เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก...

บทที่55 ดื่มเหล้าไม่ดีต่อสุขภาพ



บทที่55 ดื่มเหล้าไม่ดีต่อสุขภาพ

บทที่ 55 ดื่มเหล้าไม่ดีต่อสุขภาพ

“คุณไม่เชื่อที่ฉันพูดใช่ไหม ได้เดี๋ยวฉันจะเขียน สัญญาให้คุณเลย ถ้าต่อไปฉันไปแล้วฉันจะค่อยๆ คืนให้คุณ” เสิ่นเฉียวเชื่อในตัวเอง สีหน้าท่าที่จริงจัง ก้าวเท้าอยางรีบร้อน

“หยุด”

เสิ่นเฉียวหยุดอยู่ที่เดิม จ้องเขาอย่างไม่รู้ว่าตัวเอง ทำผิดอะไร

“ถอยหลังไป”

เสิ่นเฉียวก็ยังคงไม่เข้าใจ แต่คนที่สั่งคือเย่โม่เซิน เธอจำต้องค่อยๆ หันหลังกลับมา

แล้วยังไงต่อ

“ออกไป”
เพื่ออะไรกัน เรื่องยังคาราคาซังอยู่เลย แต่ที่บริษัท เขาเป็นใหญ่ เสิ่นเฉียวทำได้แค่ ออกจากห้องทำงาน ไป ตามคำสั่งของเขา

กลับมายังโต๊ะทำงานของตน เสิ่นเฉียวนึกถึงลู่สุน ฉางที่ถูกทำร้ายที่ร้านกาแฟในวันนั้น ต่อมาเย่โม่เชิ นบอกว่าจะกำจัดเขา ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือเปล่า

หวังว่าจะไม่จริงนะ

เปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมา เสิ่นเฉียวเตรียมตัวตั้งใจทำงาน ปรากฏว่าผ่านไปยังไม่ถึงสองนาที ก็ง่วงนอนจนหาว ออกมา

ไม่ได้ เสิ่นเฉียวเคาะไปที่ศีรษะของเธอ เธอเป็นผู้ ช่วยผู้จัดการ เธอจะต้องตั้งใจทำงาน รีบปลุกให้ตัว เองกระปี้กระเป๋าขึ้นมา เสิ่นเฉียวถือเอกสารที่นั่งมอง มาครึ่งค่อนวันขึ้นมา จนสุดท้ายก็มีเพียงเสียงศีรษะที่ ถูกกระแทกเข้ากับโต๊ะแข็งๆ ที่อยู่ตรงหน้าดังขึ้นเงินเลี้ยว ตื่นขึ้นมาแบบมึนๆ ลูบไปที่หน้าผากแดง เม่งที่ชนเข้าเมื่อครู่

เงิบจัง

ggทน ไปไม่ไหวแล้ว เสิ่นเฉียวจึงวางไว้ก่อน จากนั้นจึงลุกไปชงกาแฟให้ตัวเอง

ชงกาแฟเสร็จพึ่งจะกลับมา กลับเห็นเงาของคนที่

รันเคยเดินออกมาจากลิฟต์

น้องสะใภ้

เย่ หลิง หลาน พี่ชายของเย่โม่เซินนั่นเอง

“ท่านรองประธานเย่ สวัสดีค่ะ” เสิ่นเฉียวรีบเอ่ยคำ ทักทาย เธอรู้ดำแหน่งของตัวเองดี ดังนั้นจึงเรียก เขาว่ารองประธานเหมือนกับคนอื่นๆ
เย่หลั่นหานเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เขาใส่เสื้อ เช็ดสีขาว ดูไปแล้วช่างสะอาดสะอ้านราวกับหยก

“ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ ครอบครัว เดียวกันแท้ๆ ไม่เซ็นอยู่ไหม”

เส้นเฉียวพยักหน้า “เขาอยู่ที่ห้องทำงานค่ะ”

“อืมก่อนที่เย่หลิ่นหานจะจากไปเขาเหลือบมามอง เธอ เอ่ยขึ้นขำๆ “น้องสะใภ้ ต่อไปอย่าดื่มเหล้าเยอะ นะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ

ได้ยินแบบนี้ เสิ่นเฉียวชะงักไป “ท่านรองประธาน

เย่”

เขารู้ได้ยังไงว่าเธอดื่มเหล้า หรือว่าจนถึงตอนนี้ กลิ่นเหล้ายังติดตัวเธออยู่หรอ

“เมื่อคืนวานตอนที่คุณและโม่เซินกลับมา ผมเจอ เข้าพอดี” เย่หลิ่วหานยื่นมือขึ้นมาจับขมับเธอ แล้วนวดเบาๆ “จริงๆ นะ ผู้หญิงอย่าดื่มเยอะเกิน ไป มันไม่ดีต่อกระเพาะและก็ต่อผิวด้วย”

เย่หลิ่นหานพูดจบก็เข้าไปหาเย่โม่เซินในห้อง ทำงาน เสิ่นเฉียวกลับยืนงงอยู่ที่เดิมอยู่นาน จึง ยกมือขึ้นมาลูบปลายผมตัวเองอย่างเขิน..

เมื่อครูน. เย่หลิ่นหานนวดศีรษะเธอหรอ

ต้องบอกว่า เย่หลิ่นหานเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนมาก ความนุ่มนวลที่ซ่อนไว้ในดวงตา ประกอบกับน้ำเสียง ที่อ่อนโยน รวมถึงใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา

เสิ่นเฉียวยกมือขึ้นมาเคาะศีรษะตัวเองอย่างงงๆ

เธอกำลังคิดอะไรอยู่

คิดซี้ชั้วแบบนี้ได้ยังไงกัน คิดได้ดังนั้น เสิ่นเฉียวจึง ดึงสติกลับคืนมา แล้วนั่งลง
เย่หลิ่นหานเข้าไปในห้องนานแล้วก็ยังไม่ออกมา ไม่รู้ว่ามาหาเย่โม่เซินด้วยเรื่องอะไร เสิ่นเฉียวเริ่มมี ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแปลกๆ คิดว่าต้องเกิดเรื่องอะไร ขึ้นแน่ๆ

ผ่านไปสิบนาที ประตูลิฟต์เปิดออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้ มีคนออกมาจากในลิฟต์สามสี่คน เสิ่นเฉียวมองไปจึง รู้ทันทีว่าลางสังหรณ์ที่ตนสัมผัสได้นั้นมาแล้ว

คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่คือคุณปู่ คนที่เคยสั่งให้เธอ

ไปหาลู่สุนฉาง

คนที่มาด้วยข้างๆ ก็อายุราวๆ เดียวกัน เหมือนอยาก จะช่วยระงับอารมณ์ของคุณปู่

เห็นภาพตรงหน้า เสิ่นเฉียวนึกอะไรบางอย่างขึ้น รีบกลับหลังหันรุดเข้าห้องทำงานไป ครั้งนี้เธอถือ วิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ได้เคาะประตู ด้วยท่าทีรีบ ร้อน ทำให้ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องต้องจ้องมองมา
“น้องสะใภ้ ทำไม…

“คือว่า…คุณปู่มาค่ะ” เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่างมอง ไปที่เยโม่เซินพลางเอ่ยขึ้น

เยโม่เซินสีหน้ายังคงเดิมไม่เปลี่ยน แต่คนที่เปลี่ยน คือเย่หลิ่นหานที่เลิกคิ้วขึ้นสูง เอ่ยขึ้นอย่างหนักใจ “ทำไมคุณถึงได้ขึ้นมาเร็วขนาดนี้นะโม่เซิน พี่ไม่ได้ ว่าให้แกนะ แกลงไปพบปู่กับพี่เถอะ ท่านคงไม่…”

ป้ง

ยังพูดไม่ทันจบ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักให้เปิด ออก นายท่านเย่เดินเข้ามาพร้อมกับคนคอยพยุงอีก

สองคน

“ช่างงามหน้าจริงๆ ต้องให้คนแก่หอบสังขารขึ้นมา หาถึงที่เยโม่เซินนายยังมีความกตัญญที่ควรจะทำไว้ ให้ลูกให้หลานดูบ้างรึเปล่า” น้ำเสียงดุดันบ่งบอกว่า โมโหอย่างขีดสุด
เสิ่นเฉียว สีหน้าเริ่มถอดสี รีบถอยไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

เย่โม่เซินสายตาแข็งกร้าวว่างเปล่า พูดด้วยน้ำเสียง ไร้อารมณ์

“ปู่ ผมกับท่านก็อายุห่างกันมาก แล้วผมก็ไม่ได้เป็น ลูกท่านเองซะหน่อย” พูดจบ ทำหน้าทำตา ยิ้มออก มาอย่างดอร์น

ฟังก็รู้ว่าประโยคนี้เขาตั้งใจพูดยั่วโมโหปู่

“แก” นายท่านเคยจ้องตาโตด้วยความโกรธ “แก..แก ยังเห็นฉันเป็นปู่อยู่หรือเปล่า”

“มีธุระอะไรไหมครับ” เย่โม่เซินยิ้มเย้ยอีกครั้ง “ถ้า ไม่มีอะไร ก็เชิญออกไปได้ครับ ขออนุญาตไม่ส่ง”

“โม่เซิน ต่อผู้หลักผู้ใหญ่ให้มันมีมารยาทสักหน่อย ทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง”
“ท่าน ท่านไม่ทำงานทำการของตนเอง แต่วิ่งมา สั่งสอนผมถึงที่ทำงานแบบนี้จะให้มีมารยาทต่อผู้ อาวุโสได้ยังไง”

“แก”

“เย่โม่เซิน จะยังไงซ่ะพวกเราทั้งสามก็เป็นผู้หลัก ผู้ใหญ่ของคุณ คุณจะทำแบบนี้กับพวกเรา พวกเรา ไม่ว่าอะไร แต่คุณทำแบบนี้กับคุณปู่มันไม่ดูเสีย มารยาทไปหน่อยหรอ”

“มารยาทหรอ” เย่โม่เซินยิ้มอย่างเยือกเย็น “ตั้งแต่ เด็กจนโต ก็ไม่มีใครสอนฉันเรื่องมารยาท”

นายท่านเย่ ชะงักไป เอ่ยขึ้นอย่างโมโห “แกยัง โทษฉันเรื่องนี้อยู่อีกหรอ”

เยโม่เซินไม่ได้พูดอะไร เสิ่นเฉียวส่องสายตาไปยัง คนที่อยู่ด้านหน้า ราวกับว่าได้รู้อะไรบางอย่างจากคำ พูดของเย่โม่เซิน
“ท่าน ท่านไม่ทำงานทำการของตนเอง แต่วิ่งมา สั่งสอนผมถึงที่ทำงานแบบนี้จะให้มีมารยาทต่อผู้ อาวุโสได้ยังไง”

“แก”

“เย่โม่เซิน จะยังไงซ่ะพวกเราทั้งสามก็เป็นผู้หลัก ผู้ใหญ่ของคุณ คุณจะทำแบบนี้กับพวกเรา พวกเรา ไม่ว่าอะไร แต่คุณทำแบบนี้กับคุณปู่มันไม่ดูเสีย มารยาทไปหน่อยหรอ”

“มารยาทหรอ” เย่โม่เซินยิ้มอย่างเยือกเย็น “ตั้งแต่ เด็กจนโต ก็ไม่มีใครสอนฉันเรื่องมารยาท”

นายท่านเย่ ชะงักไป เอ่ยขึ้นอย่างโมโห “แกยัง โทษฉันเรื่องนี้อยู่อีกหรอ”

เยโม่เซินไม่ได้พูดอะไร เสิ่นเฉียวส่องสายตาไปยัง คนที่อยู่ด้านหน้า ราวกับว่าได้รู้อะไรบางอย่างจากคำ พูดของเย่โม่เซิน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ