มาก็ยังคงเห็นเสิ่นเฉียวลากกระเป๋าสัมภาระยืนอยู่ตรงหน้า ประตู เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่แสดงให้รู้ว่าเธอต้อง ช่วยตัวเองแล้วล่ะ จากนั้นเขาก็เดินจากไป
วันที่สอง
ตอนที่เซียวซูเข้ามาหา เย่โม่เซิน เขามองดูสิ่งที่เกิดที่อยู่ หน้าประตูด้วยความอึ้งและตกใจ
เขาค่อยๆเดินเข้าห้องมา ปลุกเยโม่เซินให้ตื่นขึ้นมาจ จาก นั้นรอให้เขาล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จ
จากนั้น เขาก็พูดออกมา “คือว่าคุณชายเย่ คุณหนูเสิน….”
เมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนั้น เย่โม่เซินก็คิ้วขมวด ร่างกายของ เขาแผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมา
“คุณชายเย่ ผมไม่ได้อยากจะพูดถึงเธอ แต่เธอ…เซียว ซูพูดไม่ออก “คุณชายเย่ ออกมาดูที่หน้าประตูเองเถอะ ครับ”
“เข็นฉันออกไป”
ไม่ว่าเย่โม่เซินจะเป็นคนใจแข็งโหดเหี้ยมเพียงใด แต่เมื่อ มองเห็นผู้หญิงที่กอดเสื้อโค้ทนอนอยู่ตรงหน้าประตู เขา เองก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เสิ่นเฉียววางกระเป๋าสัมภาระไว้ข้างตัวเธอ ส่วนเธอนั้นเอา เสื้อโค้ตมาคลุมตัวแล้วพิงกำแพงหลับไป ดูจากสภาพเธอ น่าจะนอนหลับอย่างสะลึมสะลือ ล้มกองอยู่กับพื้น อีกทั้ง อากาศหนาวเย็นมาก เธอพยายามหดตัวมุดเข้าไปในเสื้อ โค้ต ตัวของเธอนั้นสั่น มองเห็นเพียงใบหน้าเล็กๆที่ขาว ผ่องโผล่ออกมา
ผิวของเธอนั้นขาวผ่องแลดูสว่าง ผมของเธอไม่ได้ผ่าน การจัดทรงตกแต่งใดใด แต่กลับเรียบตรงดูสลวยอย่างเป็น ธรรมชาติ เส้นผมบางเส้นแนบติดอยู่บนหน้าผากของเธอ ทำให้ใบหน้าเล็กๆของเธอแลดูใสชื่อบริสุทธิ์
เยโม่เซินจ้องมองเธอที่กำลังนอนตัวสั่น เขารู้สึกทนดู ภาพเหล่านี้ต่อไม่ได้
เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา “ไปปลุกเธอให้ตื่น”
เชียวซูอึ้งไปสักพัก “ให้ปลุกเธอยังไงดีครับ?”
เยโม่เซิน …แล้วนายคิดว่าต้องปลุกยังไงล่ะ?”
เซียวซู่ เดินเข้าไปใกล้เธอแล้วเอาเท้าเตะเบาๆที่กันของเสิ่นเฉียว
สีหน้าของเย่โม่เซินลิ้งดึงทันที พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ว่า “นายทำอะไรน่ะ?”
ใบหน้าของเซียวซู่ที่ใสซื่อบริสุทธิ์หันมาพูด “ปลุกเธอให้ ตื่นไงครับ” เขาจับจมูกตัวเองแล้วพูด “คุณชายเยคิดว่าผม เตะเบาไปหรอครับ? งั้นผมเตะให้แรงกว่านี้หน่อยก็แล้วกัน ครับ”
ในความคิดของเซียวซู่ เย่โม่เซินนั้นรู้สึกเกลียด เสิ่นเฉียว มากจริงๆ
“พอแล้ว ฉันให้นายไปปลุกเธอ ไม่ได้ให้นายไปทำร้าย เธอ” เย่โม่เซินพยายามอดกลั้นอารมณ์ที่กำลังจะระเบิด ออกมา
“ผมเข้าใจแล้วครับ!” เซียวซู่เริ่มเข้าใจความหมายของ เขา รีบนั่งยองลงไปแล้วสะกิดเบาๆที่ไหล่ของเสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวหลับสนิท เขาพยายามปลุกอยู่สักพักเธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“คุณหนูเสิน ฟ้าสว่างแล้ว ตื่นเถอะครับ”
ฟ้าสว่างแล้วหรอ?
เสิ่นเฉียว รู้สึกมึนไปสักพักจากนั้นจึงค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง เธอมองไปรอบๆพบว่าฟ้าสว่างแล้วจริงๆ เธอขยี้ตาของเธอ
นึกไม่ถึงว่าเธอจะนอนหลับอยู่ข้างนอกนี้ทั้งคืนจริงๆ? เวลาช่างผ่านไปไวจริงๆ..
“ใครอนุญาตให้เธอนอนอยู่หน้าประตู?”
เธอที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อยู่ๆก็ได้ยินคำถามลอยเข้ามา
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นมองเห็นเย่โม่เซินที่กำลังจ้องหน้า เธออยู่
เธอนั่งเหม่อไปสักพัก นั่งนึกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จากนั้นกอดเสื้อโค้ตที่อยู่ในอกแน่น ตอบด้วยน้ำเสียงอัน แผ่วเบาว่า “ฉันไม่มีที่ไปจริงๆ”
เป็นเพราะเธอนอนอยู่ข้างนอกทั้งคืน เสียงของเธอนั้นขึ้น จมูก ฟังดูอู้ อู้
“ดังนั้นเธอเลยมานอนอับอายขายขี้หน้าอยู่ตรงนี้งั้น
หรอ?”
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากแน่น จ้องมองเข้าไปในแววตาที่เย็น ชาของเย่โม่เซินแล้วพูด “ถ้าคุณคิดว่าฉันนอนอยู่ตรงนี้แล้ว มันน่าอับอายก็ให้ฉันเข้าไปนอนข้างในสิ”
“เธอ..
เยโม่เซิน อึ้งจนพูดไม่ออกทันที เธอยังกล้าพูดเถียงอีก อย่างนั้นหรอ
เสิ่นเฉียว จ้องมองเข้าไปในตาของเขา ถ้าเทียบกับเมื่อ วานแล้ว สีหน้าของเธอในตอนนี้แลดูซีดเซียวกว่ามาก ราวกับว่าเธอกำลังจะไม่สบาย เมื่อเห็นเธอในสภาพนี้แล้ว เย่โม่เซินก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ อยู่ๆใจของเขาก็เริ่มอ่อนลง ถอนหายใจเบาๆอย่างเย็นชาหนึ่งที่
“เราไปกันเถอะ”
เซียวซู่เดินเข้ามาเข็นรถ “คุณชายเย่ งั้น คุณหนูเสิ่น
เธอ..”
เยโม่เซินหันหน้ามามองเธอ “อย่ามานอนขายขี้หน้าอยู่ หน้าประตู”
รอให้เขาเดินจากไป เสิ่นเฉียวจึงกอดเสื้อโค้ตยีนขึ้นมา
คำพูดของเขาเมื่อตะกี้ ….ความหมายคืออนุญาตให้เธอ เข้าไปข้างในได้แล้วสินะ?
ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ เขาก็เดินออกไปแล้ว เธอขอเข้าไป ข้างในล้างหน้าแปรงฟันหน่อยละกัน
ตอนที่เธอกำลังแปรงฟันอยู่นั้น อยู่ๆเสิ่นเฉียวก็รู้สึก คลื่นไส้ขึ้นมา เธอเอามือจับอ่างล้างหน้าพยายามอาเจียน ออกมาหลายครั้ง
หลังจากแปรงฟันเสร็จ เธอก็รู้สึกหนาวมาก เธอจึงเข้าไป อาบน้ำอุ่น
เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมานอกห้อง เธอก็ยังคงรู้สึกหนาว เสียงของเธอเริ่มแหบ เธอรู้สึกเวียนหัวไปหมด
นึกไปนึกมา เธอตัดสินใจจะไปโรงพยาบาลเพื่อเบิกยามากิน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ